ยุทธการเดือดเชือดนาซี
ยุทธการเดือดเชือดนาซี (อังกฤษ: Inglourious Basterds) เป็นภาพยนตร์สงคราม กำกับและเขียนบทโดยเควนติน แทแรนติโน นำแสดงโดยแบรด พิตต์และคริสตอฟ วอลซ์ ออกฉายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 21 สิงหาคม 2009 ชื่อเรื่องดัดแปลงจากชื่อภาษาอังกฤษ The Inglorious Bastards ของภาพยนตร์สงครามปี 1978 Quel maledetto treno blindato โดยผู้กำกับชาวอิตาลี เอนโซ จี. คาสเตลลารี
ยุทธการเดือดเชือดนาซี | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | Quentin Tarantino |
เขียนบท | Quentin Tarantino |
อำนวยการสร้าง | Lawrence Bender |
นักแสดงนำ | Brad Pitt Christoph Waltz Michael Fassbender Eli Roth Diane Kruger Mélanie Laurent |
วันฉาย | 21 สิงหาคม 2009 |
ความยาว | 152 นาที |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา เยอรมนี |
ภาษา | อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี |
ทุนสร้าง | $70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[1] |
ทำเงิน | $321.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
เนื้อหาหลักๆจะเกี่ยวกับการเข่นฆ่าชาวยิวของพวกนาซีที่นำโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ชาวยิวแค้นใจจึงรวมกลุ่มกันเพื่อกำจัดพวกนาซี โดยภาพยนตร์เรื่องนี้สมมติเหตุการณ์และตัวละครขึ้นมาใหม่ แต่ก็มีตัวละครที่มีอยู่จริงด้วย เช่น ฮิตเลอร์, เกิบเบลส์ เป็นต้น
ภาพยนตร์จะแบ่งเหตุการณ์ออกเป็น 3กลุ่มใหญ่ๆคือ กลุ่มนาซี กลุ่มแก๊งโคตรแสบ และฝ่ายโชแชนนา ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องรายได้และคำวิจารณ์ โดยทำรายได้จากการฉายทั่วโลกไปถึง 320ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 8สาขาด้วยกันรวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย และได้รับรางวัลมา 1สาขาคือ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมซึ่งมอบให้แก่คริสตอฟ วอลซ์
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เอนโซ จี. คาสเตลลารี ได้รับบทคามีโอ เป็นทหารเยอรมัน บทบาทเดียวกับในภาพยนตร์ The Inglorious Bastards ของเขาเอง [3][4]นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรับเชิญอีกหลายคน เช่น ไมค์ ไมเออร์ส [5] โบ สเวนสัน [6] ซามูเอล แอล. แจ็กสัน ฮาร์วี คีเทล [7] จาง มั่นอวี้ [8] คลอริส ลีชแมน [9]
เรื่องย่อ
แก้ในปี 1941 พันเอกฮานส์ ลันดา (คริสตอฟ วอลซ์) นำทหารนาซีเข้าตรวจค้นฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่หลบภัยของชาวยิว เขาพบว่ามีครอบครัวชาวยิวหลบซ่อนอยู่ที่ห้องใต้ดิน จึงสั่งลูกน้องกราดยิงคนทั้งหมด มีเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งหลบหนีไปได้เนื่องจากลันดาไว้ชีวิต
สามปีต่อมา ชาวยิวรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม "แก๊งโคตรแสบ" นำโดยร้อยโทอัลโด เรน (แบรด พิตต์) เขารวมกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิว ออกแก้แค้นทหารนาซีอย่างโหดเหี้ยมจนเป็นที่เลื่องลือ โดยเฉพาะการใช้มีดกรีดหน้าผากเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะเพื่อเป็นการประจาน
ในเวลาเดียวกัน โชแชนนา เดรย์ฟัส (เมลานี ลอเรนต์) เด็กหญิงคนพี่เติบโตขึ้นและเปลี่ยนชื่อเป็นเอมมานูเอล มีมิกซ์ เธอทำกิจการโรงภาพยนตร์อยู่ที่ปารีส เธอได้พบกับเฟรดริก โซลเลอร์ (แดเนียล บรูห์ล) พลซุ่มยิงเยอรมันที่กลายเป็นวีรบุรุษสงคราม วีรกรรมของเขาถูกโยเซฟ เกิบเบลส์ (ซิลเวสเตอร์ กร็อธ) นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อ เกิบเบลส์ได้พบกับโซลเลอร์ขณะกำลังตามจีบเอมมานูเอล และได้เสนอที่จะย้ายสถานที่จัดฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์มาที่โรงภาพยนตร์ของเธอเพื่อเป็นการโปรโมต โดยฮิตเลอร์ (มาร์ติน วูตเก) เองก็จะมาร่วมงานนี้ด้วย
เธอวางแผนจะแก้แค้นนาซีที่พรากเธอจากครอบครัว โดยให้มาร์เซล (แจ็กกี ไอโด) คู่รักของเธอ ล็อกประตูขังผู้นำนาซีทั้งหมดไว้ในอาคาร และจุดไฟเผาฟิล์มภาพยนตร์ที่เธอสะสมไว้หลายร้อยม้วน ฟิล์มเหล่านี้ทำด้วยไนโตรเซลลูโลสซึ่งเป็นสารประกอบไนเตรตที่มีความไวไฟเทียบเท่ากับวัตถุระเบิด
ในขณะเดียวกัน กลุ่มแก๊งโคตรแสบทราบข่าวการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษดังกล่าว ก็ได้วางแผนที่จะก่อวินาศกรรมในงานนี้ด้วย โดยความร่วมมือจาก บริดเจ็ท ฟอน แฮมเมอร์สมาร์ก (ไดแอน ครูเกอร์) นักแสดงสาวชื่อดังชาวเยอรมัน เธอเป็นสายลับสองหน้าที่ช่วยพาแก๊งโคตรแสบเข้างาน ในฐานะทีมงานสร้างภาพยนตร์ฟาสซิสต์จากอิตาลี
พันเอกลันดา ที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าหน่วยเอสเอสของนาซี จับพิรุธของแฮมเมอร์สมาร์กและแก๊งโคตรแสบได้ แต่เขากลับเสนอต่อรองกับนายทหารระดับสูงฝ่ายสัมพันธมิตร ว่ายินดีปล่อยให้แก๊งโคตรแสบทำวินาศกรรม และสังหารฮิตเลอร์และบุคคลสำคัญอื่นๆ เพื่อหยุดยั้งสงครามโลกครั้งที่สอง แลกกับการให้เขาได้รับอภัยโทษ และลี้ภัยหลังสงครามสิ้นสุด
อ้างอิง
แก้- ↑ "Weinstein Co. Up Against the Wall". Variety. Reed Business Information. June 8, 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-08-28. สืบค้นเมื่อ August 6, 2009.
- ↑ "Inglourious Basterds (2009)". Box Office Mojo. Amazon.com. สืบค้นเมื่อ December 5, 2012.
- ↑ "Inglourious Basterds" (PDF). Cannes Festival. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2010-02-01. สืบค้นเมื่อ January 18, 2010.
- ↑ Vivarelli, Nick (May 19, 2009). "Enzo and Tarantino: 'Basterds' brothers". Variety. Reed Business Information. สืบค้นเมื่อ January 18, 2010.
- ↑ "Mike Myers a perfect fit for 'Basterds': Tarantino". The Canadian Press. CTV News. August 13, 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-10. สืบค้นเมื่อ January 31, 2010.
- ↑ Goodridge, Mike (May 25, 2010). "Inglourious Basterds Review". Screen Daily. EMAP Media. สืบค้นเมื่อ January 19, 2010.
- ↑ Nashawaty, Chris (August 19, 2009). "'Inglourious Basterds':Playing spot the Tarantino reference". Popwatch. Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-26. สืบค้นเมื่อ February 22, 2010.
- ↑ "Maggie Cheung Okays with 'Basterds' Cut". China Daily. People's Republic of China. May 22, 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-01. สืบค้นเมื่อ January 21, 2010.
- ↑ Yuan, Jada (June 19, 2009). "Cloris Leachman on Dancing, Inglourious Basterds, and Her Sex Pact With Ed Asner". New York. New York Media LLC. สืบค้นเมื่อ February, 28 2010.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)