นาฬิกาวันสิ้นโลก
นาฬิกาวันสิ้นโลก (อังกฤษ: Doomsday Clock) เป็นหน้าปัดนาฬิกาเชิงสัญลักษณ์ โดยเป็นการเปรียบการนับถอยหลังมหันตภัยทั่วโลกที่อาจเกิด (เช่น สงครามนิวเคลียร์หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2490 โดยสมาชิกคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความมั่นคงของ จดหมายข่าวนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ (Bulletin of the Atomic Scientists)[1] ซึ่งได้รับคำแนะนำจากคณะกรรรมการปกครองและคณะกรรมการผู้สนับสนุน ซึ่งมีผู้ได้รับรางวัลโนเบล 18 คน ยิ่งตั้งนาฬิกาเข้าใกล้เที่ยงคืนมากเท่าใด นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่าโลกใกล้ภัยพิบัติทั่วโลกมากขึ้นเท่านั้น
เดิมนาฬิกานี้ซึ่งแขวนบนกำแพงในสำนักงานของจดหมายข่าวฯ ในมหาวิทยาลัยชิคาโก[2] เป็นตัวแทนของภัยคุกคามสงครามนิวเคลียร์ทั่วโลก ทว่า หลัง พ.ศ. 2550 ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[3] และพัฒนาการใหม่ในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวิตซึ่งอาจก่อภัยต่อมนุษยชาติอย่างไม่อาจกู้คืนได้[4] ค่าที่ประกาศอย่างเป็นทางการล่าสุด คือ 100 วินาที หรือ 1 นาที 40 วินาทีก่อนเที่ยงคืน (23:58:20 น.) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 เนื่องจาก "ความล้มเหลวของผู้นำโลกในการรับมือกับภัยคุกคามที่น่าจะเกิดขึ้นจากสงครามนิวเคลียร์ เช่นการสิ้นสุดของสนธิสัญญาระหว่างกองกำลังนิวเคลียร์ระดับกลาง (INF) ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียรวมถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านและต่อเนื่อง รวมถึงการไม่สามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" และถือเป็นครั้งแรกที่ทางนักวิทยาศาสตร์เรียกเวลาเป็นวินาที[5][6] [7]
ประวัติ
แก้การก่อตั้ง
แก้ในปี พ.ศ. 2490 เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็น ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ได้มีการกำหนดเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลกไว้ที่ 7 นาทีก่อนเที่ยงคืน และได้มีการปรับเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นหรือช้าลงตามสถานการณ์ของโลก และการทำนายเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ที่อาจเป็นไปได้ การกำหนดเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลกถือเป็นการตัดสินใจเพียงผู้เดียวของประธาน คณะกรรมการจดหมายข่าวนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นกิจกรรมของโลก การเปลี่ยนแปลงเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลกมิได้เกิดขึ้นในทันทีหลังจากที่เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น โดยนาฬิกาวันสิ้นโลกเคยอยู่ใกล้เที่ยงคืนที่สุด อยู่ที่ 2 นาทีก่อนเที่ยงคืน ในปี 2496 และในเดือนมกราคม 2561 มีการตั้งนาฬิกาที่ 2 นาทีก่อนเที่ยงคืนอีกครั้ง[8]
การเปลี่ยนแปลงเวลา
แก้นับตั้งแต่ได้มีการก่อตั้งนาฬิกาสิ้นโลกเป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงเวลาของนาฬิกาทั้งหมด 20 ครั้ง นับตั้งแต่ 7 นาทีก่อนเที่ยงคืน ในปี พ.ศ. 2490
ปีที่เปลี่ยนแปลง (พ.ศ.) |
จำนวนนาที ก่อนถึงเที่ยงคืน |
เวลา (นาฬิกา) |
การเปลี่ยนแปลง | สาเหตุ |
---|---|---|---|---|
2490 | 7 | 23:53 | — | กำหนดเวลาครั้งแรกของนาฬิกา |
2492 | 3 | 23:57 | +4 | สหภาพโซเวียตทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรก เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการ |
2496 | 2 | 23:58 | +1 | สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตทดลองอุปกรณ์เทอร์โมนิวเคลียร์ห่างกันไม่ถึง 9 เดือน นับเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนมากที่สุดของนาฬิกาสิ้นโลกจนถึงปัจจุบัน |
2503 | 7 | 23:53 | -5 | เพื่อสนองต่อการรับรู้ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและความเข้าใจสาธารณะของภัยอาวุธนิวเคียร์ (ตลอดจนการปฏิบัติทางการเมืองเพื่อหลีกเลี่ยง "การแก้แค้นขนานใหญ่") สหรัฐและสหภาพโซเวียตร่วมือและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในความขัดแย้งภูมิภาค เช่น วิกฤตการณ์สุเอซ พ.ศ. 2499 นักวิทยาศาสตร์นานาประเทศช่วยสถาปนาปีธรณีฟิสิกส์ระหว่างประเทศ เป็นชุดวันสำคัญทั่วโลกที่มีการประสานงานระหว่างประเทศซึ่งเป็นพันธมิตรกับทั้งสหรัฐและสหภาพโซเวียต และการประชุมพักวอชว่าด้วยวิทยาศาสตร์และกิจการโลก (Pugwash Conferences on Science and World Affairs) ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์โซเวียตและอเมริกันมีอันตรกิริยากัน |
2506 | 12 | 23:48 | -5 | สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตลงนามสนธิสัญญาห้ามการทดสอบบางส่วน ซึ่งจำกัดการทดสอบนิวเคลียร์ในบรรยากาศ |
2511 | 7 | 22:53 | +5 | เกิดสงครามภูมิภาค ได้แก่ สงครามเวียดนามที่ทวีรุนแรงขึ้น เกิดสงครามหกวันใน พ.ศ. 2510 และสงครามอินเดีย-ปากีสถาน พ.ศ. 2508 ที่เลวกว่านั้น ฝรั่งเศสและจีน สองชาติซึ่งไม่ลงนามสนธิสัญญาห้ามการทดสอบบางส่วน ได้และทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เพื่อยืนยันว่าตนเป็นผู้เล่นระดับโลกในการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์ |
2512 | 10 | 23:50 | -3 | ทุกชาติในโลก ข้อยกเว้นที่สำคัญคือ อินเดีย ปากีสถานและอิสราเอล ลงนามสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ |
2515 | 12 | 23:48 | -2 | สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตลงนามในสนธิสัญญาจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับแรก และสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธทิ้งตัว |
2517 | 9 | 23:51 | +3 | อินเดียทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรก การเจรจาสนธิสัญญาจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับที่สองหยุดชะงัก ทั้งสหรัฐและสหภาพโซเวียตปรับยานกลับเข้ากำหนดเป้าหมายได้อิสระหลายเป้าหมาย (multiple independently targetable reentry vehicle) ให้ทันสมัย |
2523 | 7 | 23:53 | +2 | หล่มในการเจรจาอเมริกา–โซเวียตที่ทำนายอนาคตไม่ได้ขณะที่สงครามโซเวียตในอัฟกานิสถานยังดำเนินต่อ ผลของสงครามทำให้วุฒิสภาสหรัฐปฏิเสธไม่ให้สัตยาบันความตกลงสนธิสัญญาจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับที่สองระหว่างสองชาติ และประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ถอนสหรัฐจากโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 ในกรุงมอสโก รัฐบาลคาร์เตอร์พิจารณาหนทางซึ่งสหรัฐจะสามารถชนะสงครามนิวเคลียร์ |
2524 | 4 | 23:56 | +3 | มีการปรับนาฬิกาเมื่อต้น พ.ศ. 2524[9] สงครามโซเวียตในอัฟกานิสถานทำให้ท่าทีนิวเคลียร์ของสหรัฐแข็งกร้าวขึ้น โรนัลด์ เรแกนเป็นประธานาธิบดี ล้มการเจรจาลดอาวุธกับสหภาพโซเวียตและแย้งว่าทางเดียวที่จะยุติสงครามเย็นคือต้องชนะ ความตึงเรียดระหว่างสหรัฐและสหภาพโซเวียตส่งเสริมภัยการทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์ |
2527 | 3 | 23:57 | +1 | ความตึงเครียดบานปลายขึ้นระหว่างสหรัฐและสหภาพโซเวียต มีการปรับนาฬิกาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2526 เนื่องจากสงครามอัฟกานิสถานที่กำลังดำเนินอยู่นั้นทำให้สงครามเย็นระอุขึ้น มีการวางกำลังขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางเพอร์ชิง 2 ของสหรัฐและขีปนาวุธร่อนในยุโรปตะวันตก[9] โรนัลด์ เรแกนผลักดันให้ชนะสงครามนิวเคลียร์โดยการเพิ่มความเข้มข้นของการแข่งขันอาวุธระหว่างอภิมหาอำนาจ สหภาพโซเวียตและพันธมิตร (ยกเว้นโรมาเนีย) คว่ำบาตรโอลิมปิกในลอสแอนเจลิสเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรที่มีสหรัฐนำใน พ.ศ. 2523 |
2531 | 6 | 23:54 | -3 | สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตลงนามสนธิสัญญากำจัดขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง; ความสัมพันธ์สองประเทศดีขึ้น[10] |
2533 | 10 | 23:50 | -4 | การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินและม่านเหล็ก ร่วมกับการสร้างเอกภาพเยอรมนี หมายความว่า สงครามเย็นใกล้สิ้นสุด |
2534 | 17 | 23:43 | -7 | สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตลงนามสนธิสัญญาลดอาวุธยุทธศาสตร์; สหภาพโซเวียตล่มสลาย สงครามเย็นถึงคราวสิ้นสุด; นับเป็นเวลาที่ห่างจากเที่ยงคืนมากที่สุดของนาฬิกาวันสิ้นโลก |
2538 | 14 | 23:46 | +3 | รายจ่ายทางการทหารทั่วโลกยังอยู่ที่ระดับเมื่อสมัยสงครามเย็นท่ามกลางความกังวลด้านการเผยแพร่อาวุธและกำลังสมองนิวเคลียร์สมัยหลังโซเวียต |
2541 | 9 | 23:51 | +5 | ทั้งอินเดียและปากีสถานต่างทดลองระเบิดปรมาณูของตนในการแสดงความคุกคามต่ออีกฝ่ายหนึ่งเป็นการตอบแทน; สหรัฐอเมริกาและรัสเซียประสบความยากลำบากในการลดคลังอาวุธเพิ่ม |
2545 | 7 | 23:53 | +2 | การปลดนิวเคลียร์ทั่วโลกมีความคืบหน้าน้อย สหรัฐปกฺเสธชุดสนธิสัญญาควบคุมอาวุธและประกาศเจตนาถอนจากสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธทิ้งตัว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีของผู้ก่อการร้ายนิวเคลียร์ เนื่องจากปริมาณวัสดุนิวเคลีย์ระดับอาวุธที่ไม่ปลอดภัยและอธิบายไม่ได้ทั่วโลก |
2550 | 5 | 23:55 | +2 | เกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 ความทะเยอทะยานนิวเคลียร์ของอิหร่าน การเน้นการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางทหารของอเมริกาที่ได้รับฟื้นฟู ความล้มเหลวในการทำให้วัสดุนิวเคลียร์ปลอดภัยเพียงพอ และการยังคงอาวุธนิวเคลียร์ประมาณ 26,000 อันในสหรัฐและรัสเซีย[11] หลังประเมินภัยต่ออารยธรรมแล้ว มีการเพิ่มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับการคาดการณ์การทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์เป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุดต่อมนุษยชาติ[12] |
2553 | 6 | 23:54 | -1 | ความร่วมมือทั่วโลกในการลดคลังแสงนิวเคลียร์และจำกัดผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[13] สหรัฐและรัสเซียให้สัตยาบันความตกลงการเจรจาลดอาวุธยุทธศาสตร์รอบใหม่และมีการวางแผนการเจรจาเพื่อลดอาวุธในคลังแสงอเมริกาและรัสเซียอีก การประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2552 ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาและอุตสาหกรรมตกลงรับผิดชอบการปล่อยคาร์บอนเพื่อจำกัดการเพิ่มอุณหภูมิทั่วโลกไว้ที่ 2 องศาเซลเซียส |
2555 | 5 | 23:55 | +1 | การขาดการปฏิบัติทางการเมืองทั่วโลกเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก คลังอาวุธนิวเคลียร์ โอกาสเกิดความขัดแย้งนิวเคลียร์ภูมิภาคและความปลอดภัยของพลังงานนิวเคลียร์[14] |
2558 | 3 | 23:57 | +2 | ความกังวลท่ามกลางการขาดการปฏิบัติเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่ยังดำเนินต่อ การปรับปรุงอาวุธนิวเคลียร์ให้ทันสมัยในสหรัฐและรัสเซีย และปัญหากากนิวเคลียร์[15] |
2560 | 212 | 23:57 12 | + 12 | ความรุ่งเรืองของชาตินิยมใหม่, ความเห็นของดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต่ออาวุธนิวเคลียร์ ภัยคุกคามการแข่งขันอาวุธรอบใหม่ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย และความไม่เชื่อในความเห็นพ้องทางวิยาศาสตร์เรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของรัฐบาลทรัมป์[16][17][18][19][20] เป็นครั้งแรกที่ใช้เศษส่วน |
2561 | 2 | 23:58 | + 12 | ความล้มเหลวของผู้นำโลกในการจัดการกับภัยคุกคามสงครามนิวเคลียร์และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ใกล้เข้ามา[21] |
2563 | 123 | 23:58 13 | + 13 | ความล้มเหลวของผู้นำโลกในการรับมือกับภัยคุกคามที่น่าจะเกิดขึ้นจากสงครามนิวเคลียร์ เช่นการสิ้นสุดของสนธิสัญญาระหว่างกองกำลังนิวเคลียร์ระดับกลาง (INF) ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียรวมถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านและต่อเนื่อง รวมถึงการไม่สามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[5][6][7] |
2566 | 1+12
(90 s) |
23:58:30 | −16
(−10 s) |
สาเหตุหลักมาจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียโดยรัสเซีย และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเพิ่มระดับนิวเคลียร์อันเนื่องมาจากความขัดแย้ง สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์ฉบับสุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา นิวสตาร์ท มีกำหนดจะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569 [a] รัสเซียยังนำสงครามไปยังไซต์เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เชอร์โนบิลและซาโปริซเซีย ซึ่งละเมิดระเบียบการระหว่างประเทศและเสี่ยงต่อการปล่อยสารกัมมันตภาพรังสีในวงกว้าง วัสดุ. เกาหลีเหนือยังกลับมาใช้วาทศิลป์ด้านนิวเคลียร์อีกครั้ง โดยเปิดตัวการทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางเหนือญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และการพังทลายของบรรทัดฐานระดับโลกและสถาบันต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและภัยคุกคามทางชีวภาพ เช่น เนื่องจากโควิด-19 มีส่วนทำให้การตั้งเวลาเกิดขึ้นด้วย[6] |
อ้างอิง
แก้- ↑ Science and Security Board Bulletin of the Atomic Scientists.
- ↑ Doomsday Clock moving closer to midnight? The Spokesman-Review, October 16, 2006.
- ↑ Stover, Dawn. "How Many Hiroshimas Does it Take to Describe Climate Change?". Bulletin of the Atomic Scientists. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-03. สืบค้นเมื่อ September 26, 2013.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". Bulletin of the Atomic Scientists. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-20. สืบค้นเมื่อ 2018-11-29title = 'Doomsday Clock' Moves Two Minutes Closer To Midnight.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 5.0 5.1 "Humanity is closer to annihilation than ever before, scientists say". The Independent (ภาษาอังกฤษ). 23 January 2020. สืบค้นเมื่อ 23 January 2020.
- ↑ 6.0 6.1 "นาฬิกาวันสิ้นโลก ขยับเหลือ 100 วินาทีก่อนเที่ยงคืนเข้าใกล้หายนะที่สุดในประวัติศาสตร์". Workpoint News. 24 มกราคม 2563. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-01-25. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ 7.0 7.1 ""นาฬิกาวันสิ้นโลก" ปรับเหลือ 100 วินาทีถึงเที่ยงคืน ใกล้หายนะสุดในประวัติศาสตร์". ข่าว Sanook!. 24 มกราคม 2563. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2563.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
(help) - ↑ Koran, Laura (2018-01-25). "'Doomsday clock' ticks closer to apocalyptic midnight". CNN. สืบค้นเมื่อ 2018-01-25.
- ↑ 9.0 9.1 Doomsday Clock at 3'til midnight. The Daily News, December 21, 1983.
- ↑ Hands of the "Doomsday Clock" turned back three minutes. The Reading Eagle, December 17, 1987.
- ↑ ""Doomsday Clock" Moves Two Minutes Closer To Midnight". The Bulletin. The Bulletin of Atomic Scientists. 17 January 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-11. สืบค้นเมื่อ 6 April 2015.
- ↑ "Nukes, climate push 'Doomsday Clock' forward". MSNBC. 2012-01-15. สืบค้นเมื่อ 2012-01-15.
- ↑ Timeline "Bulletin of the Atomic Scientists".
- ↑ "Doomsday Clock moves to five minutes to midnight". Bulletin of the Atomic Scientists. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-09. สืบค้นเมื่อ 2013-06-29.
- ↑ Casey, Michael (22 January 2015). "Doomsday Clock moves two minutes closer to midnight". CBS News. สืบค้นเมื่อ 23 January 2015.
- ↑ Science and Security Board Bulletin of the Atomic Scientists. "It is two and a half minutes to midnight" (PDF). Bulletin of the Atomic Scientists. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-01-26. สืบค้นเมื่อ January 26, 2017.
- ↑ "Board moves the Clock ahead". Bulletin of the Atomic Scientists (ภาษาอังกฤษ). 26 January 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-26. สืบค้นเมื่อ January 26, 2017.
- ↑ Holley, Peter; Ohlheiser, Abby; Wang, Amy B. "The Doomsday Clock just advanced, 'thanks to Trump': It's now just 2½ minutes to 'midnight.'". Washington Post. สืบค้นเมื่อ 26 January 2017.
- ↑ Bromwich, Jonah Engel (26 January 2017). "Doomsday Clock Moves Closer to Midnight, Signaling Concern Among Scientists". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 26 January 2017.
- ↑ Chappell, Bill. "The Doomsday Clock Is Reset: Closest To Midnight Since The 1950s". NPR.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 26 January 2017.
- ↑ https://www.washingtonpost.com/news/speaking-of-science/wp/2018/01/25/after-a-missile-scare-and-insult-war-with-north-korea-its-time-to-check-the-doomsday-clock/?utm_term=.3bbb601ddff5
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- นาฬิกาวันสิ้นโลก เก็บถาวร 2020-04-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- การเปลี่ยนแปลงเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก เก็บถาวร 2013-05-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- Bulletin of the Atomic Scientists เก็บถาวร 2009-08-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)