ปรัสเซียตะวันออก

ปรัสเซียตะวันออก (เยอรมัน: Ostpreußen ออกเสียง: [ˈɔstˌpʁɔʏsn̩] ( ฟังเสียง); โปแลนด์: Prusy Wschodnie; ลิทัวเนีย: Rytų Prūsija; ละติน: Borussia orientalis; รัสเซีย: Восточная Пруссия, อักษรโรมัน: Vostóchnaya Prússiya) เป็นมณฑลหนึ่งของราชอาณาจักรปรัสเซีย ดำรงอยู่ระหว่างค.ศ. 1773 ถึง 1829 และอีกครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1878 (กับราชอาณาจักรเองก็ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเยอรมัน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1871) ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเสรีรัฐปรัสเซียของสาธารณรัฐไวมาร์ มีเมืองหลวงมณฑลอยู่ที่เคอนิชส์แบร์ค(ปัจจุบันคือ คาลีนินกราด) ปรัสเซียตะวันออกเป็นส่วนหลักของภูมิภาคปรัสเซียตามชายฝั่งทะเลบอลติกทางด้านตะวันออกเฉียงใต้[1]

ปรัสเซียตะวันออก
Ostpreußen (เยอรมัน)
มณฑลของปรัสเซีย
ค.ศ. 1772–1829
ค.ศ. 1878–1945
Flag of ปรัสเซียตะวันออก
ธง
ตราอาร์ม of ปรัสเซียตะวันออก
ตราอาร์ม

ปรัสเซียตะวันออก(สีแดง) ในราชอาณาจักรปรัสเซียภายในจักรวรรดิเยอรมัน ปี 1871
เมืองหลวงเคอนิชส์แบร์ค
พื้นที่ 
• 1905
36,993 ตารางกิโลเมตร (14,283 ตารางไมล์)
ประชากร 
• 1905
2025741
ประวัติศาสตร์ 
• สถาปนา
31 มกราคม 1773
• มณฑลปรัสเซีย
3 ธันวาคม 1829
• พื้นฟูมณฑลเทศาภิบาล
1 เมษายน 1878
1945
ก่อนหน้า
ถัดไป
ดัชชีปรัสเซีย
สหภาพโซเวียต
Polish People's Republic
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ รัสเซีย
 โปแลนด์
 ลิทัวเนีย

ดินแดนบรรพบุรุษขนาดใหญ่บนทะเลบอลติกของชาวปรัสเซียเก่าถูกโอบล้อมภายในปรัสเซียตะวันออก ในช่วงศตวรรษที่ 13 ชนพื้นเมืองชาวปรัสเซียถูกพิชิตโดยอัศวินครูเสดแห่งทิวทอนิก ภายหลังจากการถูกพิชิต ชนพื้นเมืองบนทะเลบอลติกก็ค่อยๆ หันมานับถือศาสนาคริสต์ เนื่องจากการกลายเป็นเยอรมันและการล่าอาณานิคมในหลายศตวรรษ ชาวเยอรมันจึงกลายเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อำนาจเหนือกว่า ในขณะที่ชาวมาซูเรียนและชาวลิทัวเนียกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ปรัสเซียตะวันออกได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐศาสนาแห่งอัศวินทิวทอนิก ภายหลังจากสนธิสัญญาสันติภาพทอรูนฉบับที่สองในปี ค.ศ. 1466 ได้กลายเป็นที่ดินศักดินาของราชอาณาจักรโปแลนด์ ในปี ค.ศ. 1525 กับการแสดงความเคารพของชาวปรัสเซีย มณฑลแห่งนี้ได้กลายเป็นดัชชีปรัสเซีย[2] ภาษาปรัสเซียเก่าได้สูญหายไปในช่วงศตวรรษที่ 17 หรือช่วงต้นศตวรรษที่ 18[3]

เนื่องจากดัชชีนั้นอยู่ด้านนอกของแกนกลางของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เจ้าชายผู้มีสิทธิรับเลือกแห่งบรันเดินบวร์คสามารถประกาศตั้งตัวเองว่าเป็นกษัตริย์ได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1701 ภายหลังจากการผนวกดินแดนส่วนใหญ่ของราชปรัสเซียตะวันตกในการแบ่งแยกครั้งที่หนึ่งของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนียในปี ค.ศ. 1772 ปรัสเซียตะวันออก(ดูกัล) ได้เชื่อมต่อทางบกกับส่วนที่เหลือของรัฐปรัสเซียและได้รับการจัดตั้งเป็นมณฑลในปีถัดมา(ค.ศ. 1773) ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1829 และ ค.ศ. 1878 จังหวัดปรัสเซียตะวันออกได้ถูกร่วมกับจังหวัดปรัสเซียตะวันตกเพื่อมณฑลปรัสเซีย

ราชอาณาจักรปรัสเซียได้กลายเป็นรัฐผู้นำของจักรวรรดิเยอรมัน ภายหลังจากได้รับการสถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 1871 อย่างไรก็ตาม สนธิสัญญาแวร์ซายในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้มอบให้ปรัสเซียตะวันตกแก่โปแลนด์และทำให้ปรัสเซียตะวันออกเป็นดินแดนส่วนแยกของเยอรมนีไวมาร์(ฉนวนใหม่ของโปแลนด์ที่แบ่งแยกปรัสเซียตะวันออกออกจากส่วนที่เหลือของเยอรมนี) ในขณะที่ดินแดนเมเมิลถูกแบ่งแยกและถูกยึดครองโดยลิทัวเนียในปี ค.ศ. 1923 ภายหลังจากนาซีเยอรมันประสบความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 ปรัสเซียตะวันออกที่ถูกทำลายจากสงครามได้ถูกแบ่งแยกออกจากการยืนกรานของโจเซฟ สตาลินในระหว่างสหภาพโซเวียต(แคว้นคาลินินกราดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซียและมณฑลที่เป็นส่วนประกอบของภูมิภาค Klaipėda ในสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตลิทัวเนีย) และสาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์(จังหวัดวาร์เมีย-มาซูรือ)[4] เมืองหลวงคือเคอนิชส์แบร์คได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นคาลินินกราดในปี ค.ศ. 1946 ประชากรชาวเยอรมันส่วนใหญ่ในมณฑลได้อพยพในช่วงสงครามหรือถูกขับไล่ออกไปหลังจากนั้นไม่นานในการขับไล่ชาวเยอรมันในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จำนวนประมาณ 300,000 คน(จำนวนหนึ่งในห้าของประชากร) เสียชีวิตจากการโจมตีทิ้งระเบิด ในการรบเพื่อปกป้องมณฑล หรือจากการกระทำทารุณโหดร้ายโดยกองทัพแดง

อ้างอิง

แก้
  1. The Columbia Encyclopedia, Sixth Edition (2008), East Prussia
  2. Schaitberger, L. "Ostpreußen: The Great Trek". สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
  3. Encyclopædia Britannica: Old-Prussian-language; Gordon, Raymond G., Jr. (ed.): Ethnologue: Languages of the World, 2005, Prussian
  4. tenn@owlnet.rice.edu. "Sarmatian Review XV.1: Davies". สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้