โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์
เพาล์ โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์ (เยอรมัน: Paul Joseph Goebbels) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์ เป็นนักจิตวิทยามวลชนและแกนนำคนสำคัญฝ่ายพลเรือนของพรรคนาซี เขาได้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีหลังจากฮิตเลอร์ฆ่าตัวตาย เขาได้ชื่อว่าเป็นเสมือนมือซ้ายของฮิตเลอร์ ขณะที่มือขวาคือไฮน์ริช ฮิมเลอร์
โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์ | |
---|---|
Joseph Goebbels | |
เกิบเบิลส์ในปี ค.ศ. 1942 | |
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี | |
ดำรงตำแหน่ง 30 เมษายน ค.ศ. 1945 – 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 | |
ก่อนหน้า | อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ |
ถัดไป | ลุทซ์ กราฟ ชเวรีน ฟ็อน โครซิค |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประชาบาลและโฆษณาการ | |
ดำรงตำแหน่ง 13 มีนาคม ค.ศ. 1933 – 30 เมษายน ค.ศ. 1945 | |
ถัดไป | แวร์เนอร์ เนามัน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 29 ตุลาคม ค.ศ. 1897 ปรัสเซีย ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น |
เสียชีวิต | 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 (อายุ 47 ปี) เบอร์ลิน นาซีเยอรมนี |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
พรรคการเมือง | พรรคนาซี |
คู่สมรส | มัคดา เกิบเบิลส์ |
วิชาชีพ | นักการเมือง |
ลายมือชื่อ | |
ประวัติ
แก้โยเซ็ฟ เกิบเบิลส์ เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1897 ที่เมืองไรท์ (Rheydt) ในราชอาณาจักรปรัสเซีย จักรวรรดิเยอรมัน จากครอบครัวชาวนาในชนบท ซึ่งสภาพทางครอบครัวก็อยู่ในฐานะยากจน แต่เกิบเบิลส์เป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรและรักความก้าวหน้าในชีวิต ทำให้เขาซึ่งขณะเรียนอยู่นั้นสามารถสอบชิงทุนของรัฐบาลได้ และเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เมื่อได้มีโอกาสศึกษาต่อแล้ว เกิบเบิลส์ทุ่มเทในหน้าที่การเรียนอย่างหนักจนต่อมาอีกไม่กี่ปี ก็สามารถสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุดในระดับปริญญาเอก ในสาขาประวัติศาสตร์วรรณคดีจากมหาวิทยาลัยไฮเดิลแบร์ค เมื่อจบจากมหาวิทยาลัยมาแล้วก็หันมาประกอบ อาชีพในด้านสาขาที่ตนสำเร็จเช่นเป็นนักเขียน นักประพันธ์ และนักข่าวมาระยะหนึ่ง ต่อมาไม่นานจากเหตุการณ์ที่เยอรมนีเกิดความผันผวนทางการเมืองภายในประเทศ และการกำเนิดของพรรคนาซีที่กำลังรุ่งเรืองอยู่ในขณะนั้น ก็เป็นช่วงที่พรรคทำการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคอีกด้วยจากการติดตามความ เคลื่อนไหวและนโยบายของพรรคอยู่ตลอดเวลานั้น ทำให้เกิบเบิลส์ให้ความสนใจต่อพรรคนาซีเป็นอย่างมาก และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ เกิบเบิลส์ตัดสินใจเข้าสู่การเป็นสมาชิกพรรคเยอรมันนาซีก็คือ การที่เขาได้มีโอกาสเข้าฟังการกล่าวปราศรัยของฮิตเลอร์ ปรากฏว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฮิตเลอร์ทำให้เกิบเบิลส์เกิดความศรัทธายิ่งนัก จนทำให้เขาตกลงใจสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคนาซีในทันทีโดยไม่ลังเล
เมื่อได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคแล้วเขาได้รับความไว้วางใจจากฮิตเลอร์ให้เข้ามาทำในด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ภายในพรรค ด้วยความสามารถอันอัจฉริยะด้วยแล้วเขาได้สร้างผลงานด้านต่าง ๆ ที่โดดเด่นหลายชิ้นให้แก่พรรคจนสามารถประกาศเผยแพร่พรรคและนโยบายของพรรคจน เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจนนำไปสู่ชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งต่อมา
เมื่อ พรรคนาซีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งจนได้เป็นรัฐบาลแล้ว ฮิตเลอร์มีดำริว่าควรจะมีการก่อตั้งหน่วยงานด้านการสื่อสารขึ้นให้มีความถาวรและเป็นเอกภาพ จึงก่อตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงประชาบาลและโฆษณาการ และดำริว่าผู้ที่ควรดำรงตำแหน่งอันทรงอิทธิพลแห่งนี้ต้องเป็นผู้ที่ต้องมีความสามารถอย่างยิ่ง ด้วยผลงานอันโดดเด่น ที่ผ่านมาได้ประจักษ์ผลมาอย่างเด่นชัดแล้ว ทำให้ฮิตเลอร์ได้มอบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโฆษณาการเชื่อนี้ให้แก่เกิบเบิลส์เป็นผู้ควบคุมด้วยความที่เป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านนี้มานาน
ซึ่งเกิบเบิลส์ได้ผลิตสื่อและผลงานของเขาเป็นที่โดดเด่นเพื่อประโยชน์สูงสุดของพรรคและปฏิบัติภารกิจของตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อพรรคและนายของเขามาตลอดช่วงของสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างไม่เคยเปลี่ยน ทำให้เขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากนายของเขา คือ ฮิตเลอร์เป็นอย่างมากที่ สุดในบรรดาสมาชิกพรรคนาซี จึงไม่แปลกเลยที่หากว่าฮิตเลอร์ไป ณ ที่ใด มักจะปรากฏเกิบเบิลส์เคียงข้างไปทุกหนทุกแห่งจนกระทั่งทั้งสองจบชีวิตลงในที่สุด
แม้กระทั่งในช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ตาม ในช่วงที่สงครามโลกจะยุติลงด้วยความพ่ายแพ้ของนาซี ในขณะที่บรรดาคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่หรือบุคคลสำคัญของพรรคก็ต่างละทิ้งฮิตเลอร์หนีเอาตัวรอดกันทั้งนั้น แต่ปรากฏว่าเกิบเบิลส์แม้มีโอกาสเช่นกันแต่เขาก็ไม่คิดจะทอดทิ้งฮิตเลอร์เลย เพราะเขาพร้อมที่จะเป็นหรือตายอยู่กับฮิตเลอร์ได้ตลอดเวลา
จนในที่สุดฮิตเลอร์ตัดสินใจยิงตนเองกับภรรยาจนเสียชีวิต เกิบเบิลส์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากฮิตเลอร์ได้เพียงแค่วันเดียว เขาได้พยายามจะเจรจากับกองทัพโซเวียตให้สงบศึกโดยยอมแพ้แบบมีเงื่อนไขแต่ทว่ากลับถูกปฏิเสธหมดสิ้น เกิบเบิลส์เองก็ตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรมตามฮิตเลอร์ไป โดยการกรอกยาพิษให้ลูกของตนจนตายทั้งหมด 6 คน แล้วจัดการตนเองกับภรรยาด้วยการยิงตัวตายตามกันหมดทั้งครอบครัวพร้อมกับจุดไฟทั้งร่าง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1945