จักรพรรดินีจิโต
จักรพรรดินีจิโต (ญี่ปุ่น: 持統天皇; โรมาจิ: Jitō-tennō; ค.ศ. 645 – 13 มกราคม ค.ศ. 703)[1] เป็นพระมหากษัตริย์ญี่ปุ่นองค์ที่ 41[2] ตามการสืบราชสันตติวงศ์แบบดั้งเดิม[3]
จักรพรรดินีจิโต 持統天皇 | |||||
---|---|---|---|---|---|
![]() พระบรมสาทิสลักษณ์จักรพรรดินีจิโตโดยคัตสึกาวะ ชุนโช, คริสต์ศตวรรษที่ 18 | |||||
จักรพรรดินีนาถเเห่งญี่ปุ่น | |||||
ครองราชย์ | ค.ศ. 686–697 | ||||
ก่อนหน้า | เท็มมุ | ||||
ถัดไป | มมมุ | ||||
จักรพรรดินีญี่ปุ่น | |||||
ดำรงพระยศ | ค.ศ. 673–686 | ||||
พระราชสมภพ | ค.ศ. 645 ประเทศญี่ปุ่น อูโนะ-โนะ-ซาราระ (鸕野讚良) | ||||
สวรรคต | 13 มกราคม ค.ศ. 703 (57–58 พรรษา) ฟูจิวาระเกียว ประเทศญี่ปุ่น | ||||
ฝังพระศพ | ฮิโนกูมะ-โนะ-โออูจิ โนะ มิซาซางิ (檜隈大内陵; นาระ) | ||||
คู่อภิเษก | จักรพรรดิเท็มมุ | ||||
พระราชบุตร | เจ้าชายคูซากาเบะ | ||||
| |||||
ราชสกุล | ราชวงศ์ญี่ปุ่น | ||||
พระราชบิดา | จักรพรรดิเท็นจิ | ||||
พระราชมารดา | โซงะ โนะ โอจิ-โนะ-อิรัตสึเมะ |
รัชสมัยของจิโตอยู่ในช่วง ค.ศ. 686 ถึง 697[4]
ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น จักรพรรดินีจิโตเป็นสตรีองค์ที่สามในแปดพระองค์ที่มีบทบาทในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถ จักรพรรดินีนาถ 2 พระองค์ก่อนรัชสมัยของพระนางคือ ซูอิโกะและโคเงียวกุ/ไซเม จักรพรรดินีนาถอีก 5 พระองค์หลังรัชสมัยของพระนางได้แก่เก็มเม, เก็นโช, โคเก็ง/โชโตกุ, เมโช และโกะ-ซากูรามาจิ
เรื่องราวแบบดั้งเดิม
แก้จักรพรรดินีจิโตเป็นพระราชธิดาในจักรพรรดิเท็นจิ พระราชมารดามีพระนามว่าโอจิ-โนะ-อิรัตสึเมะ ธิดาในขุนนางโอ-โอมิ โซงะ โนะ ยามาดะ-โนะ อิชิกาวะ มาโระ พระนางเป็นพระมเหสีในจักรพรรดิเท็มมุ ผู้เป็นพระอนุชาในจักรพรรดิเท็นจิ พระบิดาของพระนาง หรือในทางเดียวกัน พระนางอภิเษกสมรสกับพระปิตุลาแท้ๆและทรงสืบราชสมบัติต่อจากพระสวามี[5]
พระนามเดิมของจักรพรรดินีจิโตคือ อูโนโนซาราระ หรือ อูโนโนซาซาระ (ญี่ปุ่น: 鸕野讚良; โรมาจิ: Unonosarara หรือ Unonosasara) หรืออีกแบบว่า อูโนะ[6]
เหตุการณ์ในรัชสมัยของจักรพรรดินีจิโต
แก้จักรพรรดินีจิโตต้องรับผิดชอบในการบริหารราชกิจทั้งหมดหลังจากการสวรรคตของจักรพรรดิเท็มมุ พระสวามี และมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของพระนางด้วย พระนางครองราชบัลลังก์ใน ค.ศ. 687 เพื่อที่จะแน่นอนพระทัยในสิทธิการสืบราชสมบัติของเจ้าชายคูซากาเบะ พระโอรส ตลอดรัชสมัยนี้ จักรพรรดินีจิโตว่าราชการจากพระราชวังฟูจิวาระในยามาโตะ[5]
เจ้าชายคุซะคะเบะได้รับการสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมารเพื่อครองราชบัลลังก์สืบต่อจากจักรพรรดินีจิโต แต่เจ้าชายกลับสิ้นพระชนม์ขณะมีพระชนมายุ 28 พรรษา เจ้าชายคารุ-โนะ-โอะ พระโอรสของเจ้าชายคุซะคะเบะได้รับการสถาปนาให้เป็นรัชทายาทสืบต่อจากจักรพรรดินีจิโต ผู้เป็นพระอัยยิกา และต่อมาเจ้าชายครองราชสมบัติเป็นจักรพรรดิมมมุ[5]
จักรพรรดินีจิโตครองราชย์เป็นระยะเวลา 11 ปี ถึงแม้ว่ามีจักรพรรดินีนาถพระองค์อื่น 7 พระองค์ รัชทายาทของแต่ละพระองค์มักเลือกจากสายสันตติวงศ์ที่เป็นบุรุษ ที่ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงจากนักปราชญ์สายอนุรักษนิยมเกี่ยวกับสิทธิของสตรีในการสืบราชสันตติวงศ์ และที่ซึ่งประเพณีในการสืบสันตติวงศ์ต้องเป็นบุรุษเท่านั้นยังคงมีการรักษาไว้ดังเดิมในศตวรรษที่ 21[7] จักรพรรดินีเก็มเม ผู้ซึ่งทรงให้พระราชธิดาครองราชสมบัติสืบต่อในพระนามว่า จักรพรรดินีเก็นโช ยังคงเป็นที่ยกเว้นจากการถกเถียงเรื่องสิทธิของสตรีนี้
ใน ค.ศ. 697 จักรพรรดินีจิโตสละราชสมบัติแก่เจ้าชายคารุ-โนะ-โอะ พระนัดดาองค์โปรด ให้ครองราชย์เป็นจักรพรรดิมมมุ และพระนางดำรงพระยศไดโจเท็นโน (มหาจักรพรรดิ) มีพระราชอำนาจในราชสำนักเหนือองค์จักรพรรดิ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จักรพรรดิพระองค์ต่อ ๆ มาทรงกระทำเช่นเดียวกับพระนาง และดำรงพระอิศริยยศนี้หลังสละราชบัลลังก์[5]
ปัจจุบันสถานที่ฝังพระบรมศพของจักรพรรดินีจิโตเป็นที่รู้จัก[2] พระนางทรงได้รับการเคารพตามโบราณราชประเพณีที่ศาลเจ้าชินโตในเมืองนะระ
สำนักพระราชวังอิมพีเรียลได้จดทะเบียนสถานที่ฝังพระบรมศพของจักรพรรดินีนาถจิโต และได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า โอจิ-โนะ-โอกาโนเอะ โนะ มิซาซางิ[8]
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Heroic with grace : legendary women of Japan. Mulhern, Cheiko Irie. (1st ed.). Armonk, N.Y.: M.E. Sharpe. 1991. pp. 58. ISBN 0873325273. OCLC 23015480.
{{cite book}}
: CS1 maint: others (ลิงก์) - ↑ 2.0 2.1 Imperial Household Agency (Kunaichō): 持統天皇 (41)
- ↑ Ponsonby-Fane, Richard. (1959). The Imperial House of Japan, p. 54.
- ↑ Titsingh, Isaac. (1834). Annales des empereurs du Japon, p. 59., p. 59, ที่กูเกิล หนังสือ
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 Varley, H. Paul. Jinnō Shōtōki, p. 137.
- ↑ Brown, D. (1979). Gukanshō, p. 270.
- ↑ "Life in the Cloudy Imperial Fishbowl", Japan Times. March 27, 2007.
- ↑ Ponsonby-Fane, p. 420.
ข้อมูล
แก้- Aston, William George. (1896). Nihongi: Chronicles of Japan from the Earliest Times to A.D. 697. London: Kegan Paul, Trench, Trubner. OCLC 448337491
- Brown, Delmer M. and Ichirō Ishida, eds. (1979). Gukanshō: The Future and the Past. Berkeley: University of California Press. ISBN 978-0-520-03460-0; OCLC 251325323
- MacCauley, Clay. (1900). "Hyakunin-Isshu: Single Songs of a Hundred Poets" in Transactions of the Asia Society of Japan. Tokyo: Asia Society of Japan. ...Click link for digitized, full-text copy (in English)
- __________. (1901). Kokka taikan. Tokyo: Teikoku Toshokan, Meiji 30–34 [1897–1901]. [reprinted Shinten kokka taikan (新編国歌大観), 10 vols. + 10 index vols., Kadokawa Shoten, Tokyo, 1983–1992. ISBN 978-4-04-020142-9
- Nippon Gakujutsu Shinkōkai. (1940). Man'yōshū. Tokyo: Iwanami shoten. [reprinted by Columbia University Press, New York, 1965. ISBN 0-231-08620-2. Rprinted by Dover Publications, New York, 2005. ISBN 978-0-486-43959-4
- Ponsonby-Fane, Richard Arthur Brabazon. (1959). The Imperial House of Japan. Kyoto: Ponsonby Memorial Society. OCLC 194887
- Titsingh, Isaac. (1834). Nihon Ōdai Ichiran; ou, Annales des empereurs du Japon. Paris: Royal Asiatic Society, Oriental Translation Fund of Great Britain and Ireland. OCLC 5850691
- Varley, H. Paul. (1980). Jinnō Shōtōki: A Chronicle of Gods and Sovereigns. New York: Columbia University Press. ISBN 978-0-231-04940-5; OCLC 59145842
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Asuka Historical National Government Park: image of Mausoleum Emperor Tenmu and Empress Jitō เก็บถาวร กุมภาพันธ์ 25, 2012 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, exterior view
ก่อนหน้า | จักรพรรดินีจิโต | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
จักรพรรดิเท็มมุ | สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น (พ.ศ. 1229 - 1240) |
จักรพรรดิมมมุ |