สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เป็นส่วนราชการระดับกรม ในสังกัดกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักในการบริหาร พัฒนา เพิ่มมูลค่ารัฐวิสาหกิจ และหลักทรัพย์ของรัฐ ตลอดจนการดำเนินงานเกี่ยวกับการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน และหน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน มีสำนักงานตั้งอยู่ที่อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
State Enterprise Policy Office
ตราสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ภาพรวมสำนักงาน
ก่อตั้ง1 ตุลาคม พ.ศ. 2545; 22 ปีก่อน (2545-10-01)
สำนักงานก่อนหน้า
ประเภทส่วนราชการ
เขตอำนาจทั่วราชอาณาจักร
สำนักงานใหญ่อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
งบประมาณต่อปี166,562,800 บาท
(พ.ศ. 2568)[1]
ฝ่ายบริหารสำนักงาน
  • ธิบดี วัฒนกุล, ผู้อำนวยการ
  • วชิรญา เพิ่มภูศรี, รองผู้อำนวยการ
  • พลจักร นิ่มวัฒนา, รองผู้อำนวยการ
ต้นสังกัดสำนักงานกระทรวงการคลัง
เว็บไซต์เว็บไซต์ของสำนักงาน

ประวัติ

แก้

คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้กรมบัญชีกลางยกฐานะแผนกรัฐวิสาหกิจในกองรายได้เป็นกองรัฐวิสาหกิจตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2520 เพื่อรับผิดชอบดูแลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้กว้างขวางและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยเน้นการควบคุมและกำหนดนโยบายด้านการเงินการบัญชี และการบริหารงานบุคคลของรัฐวิสาหกิจ

ต่อมากรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังได้ปรับเปลี่ยนภารกิจจากการควบคุมและปฏิบัติการ มาเป็นการกำกับดูแลให้คำปรึกษา แนะนำส่งเสริมและสนับสนุน ตลอดจนกระจายอำนาจด้านการเงินการคลังไปให้ส่วนราชการต่าง ๆ และส่วนภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้ ได้รวมหน่วยงานที่มีภารกิจความรับผิดชอบในลักษณะใกล้เคียงกันเป็นส่วนราชการเดียวกันโดยมีฐานะสูงกว่ากอง จึงปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายในกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังเสียใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติราชการเกิดความคล่องตัวมีประสิทธิภาพ เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพงานดังกล่าว และเนื่องจากการแบ่งส่วนราชการภายในกรมให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามนัยมาตรา 8 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัตระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 "กองรัฐวิสาหกิจ" จึงเปลี่ยนฐานะเป็น "สำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ" ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2538

ภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจ ภาครัฐได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่รัฐวิสาหกิจ และเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทรัพย์สินของรัฐ ดังนั้นสำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ (สรส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการกำกับ ดูแลการดำเนินนโยบายการบริหารและพัฒนารัฐวิสาหกิจให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล จึงเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สำนักรัฐวิสาหกิจ และหลักทรัพย์ของรัฐมีความสามารถมากขึ้นในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวให้สัมฤทธิ์ผล จึงได้ยกฐานะ “สำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ” เป็น “สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ” มีฐานะเป็นหน่วยงานระดับกรม ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545 [2]

ภารกิจหลัก

แก้

ภารกิจการพัฒนาและการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ สคร. มีหน้าที่หลักในการกำกับดูแลและสนับสนุนรัฐวิสาหกิจให้มีระบบบริหารจัดการที่ดี มีความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเป็นเครื่องมือของรัฐ ในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการที่จะบริหารรัฐวิสาหกิจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวนั้น จำเป็นต้องมีการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้สามารถตอบรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทแวดล้อมต่าง ๆ เช่น กระแสโลกาภิวัฒน์ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รัฐวิสาหกิจยุคใหม่ไม่สามารถใช้วิธีบริหารจัดการแบบเดิมได้อีกตอไป จึงเป็นหน้าที่ของ สคร. ในการนำเครื่องมือแนวปฏิบัติต่าง ๆ มาใช้สร้าง แรงจูงใจการพัฒนารัฐวิสาหกิจ โดยเครื่องมือหรือแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่สำคัญ มีดังนี้

1) คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ

2) แผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ (แผนชาติด้านรัฐวิสาหกิจ ราย 5 ปี)

3) การกำกับดูแลกิจการที่ดี

4) การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ

5) การกลั่นกรองกรรมการรัฐวิสาหกิจ

6) ระบบค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจ

7) การชดเชยรายได้รัฐวิสาหกิจ

8) การกำกับและการพัฒนารัฐวิสาหกิจเชิงรุก

9) การเปิดเผยข้อมูล การบริหารจัดการ ผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ

10) การแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ

11) การจัดทำแผนปฏิรูป/แผนพลิกฟื้นรัฐวิสาหกิจที่ประสบปัญหา

ปัจจุบัน สคร. ทำหน้าที่กำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสหกิจ พ.ศ. 2562 ซึ่งถือเป็นกฎหมายหลักที่ใช้ในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ จำนวน 52 แห่ง โดย ณ ปี 2562 รัฐวิสาหกิจมีฐานะการเงินและผลประกอบการ ได้แก่ สินทรัพย์รวมกว่า 15 ล้านล้านบาท รายได้รวมกว่า 4.6 ล้านล้านบาท และกำไรสุทธิกว่า 3.2 แสนล้านบาท รวมทั้ง สคร. สามารถจัดเก็บเงินนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ณ สิ้นปีงบประมาณ 2563 รวมจำนวน 188,861 ล้านบาท การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไทย ดังนั้น การบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจที่ดีย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่การบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพย่อมก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างได้เช่นกัน

ภารกิจบริหารหลักทรัพย์ของรัฐ ปัจจุบันภารกิจงานในการบริหารหลักทรัพย์ของรัฐของ สคร. ประกอบด้วย

1) ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารหลักทรัพย์ของรัฐในรัฐวิสาหกิจและกิจการที่รัฐถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละห้าสิบของทุนทั้งหมด

2) ดำเนินการเกี่ยวกับการวิเคราะห์โครงการร่วมทุนของรัฐ รวมทั้งการจัดหาเงินเพื่อร่วมทุนในกิจการที่รัฐถือหุ้น ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด

3) ดำเนินการเกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย การแต่งตั้ง และการกำกับดูแลกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังและ กรรมการอื่นในรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง ในกิจการที่รัฐถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด

4) ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ

ปัจจุบัน สคร. ทำหน้าที่ในการบริหารหลักทรัพย์ที่กระทรวงการคลังถือครองต่ำกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 97 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม ประมาณ 352,518 ล้านบาท นอกจากนี้ สคร. ยังทำหน้าที่ในการกำกับดูแลกองทุนที่สำคัญอีกหลายกองทุน เช่น

-  กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง เป็นกองทุนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการบริหารจัดการหลักทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลงทุนในกิจการที่มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อประเทศในเชิงเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเท่ากับ 320,072 ล้านบาท

- กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) เป็นกองทุนเพื่อสนับสนุนการลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐและลดภาระทางการคลัง เพื่อพัฒนาตลาดทุนของประเทศและเป็นช่องทางให้นักลงทุนและผู้มีเงินออมสามารถลงทุนในทรัพย์สินของภาครัฐที่มีคุณภาพ โดยปัจจุบันกองทุน Thailand Future Fund มีมูลค่าตามตลาดประมาณกว่า 4 หมื่นล้านบาท

[3]

ภารกิจการให้เอกชนร่วมทุนในกิจการของรัฐ การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ คือ การอนุญาต หรือให้สัมปทาน หรือให้สิทธิแก่เอกชนดำเนินกิจการของรัฐ ทั้งในกิจการเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม ซึ่งกิจการของรัฐดังกล่าวต้องเป็นกิจการที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ต้องทำตาม กฎหมาย หรือกิจการดังกล่าวจะต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติหรือทรัพย์สินของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

หน่วยงานในสังกัด

แก้

รายนามผู้อำนวยการ

แก้

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ได้แก่

  1. นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ (21 ตุลาคม 2545 - 30 กันยายน 2548)
  2. นายวิชัย จึงรักเกียรติ (1 ตุลาคม 2548 - 28 ธันวาคม 2549)
  3. ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม (12 มีนาคม 2550 - 30 กันยายน 2552)
  4. นางสาวสุภา ปิยะจิตติ (1 ตุลาคม 2552 - 30 กันยายน 2553)
  5. ดร.สมชัย สัจจพงษ์ (1 ตุลาคม 2553 - 30 กันยายน 2554)
  6. นายประสงค์ พูนธเนศ (1 ตุลาคม 2554 - 30 มิถุนายน 2557)
  7. นายกุลิศ สมบัติศิริ (1 กรกฎาคม 2557 - 30 กันยายน 2558)
  8. ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (1 ตุลาคม 2558 - 9 พฤษภาคม 2561)
  9. นายประภาศ คงเอียด (10 พฤษภาคม 2561 - 8 กุมภาพันธ์ 2564)
  10. นางปานทิพย์ ศรีพิมล (9 กุมภาพันธ์ 2564 - 30 กันยายน 2566)
  11. นายธิบดี วัฒนกุล (17 ธันวาคม 2566 - ปัจจุบัน)

อ้างอิง

แก้
  1. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘, เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๑๒, ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗
  2. https://www.sepo.go.th/content/1
  3. https://www.sepo.go.th/content/220