เครือเจริญโภคภัณฑ์
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (อังกฤษ: Charoen Pokphand Group Co., Ltd.) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อย่อว่า ซีพี (อังกฤษ: CP) เป็นกลุ่มธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และนับเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยเริ่มต้นจากการประกอบธุรกิจค้าขายเมล็ดพันธุ์พืช ก่อนจะขยายกิจการเข้าสู่ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารอย่างเต็มรูปแบบ ธุรกิจหลักของเครืออยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อยคือ เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและปศุสัตว์ระดับโลก โดยมีรายได้รวม 116.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 6.747 พันล้านบาท จากข้อมูลเมื่อ พ.ศ. 2548[1]
![]() | |
ประเภท | บริษัทจำกัด |
---|---|
อุตสาหกรรม | ธุรกิจเกษตร อุตสาหกรรม และอาหาร |
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2464 (อายุ 104 ปี) |
สำนักงานใหญ่ | 313 อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์ ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก |
บุคลากรหลัก |
|
รายได้ | 82,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (พ.ศ. 2563) |
พนักงาน | 450,000 |
เว็บไซต์ | www.cpgroupglobal.com |
นอกจากธุรกิจด้านการเกษตรและอาหารแล้ว เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังได้ขยายตัวอย่างกว้างขวางไปสู่ภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกผ่านบริษัทลูกในเครือ เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งมีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศ และโลตัส ซึ่งเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของแม็คโคร ซึ่งทำให้เครือเจริญโภคภัณฑ์ครอบคลุมทั้งภาคค้าส่งและค้าปลีกทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าถึงผู้บริโภคทุกระดับรายได้ ทำให้เครือเจริญโภคภัณฑ์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดรูปแบบการบริโภคของสังคมไทย
ในขณะเดียวกัน เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมีบทบาทในภาคธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม ผ่านบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรายใหญ่ของไทย ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์สามารถบูรณาการธุรกิจของตนในหลากหลายสาขาเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศจีน เวียดนาม อินเดีย และประเทศอื่น ๆ การขยายตัวในลักษณะนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพทางธุรกิจของกลุ่มทุนไทยในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างระหว่างรัฐและทุนภายในประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในทางรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์การเมืองอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ประวัติ
แก้เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ซีพี (Charoen Pokphand Group; C.P. Group) มีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กของครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2464 โดยเจี่ย เอ็กชอ และเจี่ย เซี่ยวฮุย ซึ่งเป็นบุตรของผู้อพยพจากมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐจีน ได้เปิดร้านค้าจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผักภายใต้ชื่อ "เจียไต้จึง" (Chia Tai Chung) ที่สำเพ็ง กรุงเทพมหานคร นับเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มธุรกิจที่ภายหลังจะพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นกลุ่มธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และมีอิทธิพลในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงระดับโลก
ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษของการดำเนินงาน เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ขยายกิจการจากร้านค้าจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ไปสู่ธุรกิจเกษตรกรรมแบบบูรณาการ โดยในช่วงทศวรรษ 2500 เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เข้าสู่กิจการผลิตอาหารสัตว์ซึ่งเป็นการปูทางสู่ระบบอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์แบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การวิจัยสายพันธุ์สัตว์ และการบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงสัตว์เชิงวิทยาศาสตร์ ใน พ.ศ. 2507 ธนินท์ เจียรวนนท์ บุตรชายของเจี่ย เอ็กชอ ได้ลาออกจากบริษัทสหสามัคคีค้าสัตว์และเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเจริญโภคภัณฑ์ในวัยเพียง 25 ปี การบริหารงานของธนินท์ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยเขาได้ริเริ่มแนวคิดการเลี้ยงไก่เนื้อในระบบปิด และนำระบบเกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) มาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
การดำเนินยุทธศาสตร์ดังกล่าวนำไปสู่การก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ทันสมัยที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปลายทศวรรษ 2510 พร้อมทั้งวางโครงสร้างธุรกิจแบบ "ตั้งแต่ฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร" (Farm-to-Table) ที่ครอบคลุมทุกห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ การเพาะเลี้ยงสัตว์ การแปรรูป การกระจายสินค้า ไปจนถึงการค้าปลีกอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งกลายเป็นโมเดลธุรกิจต้นแบบที่ถูกนำไปปรับใช้ทั่วโลก
ใน พ.ศ. 2519 เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยจดทะเบียนจัดตั้ง "บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด" เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบริหารกิจการในเครือทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายตัวในระดับสากลเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในช่วงต้นทศวรรษ 2520 โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เข้าไปลงทุนในตลาดสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งในขณะนั้นกำลังเปิดประเทศตามนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของเติ้ง เสี่ยวผิง เครือเจริญโภคภัณฑ์ถือเป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปดำเนินกิจการในจีนภายหลังการปฏิวัติวัฒนธรรม
การลงทุนในจีนประสบความสำเร็จอย่างสูง และกลายเป็นต้นแบบของการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชีย อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย รัสเซีย และประเทศในสหภาพยุโรป เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้พัฒนาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลายภาคส่วน ทั้งการเกษตร อาหาร พลังงาน สื่อสารมวลชน การเงิน อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกและบริการ โดยมีบริษัทย่อยที่เป็นที่รู้จัก เช่น เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ซีพี ออลล์ ซีพี แอ็กซ์ตร้า และทรู คอร์ปอเรชั่น
เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีบทบาทเชิงนโยบายในเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มีบทบาทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล และให้การสนับสนุนงานด้านนวัตกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) ด้วยพนักงานมากกว่า 300,000 คนทั่วโลก และมีการดำเนินงานในกว่า 20 ประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงมิใช่เพียงแค่กลุ่มธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่เท่านั้น หากแต่เป็นหนึ่งในสถาบันเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลสูงสุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน เครือเจริญโภคภัณฑ์มีแบรนด์และตราสินค้าหลากหลายที่คุ้นเคยกับผู้บริโภคชาวไทยและนานาชาติ เช่น ข้าวตราฉัตร, ผลิตภัณฑ์อาหารซีพี, ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น, โลตัส, ทรูมูฟ เอช, ทรูออนไลน์, ทรูมันนี่, MG Thailand และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 4 บริษัทหลัก ได้แก่
- บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) – มูลค่ากิจการกว่า 600,000 ล้านบาท
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) – มูลค่ากิจการประมาณ 270,000 ล้านบาท
- บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) – มูลค่ากิจการกว่า 196,000 ล้านบาท
- บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) – มูลค่ากิจการประมาณ 115,000 ล้านบาท
ด้วยรากฐานที่มั่นคง วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และความสามารถในการปรับตัวต่อบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญและมีบทบาทอย่างต่อเนื่องในเวทีโลก
บริษัทลูก
แก้กลุ่มการเกษตรและอาหาร
แก้เครือเจริญโภคภัณฑ์ประกอบธุรกิจทางด้านเกษตรและอาหารหลายชนิดมีตั้งแต่ ซื้อขายพืชไร่, ฟาร์มไก่พันธุ์, เป็ดพันธุ์, หมู, กุ้ง, ปลาทับทิม, โรงงานแปรรูปอาหาร, โรงงานอาหารสัตว์ ผ่านทางบริษัทลูก ๆ ซึ่งมีอยู่กระจายทั่วประเทศไทย และในต่างประเทศบางแห่ง โดยเฉพาะในประเทศจีน มีบริษัท ดังนี้
รายได้ 17,456 ล้านบาท กำไร 1,249 ล้านบาท ธุรกิจ เมล็ดพันธุ์พืช และปุ๋ย
รายได้ ไม่มีข้อมูล กำไร ไม่มีข้อมูล ธุรกิจ ผลิตและค้าขายวัตถุดิบอาหารสัตว์
รายได้ 464,465 ล้านบาท กำไร 14,703 ล้านบาท ธุรกิจ เกษตรอุตสาหกรรมแบบครบวงจร,ผลิตภัณฑ์อาหารตรา CP, ไส้กรอกตรา BKP, นมตรา MEIJI, ร้านอาหาร CHESTER'S GRILL และอืน ๆ
รายได้ 12,717 ล้านบาท กำไร 16.65 ล้านบาท ธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ,นำเข้า และ ส่งออก
รายได้ 15,123 ล้านบาท กำไร 28.52 ล้านบาท ธุรกิจ ผลิตข้าว และผลิตภัณฑ์ข้าวตราฉัตร
กลุ่มการสื่อสารและโทรคมนาคม
แก้มีบริษัทในเครือดังนี้
- ทรูออนไลน์ รายได้ 28,300 ล้านบาท กำไร 3,704 ล้านบาท ธุรกิจ บริการด้านอินเทอร์เน็ต
- ทรูมูฟเอช รายได้ 93,876 ล้านบาท ขาดทุน 4,878 ล้านบาท ธุรกิจ บริการด้านโทรศัพท์มือถือ
- ทรูวิชั่นส์ รายได้ 12,406 ล้านบาท ขาดทุน 1,375 ล้านบาท ธุรกิจ บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก
- ธุรกิจอื่น ร้านกาแฟ : ทรูคอฟฟี่ และอื่น ๆ
กลุ่มการค้าปลีกและค้าส่ง
แก้รายได้ 434,712 ล้านบาท กำไร 16,677 ล้านบาท ธุรกิจ มีดังนี้
- ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น
- ร้านขนมปัง Bellinee's Bake&Brew
รายได้ 50,328 ล้านบาท ขาดทุน 2,638 ล้านบาท ธุรกิจ ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้าและซุปเปอรฺมาเก็ต ในประเทศจีน ในชื่อ LOTUS และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
รายได้ 172,790 ล้านบาท กำไร 5,412 ล้านบาท ธุรกิจ ค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ในชื่อ CPAXT
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
แก้รายได้ 2,803 ล้านบาท กำไร 534 ล้านบาท ธุรกิจ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของอาคาร ซีพีทาวเวอร์ ศูนย์การค้าฟอร์จูน ทาวน์ ผู้ร่วมทุน ไอคอนสยาม
กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกและบรรจุภัณฑ์
แก้รายได้ - ล้านบาท กำไร - ล้านบาท ธุรกิจ อุตสาหกรรมพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ (อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์ท่อพลาสติก แผ่นพลาสติก บรรจุภัณฑ์พลาสติก แกนกระดาษ ผ้าใยสังเคราะห์ ฯลฯ เป็นธุรกิจอีกกลุ่มหนึ่งที่มีบริษัทลูกอีกมากมายทั้งในและต่างประเทศ ในชื่อ CPPC
เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมีบริษัทอื่น ๆ อีกมากมาย
รวมแล้วเครือเจริญโภคภัณฑ์จะมีรายได้ทั้งหมด
รายได้ 5,527,711 ล้านบาท
กำไร 420,000 ล้านบาท
กิจการร่วมค้า
แก้เครือเจริญโภคภัณฑ์มีกิจการร่วมค้า (joint-venture) กับบริษัทจากต่างประเทศดังนี้
- ซีพี-เมจิ: (CP-Meiji) ธุรกิจผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนม ร่วมกับเครือเมจิ แดรี่ ประเทศญี่ปุ่น
- โลตัส: ธุรกิจห้างขายปลีกขนาดใหญ่ร่วมกับเครือเทสโก้สหราชอาณาจักร(ซีพีขายหุ้นเกือบทั้งหมดในโลตัสให้กับเทสโก้ในปี(2002) [2]
- ซีพี ออลล์ ธุรกิจขายปลีก ร่วมกับบริษัทเซเว่น อีเลฟเว่น ประเทศญี่ปุ่น
- ซีพีสตาร์เลน: ธุรกิจส่งออกมังคุด และมะม่วง ร่วมกับเครือ สตาร์เลน ประเทศญี่ปุ่น
การลงทุนหรือร่วมทุนในต่างประเทศ
แก้พม่า
แก้เครือเจริญโภคภัณฑ์ ลงทุนด้านเกษตรกรรมในพม่ามาตั้งแต่ปี 2540 ดำเนินธุรกิจในพม่า คือ การส่งเสริมการเพาะปลูก พืชไร่ ได้แก่ ข้าวโพด การเพาะเลี้ยงสัตว์บก ได้แก่ การเลี้ยงไก่ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่การทำฟาร์มกุ้ง และการทำอาหารสัตว์ [3]
จีน
แก้ในปี 1997 เครือซีพีมีการลงทุนใน บริษัท โลตัส เซี่ยงไฮ้ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์เชนสโตร์ จำกัด เปิดห้างซูเปอร์มาร์เก็ต CP Lotus แห่งแรกในเขตผู่ตง ซึ่งมีจำนวน 77 สาขาทั่วประเทศจีน[4] และในปี 2002 เปิด Super Brand Mall ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง นอกนี้ยังมี บริษัท ซีพีจี โอเวอร์ซี จำกัด หรือ เจิ้งต้ากรุ๊ป ซึ่งเป็นชื่อชาวจีนรู้จัก CP ในนามเจิ้งต้ากรุ๊ป เพื่อเข้าไปร่วมถือหุ้น เช่น บริษัท ผิงอัน อินชัวรันส์ จำกัด (ประเทศจีน) ซึ่งเป็นบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดของจีน โดย CP เข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 15.6% เมื่อปี 2556 ใช้วงเงินสูงถึง 280,000 ล้านบาท "ท่สุภกิต-ศุภชัย ทายาทรุ่น 3 ขับเคลื่อนธุรกิจ CP ศตวรรษที่ 2". Business Leader - ผู้นำธุรกิจ. สืบค้นเมื่อ 2024-03-21. เครือซีพียังร่วมทุนกับ SAIC Motor ผลิตยานยนต์ภายใต้แบรนด์ SAIC Motor-CP มีกำลังผลิตปีละ 100,000 คัน และวางแผนขยายการส่งออกแบรนด์ MG ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อ้างอิง
แก้- ↑ Company Highlights เก็บถาวร 2006-09-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (เข้าถึงเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2006).
- ↑ "ข่าวจากเว็บไซต์ Siam Future". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-05-18. สืบค้นเมื่อ 2006-08-04.
- ↑ ธุรกิจที่ประเทศพม่า
- ↑ ธุรกิจที่ประเทศจีน
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- เว็บไซต์เครือเจริญโภคภัณฑ์ เก็บถาวร 2015-07-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน