จีเมล

(เปลี่ยนทางจาก Gmail)

จีเมล (อังกฤษ: Gmail) เป็นบริการอีเมลที่ให้บริการโดยกูเกิล ณ ปี 2019 มีผู้ใช้งานที่ใช้งานอยู่ทั่วโลกจำนวน 1.5 พันล้านคน ทำให้เป็นบริการอีเมลที่ใหญ่ที่สุดในโลก[1] นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เฟซเว็บเมลที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ และสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันมือถืออย่างเป็นทางการ กูเกิลยังรองรับการใช้งานไคลเอนต์อีเมลของบุคคลที่สามผ่านโปรโตคอล POP และ IMAP อีกด้วย

จีเมล
ประเภทเว็บเมล
ภาษาที่ใช้ได้133 ภาษา
เจ้าของกูเกิล
สร้างโดยพอล บุชไฮต์
ยูอาร์แอลmail.google.com แก้ไขสิ่งนี้ที่วิกิสนเทศ
เชิงพาณิชย์ใช่
ลงทะเบียนจำเป็น
ผู้ใช้1.5 พันล้าน (ตุลาคม 2019)[1]
เปิดตัว1 เมษายน 2004; 20 ปีก่อน (2004-04-01)
สถานะปัจจุบันยังเปิดให้บริการ
ลิขสิทธิ์เนื้อหาจำกัดสิทธิ์
เขียนด้วยJava, C++ (ระบบหลังบ้าน), JavaScript (UI)[2]

เมื่อเปิดตัวในปี 2004 จีเมลมีพื้นที่เก็บข้อมูล 1 จิกะไบต์ต่อผู้ใช้ ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในขณะนั้นอย่างมาก ปัจจุบัน บริการนี้มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลฟรี 15 จิกะไบต์สำหรับผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งแบ่งปันกับบริการอื่น ๆ ของ กูเกิล เช่น กูเกิล ไดรฟ์ และ กูเกิล โฟโต้[3] ผู้ใช้ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมสามารถซื้อ กูเกิล วัน เพื่อเพิ่มขีดจำกัด 15 จิกะไบต์นี้[4] ผู้ใช้สามารถรับอีเมลได้สูงสุด 50 เมกะไบต์ รวมถึงไฟล์แนบ และสามารถส่งอีเมลได้สูงสุด 25 เมกะไบต์ จีเมลรองรับการผนวกเข้ากับ กูเกิล ไดรฟ์ ช่วยให้สามารถแนบไฟล์ขนาดใหญ่ได้ จีเมลมีอินเทอร์เฟซที่เน้นการค้นหา และรองรับ "มุมมองการสนทนา" คล้ายกับฟอรัมอินเทอร์เน็ต[5] บริการนี้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้พัฒนาเว็บไซต์สำหรับการนำ Ajax มาใช้ในช่วงแรก

เซิร์ฟเวอร์อีเมลของกูเกิล สแกนอีเมลโดยอัตโนมัติเพื่อหลายวัตถุประสงค์ อย่างการกรองสแปมและมัลแวร์ และก่อนเดือนมิถุนายน 2017 เพื่อเพิ่มโฆษณาตามบริบทข้างอีเมล การปฏิบัติด้านโฆษณาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มปกป้องความเป็นส่วนตัว เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการเก็บรักษาข้อมูลอย่างไม่จำกัด ความง่ายในการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ผู้ใช้บริการอีเมลอื่นที่ไม่ได้ยินยอมต่อนโยบายเมื่อส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมล จีเมล และศักยภาพของกูเกิล ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อลดความเป็นส่วนตัวมากขึ้นโดยการรวมข้อมูลกับการใช้งานข้อมูลกูเกิล อื่น ๆ บริษัทได้ถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ กูเกิลได้ระบุว่าผู้ใช้อีเมล "จำเป็นต้องคาดหวัง" ว่าอีเมลของพวกเขาจะต้องถูกประมวลผลโดยอัตโนมัติ และอ้างว่าบริการงดแสดงโฆษณาข้างข้อความที่อาจมีความละเอียดอ่อน เช่น ข้อความที่กล่าวถึงเชื้อชาติ ศาสนา เสน่หา สุขภาพ หรือรายงานทางการเงิน ในเดือนมิถุนายน 2017 กูเกิลประกาศยุติการใช้เนื้อหาจีเมลแบบตามบริบทเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณา โดยพึ่งพาข้อมูลที่รวบรวมมาจากการใช้บริการอื่น ๆ แทน[6]

คุณสมบัติ

แก้

พื้นที่เก็บข้อมูล

แก้

วันที่ 1 เมษายน 2004 จีเมลเปิดตัวด้วยพื้นที่เก็บข้อมูล 1 จิกะไบต์ (GB) ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในขณะนั้นอย่างมาก[7]

  1. วันที่ 1 เมษายน 2005 ซึ่งตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของจีเมล ขีดจำกัดได้เพิ่มเป็นสองเท่าเป็นสอง จิกะไบต์ จอร์จ ฮาริก (Georges Harik) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของจีเมล กล่าวว่า กูเกิลจะ "ให้พื้นที่คนเพิ่มขึ้นตลอดไป"[8]
  2. ตุลาคม 2007 จีเมลเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลเป็น 4 จิกะไบต์ หลังจากการเปลี่ยนแปลงล่าสุดจากคู่แข่งอย่างยาฮู!และไมโครซอฟท์[9]
  3. วันที่ 24 เมษายน 2012 กูเกิลประกาศเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลที่รวมอยู่ในจีเมลจาก 7.5 เป็น 10 จิกะไบต์ ("และนับต่อไป") ในฐานะส่วนหนึ่งของการเปิดตัวกูเกิล ไดรฟ์[10]
  4. วันที่ 13 พฤษภาคม 2013 กูเกิลประกาศการรวมพื้นที่เก็บข้อมูลโดยรวมของจีเมล กูเกิล ไดรฟ์ และ กูเกิล โฟโต้ ทำให้ผู้ใช้มีพื้นที่เก็บข้อมูลรวม 15 จิกะไบต์ สำหรับสามบริการ[11][12]
  5. วันที่ 15 สิงหาคม 2561 กูเกิลเปิดตัวกูเกิล วัน บริการที่ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติม แบ่งปันกันระหว่างจีเมล กูเกิล ไดรฟ์ และ กูเกิล โฟโต้ ผ่านแผนการสมัครสมาชิกแบบรายเดือน ณ ปี 2021 มีพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 15 จิกะไบต์ รวมอยู่ด้วย และมีแผนการชำระเงินสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลสูงสุด 2 เทระไบต์[13]

นอกจากนี้ยังมีขีดจำกัดการจัดเก็บสำหรับข้อความจีเมลแต่ละรายการ ในขั้นต้น ข้อความหนึ่งข้อความ รวมถึงไฟล์แนบทั้งหมด ไม่สามารถมีขนาดใหญ่กว่า 25 เมกะไบต์ ได้[14] ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมีนาคม 2017 เพื่อให้สามารถรับอีเมลได้สูงสุด 50 เมกะไบต์ ในขณะที่ขีดจำกัดการส่งอีเมลยังคงอยู่ที่ 25 เมกะไบต์[15][16] เพื่อส่งไฟล์ขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถแทรกไฟล์จาก กูเกิล ไดรฟ์ ลงในข้อความ[17]

อินเทอร์เฟซ

แก้

อินเทอร์เฟซผู้ใช้ของจีเมลในตอนแรกแตกต่างจากระบบเว็บเมลอื่น ๆ โดยเน้นไปที่การค้นหาและการเรียงลำดับการสนทนาของอีเมล โดยจัดกลุ่มข้อความหลายข้อความระหว่างสองคนหรือมากกว่าลงในหน้าเดียว ซึ่งเป็นแนวทางที่คู่แข่งได้ทำตามมาภายหลัง เควิน ฟ็อกซ์ (Kevin Fox) ผู้ออกแบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของจีเมลต้องการให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนอยู่บนหน้าเดียวและเพียงแค่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ บนหน้านั้นแทนที่จะต้องนำทางไปยังสถานที่อื่น[18]

อินเทอร์เฟซของจีเมลยังใช้ 'ป้ายกำกับ' (แท็ก) ซึ่งแทนที่โฟลเดอร์แบบเดิมและให้วิธีการจัดระเบียบอีเมลที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ตัวกรองสำหรับการจัดระเบียบ การลบ หรือส่งต่ออีเมลขาเข้าไปยังที่อยู่อื่นโดยอัตโนมัติ และเครื่องหมายความสำคัญสำหรับการทำเครื่องหมายข้อความเป็น 'สำคัญ' โดยอัตโนมัติ

ในเดือนพฤศจิกายน 2011 กูเกิลเริ่มเปิดตัวการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ที่ "เรียบง่าย" รูปลักษณ์ของจีเมลให้เป็นการออกแบบแบบมินิมัลลิสต์มากขึ้น เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกันตลอดทั้งผลิตภัณฑ์และบริการของตนในฐานะส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงการออกแบบโดยรวมของกูเกิล องค์ประกอบที่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างมากรวมถึงมุมมองการสนทนาที่เรียบง่าย ความหนาแน่นของข้อมูลที่สามารถกำหนดค่าได้ ธีมใหม่ที่มีคุณภาพสูงขึ้น แถบนำทางแบบปรับขนาดได้พร้อมป้ายกำกับและรายชื่อติดต่อที่มองเห็นได้เสมอ และการค้นหาที่ดีขึ้น[19][20] ผู้ใช้สามารถดูตัวอย่างการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ได้หลายเดือนก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ รวมถึงสามารถย้อนกลับไปใช้อินเทอร์เฟซเดิมได้จนถึงเดือนมีนาคม 2012 เมื่อกูเกิลหยุดความสามารถในการย้อนกลับและเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงเป็นการออกแบบใหม่สำหรับผู้ใช้ทุกคน[21]

ในเดือนพฤษภาคม 2013 กูเกิลอัปเดตกล่องจดหมายของจีเมลด้วยแท็บที่ช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถจัดหมวดหมู่อีเมลของผู้ใช้ได้ แท็บทั้งห้าคือ หลัก สังคม โปรโมชัน อัปเดต และฟอรัม นอกจากตัวเลือกการปรับแต่งแล้ว การอัปเดตทั้งหมดสามารถปิดใช้งานได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถกลับไปใช้โครงสร้างกล่องจดหมายแบบเดิมได้[22][23]

ในเดือนเมษายน 2018 กูเกิลเปิดตัวเว็บ UI ใหม่สำหรับจีเมล การออกแบบใหม่นี้เป็นไปตาม Material Design ของกูเกิล และการเปลี่ยนแปลงในอินเทอร์เฟซผู้ใช้รวมถึงการใช้ฟอนต์ Product Sans ของกูเกิล การอัปเดตอื่น ๆ รวมถึงโหมดลับ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ส่งตั้งวันที่หมดอายุสำหรับข้อความที่ละเอียดอ่อนหรือเพิกถอนทั้งหมด การจัดการสิทธิ์แบบรวม และการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย[24]

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 กูเกิลประกาศการตั้งค่าใหม่สำหรับคุณสมบัติอัจฉริยะและการปรับแต่งในจีเมล ภายใต้การตั้งค่าใหม่ ผู้ใช้ได้รับการควบคุมข้อมูลของตนในจีเมล แชท และ Meet โดยนำเสนอคุณสมบัติอัจฉริยะ เช่น Smart Compose และ Smart Reply[25]

วันที่ 6 เมษายน 2564 กูเกิลเปิดตัวฟีเจอร์กูเกิล แชทและรูม (การเข้าถึงเบื้องต้น) สำหรับผู้ใช้จีเมลทั้งหมด[26][27]

วันที่ 28 กรกฎาคม 2022 กูเกิลเปิดตัว Material You สำหรับผู้ใช้จีเมลทั้งหมด[28]

ตัวกรองสแปม

แก้

ฟีเจอร์การกรองสแปมของจีเมลมีระบบที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน เมื่อผู้ใช้รายใดทำเครื่องหมายอีเมลว่าเป็นสแปม ข้อมูลนี้จะช่วยระบบระบุข้อความที่คล้ายกันในอนาคตสำหรับผู้ใช้จีเมลทุกคน[29]

ในการอัปเดตเดือนเมษายน 2018 แบนเนอร์การกรองสแปมได้รับการออกแบบใหม่ โดยมีตัวอักษรที่ใหญ่และหนาขึ้น

จีเมลแลปส์

แก้

ฟีเจอร์ จีเมล แลปส์ (Gmail Labs) เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2008 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทดสอบฟีเจอร์ใหม่หรือทดลองใช้ของจีเมล ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานฟีเจอร์ Labs ได้อย่างเลือกสรร และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแต่ละฟีเจอร์ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาของจีเมลได้รับอินพุตจากผู้ใช้เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงและประเมินความนิยม[30]

ฟีเจอร์ยอดนิยม เช่น ตัวเลือก "ยกเลิกการส่ง" มักจะ "จบการศึกษา" จากจีเมลแลปส์เพื่อกลายเป็นการตั้งค่าอย่างเป็นทางการในจีเมล[31]

ฟีเจอร์แลปส์ทั้งหมดเป็นการทดลองและอาจถูกยกเลิกได้ตลอดเวลา[32]

การค้นหา

แก้

จีเมลมีแถบค้นหาสำหรับค้นหาอีเมล แถบค้นหายังสามารถค้นหาผู้ติดต่อ ไฟล์ที่เก็บไว้ใน กูเกิล ไดรฟ์ เหตุการณ์จาก กูเกิลปฏิทิน และ กูเกิลไซต์ ได้อีกด้วย[33][34][35]

ในเดือนพฤษภาคม 2012 จีเมลปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาเพื่อรวมการคาดการณ์การเติมเต็มอัตโนมัติจากอีเมลของผู้ใช้[36]

ฟังก์ชันการค้นหาของจีเมลไม่รองรับการค้นหาส่วนย่อยของคำ (หรือที่เรียกว่า 'การค้นหาสตริงย่อย' หรือการค้นหาคำบางส่วน) มีวิธีแก้ปัญหา[36]

การรองรับภาษา

แก้

ข้อมูลเมื่อ มีนาคม 2015, อินเทอร์เฟซของจีเมลรองรับ 72 ภาษา รวมถึง: อาหรับ, บาสก์, บัลแกเรีย, คาตาลัน, จีน (ตัวย่อ), จีน (ตัวเต็ม), โครเอเชีย, เช็ก, เดนมาร์ก, ดัตช์, อังกฤษ (สหราชอาณาจักร), อังกฤษ (สหรัฐอเมริกา), เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, กรีก, กุจราต, ฮิบรู, ฮินดี, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, อินโดนีเซีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, กันนาดา, เกาหลี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มาเลย์, มาลายาลัม, มราฐี, นอร์เวย์ (บ๊อกมอล), โอเดีย, โปแลนด์, ปัญจาบ, โปรตุเกส (บราซิล), โปรตุเกส (โปรตุเกส), โรมาเนีย, รัสเซีย, เซอร์เบีย, สิงหล, สโลวัก, สโลวีเนีย, สเปน, สวีเดน, ตากาล็อก (ฟิลิปปินส์), ทมิฬ, เตลูกู, ไทย, ตุรกี, ยูเครน, อูรดู, เวียดนาม, เวลส์ และซูลู.[37]

รูปแบบการป้อนข้อมูลภาษา

แก้

ในเดือนตุลาคม 2012 กูเกิลเพิ่มแป้นพิมพ์เสมือนจริงมากกว่า 100 รายการ การทับศัพท์ และตัวแก้ไขวิธีการป้อนข้อมูลให้กับจีเมล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลได้หลายรูปแบบสำหรับภาษาต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เขียนในภาษาที่ "ไม่จำกัดด้วยภาษาของแป้นพิมพ์"[38][39]

ตุลาคม 2013 กูเกิลเพิ่มการรองรับการป้อนข้อมูลด้วยลายมือให้กับจีเมล[40]

สิงหาคม 2014 จีเมลกลายเป็นผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่รายแรกที่อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งและรับอีเมลจากที่อยู่อีเมลที่มีเครื่องหมายวรรณยุกต์และตัวอักษรจากนอกตัวอักษรละติน[41][42]

คุณสมบัติอื่น ๆ

แก้

คุณสมบัติของจีเมล

  • รับรองระบบ POP3 IMAP และ SMTP รองรับการเพิ่มบัญชี 5 ชื่อ
  • มีระบบการค้นหาภายใน ทั้งที่เป็นอีเมลเฉพาะหมวดหมู่ที่ผู้ใช้กำหนดขึ้น และอีเมลทั้งหมด
  • สามารถแท็ก อีเมลเพื่อแยกเป็นหมวดหมู่ได้ มีป้ายกำกับให้โดยเฉพาะ
  • มีระบบป้องกันสแปมและป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์และระบบคัดกรองจดหมายขยะด้วยตนเองได้
  • มีบริการแชทจากหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์ ที่เรียกว่า กูเกิลทอล์ก โดยรองรับการเชื่อมต่อด้วยกล้องแล้ว
  • มีระบบบันทึกอีเมลก่อนส่ง และระบบบันทึกอัตโนมัติ (auto-save) สามารถเซฟอีเมลที่เรากำลังพิมพ์อยู่ได้ ทำให้ถึงแม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีปัญหา หรือเกิดไฟดับ เราอาจจะไม่ต้องมาพิมพ์ใหม่ทั้งหมดพร้อมทั้งการเก็บบันทึกไว้เป็บแบบร่างได้ทันที
  • สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบหน้าต่างของจีเมลได้
  • บริการทั้งหมดเป็นบริการฟรี ยกเว้นการซื้อพื้นที่เก็บอีเมลเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ที่จีเมลจัดให้

แพลตฟอร์ม

แก้

เว็บเบราว์เซอร์

แก้

เวอร์ชัน AJAX ที่ทันสมัยได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการในเว็บเบราว์เซอร์หลักปัจจุบันและก่อนหน้านี้ของ กูเกิล โครม, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์, ไมโครซอฟท์ เอดจ์ และ ซาฟารี บนพื้นฐานแบบต่อเนื่อง[43][44][45]

เวอร์ชัน "HTML พื้นฐาน" ของจีเมลทำงานบนเกือบทุกเบราว์เซอร์ เวอร์ชันนี้ของจีเมลได้ถูกยกเลิกตั้งแต่มกราคม 2024[46]

ในเดือนสิงหาคม 2554 กูเกิลเปิดตัว จีเมล ออฟไลน์ ซึ่งเป็นแอปที่ใช้ HTML5 สำหรับให้บริการในการเข้าถึงบริการขณะออฟไลน์ จีเมล ออฟไลน์ ทำงานบนเบราว์เซอร์ กูเกิล โครม และสามารถดาวน์โหลดได้จาก โครม เว็บ สโตร์[47][48][49]

นอกจากแอปพื้นฐานบน ไอโอเอส และ แอนดรอยด์ แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงจีเมลผ่านเว็บเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อีกด้วย[50]

มือถือ

แก้

จีเมลมีแอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ ไอโอเอส[51] (รวมถึง iPhone, iPad และ iPod Touch) และสำหรับอุปกรณ์ แอนดรอยด์[52]

พฤศจิกายน 2014 กูเกิลได้แนะนำฟังก์ชันการทำงานในแอป จีเมล สำหรับ แอนดรอยด์ ที่ช่วยให้สามารถส่งและรับอีเมลจากที่อยู่อีเมลนอกเหนือจากจีเมล (เช่น Yahoo! Mail และ Outlook.com) ผ่าน POP หรือ IMAP[53]

พฤศจิกายน 2016 กูเกิลได้ออกแบบแอปจีเมลสำหรับแพลตฟอร์ม iOS ใหม่ โดยเป็นการยกเครื่องภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ครั้งแรกใน "เกือบสี่ปี" การอัปเดตนี้เพิ่มการใช้สีสันมากขึ้น การเปลี่ยนผ่านที่ลื่นไหลขึ้น และการเพิ่มคุณสมบัติที่ "ผู้ใช้ร้องขอเป็นอย่างมาก" หลายประการ รวมถึง ยกเลิกการส่ง, การค้นหาที่เร็วขึ้นพร้อมผลลัพธ์ทันทีและคำแนะนำการสะกดคำ และ ปัดเพื่อเก็บถาวร/ลบ[54][55] พฤษภาคม 2017 กูเกิลได้อัปเดต จีเมล บน แอนดรอยด์ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติป้องกันการโจมตีฟิชชิง[56][57][58] สื่อสังเกตเห็นว่า การป้องกันใหม่นี้ได้รับการประกาศท่ามกลางการโจมตีฟิชชิงที่แพร่หลายบนบริการอีเมล จีเมล และบริการเอกสาร กูเกิล เอกสาร ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน[57][58]

ต่อมาในเดือนพฤษภาคม กูเกิลได้ประกาศเพิ่ม "การตอบกลับอัจฉริยะ" ให้กับ จีเมล บน แอนดรอยด์ และ iOS "การตอบกลับอัจฉริยะ" ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวครั้งแรกสำหรับบริการ Inbox by Gmail ของ กูเกิล จะสแกนข้อความเพื่อหาข้อมูลและใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเสนอคำตอบสามแบบที่ผู้ใช้สามารถแก้ไขและส่งได้ตามต้องการ ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษในตอนเปิดตัว โดยมีการรองรับภาษาสเปนเพิ่มเติม ตามด้วยภาษาอื่น ๆ ในภายหลัง[59][60]

Inbox by Gmail แอปพลิเคชันอีกตัวจากทีมจีเมล ยังมีให้บริการสำหรับอุปกรณ์ iOS[61] และ แอนดรอยด์[62] ด้วย บริการนี้ยุติการให้บริการในเดือนเมษายน 2562

โปรแกรมของบุคคลที่สามสามารถใช้เพื่อเข้าถึงจีเมล โดยใช้โปรโตคอล POP หรือ IMAP[63] ในปี 2019 กูเกิล เปิดตัวโหมดมืดสำหรับแอปมือถือใน แอนดรอยด์ และ iOS[64]

Inbox by Gmail

แก้

ในเดือนตุลาคม 2557 กูเกิลเปิดตัว Inbox by Gmail ในรูปแบบเชิญเท่านั้น พัฒนาโดยทีม จีเมล แต่เป็น "กล่องจดหมายประเภทใหม่โดยสิ้นเชิง" บริการนี้สร้างขึ้นเพื่อช่วยผู้ใช้รับมือกับความท้าทายของอีเมลที่ใช้งานอยู่ โดยอ้างถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น การรบกวน ความยากลำบากในการค้นหาข้อมูลสำคัญที่ฝังอยู่ในข้อความ และการรับอีเมลจำนวนมากขึ้น Inbox by Gmail มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการจาก จีเมล รวมถึง บันเดิลที่จัดเรียงอีเมลที่มีหัวข้อเดียวกันโดยอัตโนมัติ ไฮไลต์ที่แสดงข้อมูลสำคัญจากข้อความ และการเตือน การช่วยเหลือ และการเลื่อนเวลา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้จัดการอีเมลขาเข้าได้ในเวลาที่เหมาะสม[65][66][67]

Inbox by Gmail เปิดให้บริการสาธารณะในเดือนพฤษภาคม 2015[68] ในเดือนกันยายน 2018 กูเกิลประกาศว่าจะยุติบริการในปลายเดือนมีนาคม 2019 โดยมีการนำคุณสมบัติหลักส่วนใหญ่ไปรวมไว้ในบริการ จีเมล มาตรฐานแล้ว[69] บริการนี้ถูกยกเลิกเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2019[70]

การผนวกกับผลิตภัณฑ์ของกูเกิล

แก้

ในเดือนสิงหาคม 2010 กูเกิล เปิดตัวปลั๊กอินที่ให้บริการโทรศัพท์แบบบูรณาการภายในอินเทอร์เฟซกูเกิล แชทของ จีเมล ฟีเจอร์นี้ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการในตอนแรก โดย กูเกิล อ้างอิงถึงทั้ง "Google Voice ใน จีเมล แชท" และ "โทรศัพท์แบบเรียลไทม์ในจีเมล"[71][72][73] บริการนี้บันทึกการโทรมากกว่าหนึ่งล้านครั้งใน 24 ชั่วโมง[73][74] ในเดือนมีนาคม 2014 Google Voice ถูกยกเลิก และแทนที่ด้วยฟังก์ชันการทำงานจาก กูเกิล แฮงเอาตส์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารอีกแพลตฟอร์มหนึ่งจาก กูเกิล[75][76]

9 กุมภาพันธ์ 2010 กูเกิล เริ่มใช้เครื่องมือเครือข่ายสังคมใหม่ Google Buzz ซึ่งรวมเข้ากับจีเมล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ลิงก์และสื่อ รวมถึงการอัปเดตสถานะ[77] Google Buzz ถูกยกเลิกในเดือนตุลาคม 2011 แทนที่ด้วยฟังก์ชันการทำงานใหม่ใน กูเกิล+ แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมใหม่ของ Google ในขณะนั้น[78][79]

จีเมลได้รับการรวมเข้ากับ กูเกิล+ ในเดือนธันวาคม 2011 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรวบรวมข้อมูล กูเกิล ทั้งหมดไว้ในบัญชี กูเกิล เดียว โดยมีโปรไฟล์ผู้ใช้ กูเกิล+ แบบรวมศูนย์[80] การตอบโต้จากการย้ายครั้งนี้ทำให้ กูเกิล ต้องถอยกลับและลบข้อกำหนดของบัญชีผู้ใช้ กูเกิล+ โดยเก็บเฉพาะบัญชี กูเกิล ส่วนตัวโดยไม่มีโปรไฟล์สาธารณะ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2015[81]

ในเดือนพฤษภาคม 2013 กูเกิล ประกาศการรวมกันระหว่าง Google Wallet และจีเมล ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ใช้จีเมล ส่งเงินเป็นไฟล์แนบอีเมล แม้ว่าผู้ส่งจะต้องใช้บัญชีจีเมล แต่ผู้รับไม่จำเป็นต้องใช้ที่อยู่อีเมลของจีเมล[82][83] ฟีเจอร์นี้ไม่มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่สามารถส่งได้[84] ในขั้นต้นมีให้บริการบนเว็บเท่านั้น ฟีเจอร์นี้ได้ขยายไปยังแอป แอนดรอยด์ ในเดือนมีนาคม 2017 สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา[85][86]

กันยายน 2016 กูเกิล เปิดตัว Google Trips แอปที่สร้างการ์ดการเดินทางโดยอัตโนมัติจากข้อมูลในข้อความจีเมลของผู้ใช้ การ์ดการเดินทางประกอบด้วยรายละเอียดการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบิน และรถเช่า และแนะนำกิจกรรม อาหารและเครื่องดื่ม และสถานที่ท่องเที่ยวตามสถานที่ เวลา และความสนใจ แอปยังมีฟังก์ชันการทำงานแบบออฟไลน์[87][88] ในเดือนเมษายน 2017 Google Trips ได้รับการอัปเดตเพิ่มฟีเจอร์สำคัญหลายอย่าง แอปนี้ยังสแกนจีเมลเพื่อค้นหาตั๋วรถบัสและรถไฟ และอนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลการจองการเดินทางด้วยตนเอง ผู้ใช้สามารถส่งรายละเอียดการเดินทางไปยังอีเมลของผู้ใช้รายอื่น และหากผู้รับมี Google Trips ด้วย ข้อมูลจะพร้อมใช้งานในแอปของพวกเขาโดยอัตโนมัติเช่นกัน[89][90]

ความปลอดภัย

แก้

ประวัติ

แก้

กูเกิล สนับสนุน เอชทีทีพีเอส ที่ปลอดภัยตั้งแต่วันที่เปิดตัว ในตอนแรก มันเป็นค่าเริ่มต้นเฉพาะบนหน้าเข้าสู่ระบบ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Ariel Rideout วิศวกรของ กูเกิล กล่าวว่า เอชทีทีพีเอส ทำให้ "อีเมลของคุณช้าลง" อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถสลับไปใช้โหมด เอชทีทีพีเอส แบบปลอดภัยด้วยตนเองภายในกล่องจดหมายหลังจากล็อกอิน ในเดือนกรกฎาคม 2008 กูเกิล ทำให้ความสามารถในการเปิดใช้งานโหมดปลอดภัยด้วยตนเองง่ายขึ้น โดยมีตัวสลับในเมนูการตั้งค่า[91]

ในปี 2007 กูเกิล แก้ไขปัญหาความปลอดภัยแบบ cross-site scripting ที่อาจทำให้ผู้โจมตีรวบรวมข้อมูลจากรายชื่อติดต่อจีเมล[92]

ในเดือนมกราคม 2010 กูเกิล เริ่มเปิดตัว เอชทีทีพีเอส เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ทุกคน[93]

ในเดือนมิถุนายน 2012 มีการแนะนำฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่เพื่อปกป้องผู้ใช้จากการโจมตีที่สนับสนุนโดยรัฐ แบนเนอร์จะปรากฏที่ด้านบนของหน้าเพื่อเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับการถูกบุกรุกบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาต[94][95]

ในเดือนมีนาคม 2014 กูเกิล ประกาศว่าจะใช้การเชื่อมต่อ เอชทีทีพีเอส ที่เข้ารหัสสำหรับการส่งและรับจีเมลทั้งหมด และ "ข้อความอีเมลทุกข้อความที่คุณส่งหรือรับ - 100% - ถูกเข้ารหัสขณะเคลื่อนที่ภายใน" ผ่านระบบของบริษัท[96]

เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้จีเมลจะใช้ transport layer security (TLS) เพื่อเข้ารหัสอีเมลที่ส่งและรับโดยอัตโนมัติ บนเว็บและบนอุปกรณ์ แอนดรอยด์ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบว่าข้อความถูกเข้ารหัสหรือไม่โดยตรวจสอบว่าข้อความมีแม่กุญแจสีแดงปิดหรือเปิดอยู่[97]

จีเมลสแกนอีเมลขาเข้าและขาออกทั้งหมดเพื่อหาไวรัสในไฟล์แนบอีเมลโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ไม่สามารถส่งไฟล์บางประเภท รวมถึงไฟล์ที่สามารถเรียกใช้งานได้ ในอีเมล[98]

ในปลายเดือนพฤษภาคม 2017 กูเกิล ประกาศว่าได้นำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องมาใช้ในการระบุอีเมลที่มีการหลอกลวงและสแปม โดยมีความแม่นยำในการตรวจจับ 99.9% บริษัทประกาศด้วยว่า จีเมลจะเลื่อนข้อความบางข้อความประมาณ 0.05% ของทั้งหมด เพื่อทำการวิเคราะห์โดยละเอียดเพิ่มเติมและรวบรวมรายละเอียดเพื่อปรับปรุงอัลกอริทึม[99][100]

ในเดือนพฤศจิกายน 2020 กูเกิล เริ่มเพิ่มการป้องกันลิงก์แบบคลิกครั้งเดียวโดยการเปลี่ยนเส้นทางลิงก์ที่คลิกไปยัง กูเกิล ในไคลเอ็นต์ จีเมลอย่างเป็นทางการ[101]

การเข้ารหัสขณะส่งข้อมูลโดยบุคคลที่สาม

แก้
 
การเข้ารหัสการส่งข้อมูลของจีเมลตามประเทศ

ในรายงานความโปร่งใสของ กูเกิล ภายใต้ส่วนอีเมลที่ปลอดภัย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ของอีเมลที่เข้ารหัสขณะส่งข้อมูลระหว่างจีเมลและผู้ให้บริการอีเมลของบุคคลที่สาม[102]

การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน

แก้

จีเมลนับสนุนการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ใช้ในการปกป้องบัญชีของตนเมื่อล็อกอิน [103]

เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ใช้จะต้องยืนยันตัวตนโดยใช้วิธีการที่สองหลังจากป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเมื่อล็อกอินบนอุปกรณ์ใหม่ วิธีการทั่วไปรวมถึงการป้อนรหัสที่ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้ผ่านข้อความ การป้อนรหัสโดยใช้แอป กูเกิล ออเทนทิเคเทอร์ บนสมาร์ทโฟน การตอบสนองต่อพร้อมท์บนอุปกรณ์ แอนดรอยด์/iOS [104] หรือโดยการใส่คีย์ความปลอดภัยทางกายภาพลงในพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์[105]

การใช้คีย์ความปลอดภัยสำหรับการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนสามารถใช้ได้เป็นตัวเลือกในเดือนตุลาคม 2014[106][107]

การล็อกดาวน์ 24 ชั่วโมง

แก้

หากอัลกอริทึมตรวจพบสิ่งที่กูเกิลเรียกว่า "การใช้งานผิดปกติที่อาจบ่งชี้ว่าบัญชีของคุณถูกบุกรุก" บัญชีสามารถถูกล็อกดาวน์โดยอัตโนมัติเป็นเวลาตั้งแต่หนึ่งนาทีถึง 24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประเภทของกิจกรรมที่ตรวจพบ เหตุผลที่ระบุสำหรับการล็อกดาวน์ ได้แก่:[108]

  • "รับ ลบ หรือดาวน์โหลดอีเมลจำนวนมากผ่าน POP หรือ IMAP ในระยะเวลาอันสั้น หากคุณได้รับข้อความแสดงข้อผิดพลาดว่า 'ล็อกดาวน์ในภาค 4' คุณควรจะสามารถเข้าถึงจีเมลได้อีกครั้งหลังจากรอ 24 ชั่วโมง"
  • "ส่งข้อความที่ส่งไม่สำเร็จจำนวนมาก (ข้อความที่ส่งกลับ)"
  • "การใช้ซอฟต์แวร์การแชร์ไฟล์หรือการจัดเก็บไฟล์ หรือซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามที่ล็อกอินเข้าบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ"
  • "ปล่อยให้จีเมลเปิดหลายอินสแตนซ์"
  • "ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเบราว์เซอร์ โปรดทราบว่าหากคุณพบว่าเบราว์เซอร์ของคุณโหลดซ้ำอย่างต่อเนื่องขณะพยายามเข้าถึงกล่องจดหมายของคุณ อาจเป็นปัญหาของเบราว์เซอร์ และอาจจำเป็นต้องล้างแคชและคุกกี้ของเบราว์เซอร์ของคุณ"

นโยบายต่อต้านสื่อลามกเด็ก

แก้

กูเกิล ร่วมกับ NCMEC ใช้ระบบสแกนภาพอัจฉริยะในจีเมล เพื่อปกป้องเด็กจากสื่อลามกอนาจาร โดยระบบจะเปรียบเทียบภาพที่พบกับฐานข้อมูลภาพสื่อลามกเด็กขนาดใหญ่ เมื่อพบภาพที่ตรงกัน ระบบจะแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ช่วยให้เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กได้มากขึ้น[109]

ประวัติ

แก้

ความคิดในการสร้างอีเมล์ถูกเสนอขึ้นระหว่างการสัมภาษณ์งานกับกูเกิลโดยRajen Sheth จากนั้นโครงการจึงเริ่มโดยนักพัฒนาของกูเกิลชื่อ Paul Buchheit เขาใช้เวลาพัฒนามาหลายปีก่อนจะเปิดเป็นสาธารณะ โดยแรกเริ่ม จีเมลถูกใช้สำหรับพนักงานในบริษัทกูเกิลเท่านั้น ต่อมากูเกิลจึงเปิดเผยต่อสาธารณะในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2004 [110] (วันเมษาหน้าโง่) ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องโกหก


การพัฒนา

แก้

ภาษาพัฒนา

แก้

การเริ่มโครงการจีเมลของ กูเกิลนั้นเริ่มพัฒนาขึ้นมาหลายปีก่อนที่จะเปิดให้บริการ โดยในระยะแรกเริ่มของการเปิดให้บริการ จะให้สิทธิ์ในการสมัครจีเมลโดยแจกจ่ายสิทธิทางอีเมลเชิญชวนเท่านั้น จนกระทั่งต่อมาจึงได้ยกเลิกการสงวนสิทธิ์ดังกล่าว โดยเปิดให้สมัครได้กับทางเว็บไซต์โดยตรง โดยหลักแล้วภาษาที่ใช้พัฒนาคือ AJAX เป็นภาษาที่ใช้ในเว็บรุ่น 2.0 (เน้นหนักไปที่ AJAXSLT framework[ต้องการอ้างอิง]) นอกจากนี้จะมีการเรียกใช้คุณสมบัติของ JavaScript ภายในเครื่องเพื่อการรับค่าแสดงผล จีเมลสามารถรับภาษาได้มากกว่า 52 ภาษาทั่วโลก

ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549 จีเมลได้มีการทดลองก่อนที่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์[111] ในญี่ปุ่น 3 กันยายน พ.ศ. 2549[ต้องการอ้างอิง] และในอียิปต์ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549[112] นอกจากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 เปิดให้ลงทะเบียนทั้งในยุโรป อเมริกากลาง และแอฟริกา[113] จนกระทั่งระบบรองรับการใช้งาน ทำการเปิดให้ลงทะเบียนใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ได้ติดป้าย ทดลองใช้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550[113]

เครื่องบริการ

แก้

ระบบปฏิบัติการที่ให้บริการจีเมลคือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล GFE/1.3 server พร้อมระบบปฏิบัติการลินุกซ์[114][115]

พื้นที่เก็บอีเมล

แก้

ในระยะแรก จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมล 1 จิกะไบต์ต่อหนึ่งอีเมลของจีเมล และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา[116] จีเมลจะเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน จีเมลให้พื้นที่เก็บอีเมลมากกว่า 10 จิกะไบต์ และยังคงเพิ่มขึ้นทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา โดยหากมีการใช้งานมาก ต้องการความจุเพิ่มขึ้นจากที่ทางจีเมลให้บริการฟรี สามารถอัปเกรดได้โดยเสียค่าบริการเพิ่ม โดยความจุที่เพิ่มขึ้นจะใช้ร่วมกันระหว่างบริการ ปีกาซา กูเกิล ด็อกส์ และ จีเมล [117]

รูปร่างหน้าตา

แก้

โดยเริ่มแรก จีเมลยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ แต่ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2008 จีเมลได้เพิ่มชุดรูปแบบกราฟิกการแสดงผล (สกิน) ของกูเกิลให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้

โปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ตที่รองรับ

แก้

จีเมลสามารถแสดงผลได้ดีตามรายชื่อต่อไปนี้ : อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 5.5+, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ 1.0+, Safari 1.2.1+, K-Meleon 0.9+, Netscape 7.1+, Opera 9+, กูเกิล โครม โดยมีการเพิ่มโค้ดในการรองรับ Firefox 2.0+ และ Internet Explorer 7 / 8

จีเมลสามารถใช้งานแบบไม่มีการใช้จาวาและอาเจ็คได้โดยมีชื่อว่า "Basic HTML view" หรือแสดงผลแบบเอชทีเอ็มแอลปกติ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้งานในแบบปกติได้ เช่น ใช้เว็บเบราว์เซอร์รุ่นเก่า หรือไม่ได้เปิดการทำงานของจาวาสคริปต์ไว้ จีเมลจะเข้าระบบเอชทีเอ็มแอลปกติ

การใช้งานร่วม

แก้

จีเมลมีความสามารถในการใช้งานระหว่าง Blogger หรือระบบโทรศัพท์มือถือได้หลายอย่าง โดยสามารถใช้งานได้โดยไม่มีการเรียกใช้โปรแกรมภายในเครื่องจะเป็นระบบข้อความ text messagingในเฉพาะโทรศัพท์ที่มีระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต [118]

การใช้ชื่อ

แก้

กูเกิลใช้ชื่อบริการอีเมลนี้ว่า จีเมล (Gmail) เกือบทั่วโลก ยกเว้นในประเทศเยอรมนี สหพันธรัฐรัสเซีย และสหราชอาณาจักร โดยเลือกใช้ชื่ออื่นคือ "กูเกิลเมล" (Google Mail) เนื่องจากชื่อ Gmail ซ้ำกับชื่อที่มีอยู่แล้วขององค์กรอื่น จึงได้เปลี่ยนชื่อเพื่อความเหมาะสมในการให้บริการ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นได้

รางวัลที่ได้รับ

แก้

จีเมลได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับที่สองจากนิตยสาร PC Worldใน "100 Best Products of 2005"[119] โดยอันดับที่ 1 คือ มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์นอกจากนี้ นิตยสาร PC World ยังได้มอบรางวัล "Honorable Mention" ใน The Bottom Line Design Awards 2005[120]แก่จีเมลอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่น ๆ ที่ทางจีเมลได้รับ โดยจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของจีเมลเอง[121]

ผู้ให้บริการอีเมลอื่น

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 Petrova (October 26, 2019). "Gmail dominates consumer email with 1.5 billion users". CNBC.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 17, 2019. สืบค้นเมื่อ November 19, 2019.
  2. Siegler, MG (March 14, 2010). "The Key To Gmail: Sh*t Umbrellas". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 22, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  3. "Manage files in your Google Drive storage - Gmail Help". support.google.com. สืบค้นเมื่อ 2023-02-11.
  4. "Buy more Google storage - Computer - Google Drive Help". support.google.com. สืบค้นเมื่อ 2023-04-04.
  5. "Group emails into conversations - Computer - Gmail Help". support.google.com. สืบค้นเมื่อ 2023-12-08.
  6. Bergen, Mark (June 23, 2017). "Google Will Stop Reading Your Emails for Gmail Ads". Bloomberg.com. Bloomberg L.P. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 23, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.(ต้องรับบริการ)
  7. Singer, Michael (March 31, 2004). "Google Testing Free Webmail". Internet News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 23, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  8. Kuchinskas, Susan (April 1, 2005). "Endless Gmail Storage". Internet News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 28, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  9. Moltzen, Edward F. (2007-10-21). "Google Ups GMail to 4 GB of Storage". CRN. สืบค้นเมื่อ 2022-10-27.
  10. Behrens, Nicholas (April 24, 2012). "Gmail, now with 10 GB of storage (and counting)". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  11. Bavor, Clay (May 13, 2013). "Bringing it all together: 15 GB now shared between Drive, Gmail, and Google+ Photos". Google Drive Blog. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 30, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  12. Petkov, Jason (May 13, 2013). "15GB of Free Storage, Thanks Google!". W3Reports. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  13. "Pricing guide". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 16, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  14. "Send attachments with your Gmail message". Gmail Help. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 16, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  15. "Receive emails of up to 50 MB in Gmail". G Suite Updates. March 1, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  16. Coldewey, Devin (March 1, 2017). "Huzzah! Gmail now accepts attachments up to 50 MB". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  17. "Send Google Drive attachments in Gmail". Gmail Help. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  18. Lenssen, Philipp (June 2, 2008). "Kevin Fox of Gmail & FriendFeed on User Experience Design". Google Blogoscoped. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2013. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  19. Cornwell, Jason (November 1, 2011). "Gmail's new look". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  20. Houston, Thomas (November 1, 2011). "Gmail redesign adds enhanced search box, profile pictures, conversations, and more". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  21. "Gmail New Look will be released to all users starting March 27th". G Suite Updates. March 20, 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  22. Gilad, Itamar (May 29, 2013). "A new inbox that puts you back in control". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  23. Bonnington, Christina (May 29, 2013). "Gmail's New Inbox Sorts Emails Into Tabbed Categories". Wired. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  24. Savov, Vlad (April 25, 2018). "Gmail's biggest redesign is now live". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  25. "Google will soon let you opt out of Gmail's data-hungry smart features entirely". The Verge. November 16, 2020. สืบค้นเมื่อ 16 November 2020.
  26. "Google begins rolling out Chat and Rooms tabs in Gmail for all accounts". Android Central. 2021-04-05. สืบค้นเมื่อ 2021-04-06.
  27. "Google made chats in Gmail available to all users of the service". Gizchina.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-04-05. สืบค้นเมื่อ 2021-04-06.
  28. Mehta, Ivan (28 July 2022). "Gmail rolls out its latest Material You redesign and search improvements to all users". TechCrunch. สืบค้นเมื่อ 4 August 2022.
  29. "Mark or unmark Spam in Gmail". Gmail Help. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 15, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  30. Coleman, Keith (June 5, 2008). "Introducing Gmail Labs". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  31. Williams, Owen (June 23, 2015). "Gmail's 'Undo Send' feature finally graduates out of labs after six years". The Next Web. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 25, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  32. "About Google Labs". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 1, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  33. Moolenaar, Bram (October 15, 2012). "Find your stuff faster in Gmail and Search". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 10, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  34. Racz, Balazs (May 23, 2013). "Search emails, Google Drive, Calendar and more as you type". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  35. Protalinski, Emil (May 23, 2013). "Google adds Google Drive files and Calendar events to Gmail's search for US users". The Next Web. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  36. 36.0 36.1 "Gmail workarounds for sub-string (partial word) search". Confluence. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 17, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  37. "Change your Gmail language settings". Gmail Help. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  38. Warren, C. Andrew (October 9, 2012). "Communicate more easily across languages in Gmail". The Keyword. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  39. Lardinois, Frederic (October 9, 2012). "Google Brings More Than 100 Virtual Keyboards, Transliterations And IMEs To Gmail". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  40. Xiao, Xiangye (October 22, 2013). "Handwriting input comes to Gmail and Google Docs". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  41. Monferrer, Pedro Chaparro (August 5, 2014). "A first step toward more global email". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  42. Grandoni, Dino (August 5, 2014). "Google To Recognize Emails That Use Special Characters". Huffington Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 8, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  43. Panchapakesan, Venkat (June 1, 2011). "Our plans to support modern browsers across Google Apps". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 2, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  44. "Supported browsers". Chat Help. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 19, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  45. "Supported browsers". Gmail Help. สืบค้นเมื่อ 2023-09-24.
  46. "Use the latest version of Gmail in your browser". Gmail Help. สืบค้นเมื่อ 2023-09-24.
  47. Boursetty, Benoît (August 31, 2011). "Using Gmail, Calendar and Docs without an Internet connection". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 14, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  48. Zukerman, Erez (May 10, 2013). "Review: Give Gmail an extreme makeover with Gmail Offline". PC World. International Data Group. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 7, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  49. Siegler, MG (May 11, 2011). "Coming This Summer: Fully Offline Gmail, Google Calendar, And Google Docs". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  50. Kroeger, Rob (April 7, 2009). "A new mobile Gmail experience for iPhone and Android". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  51. "Gmail - Email by Google on the iOS App Store". iTunes. Apple. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  52. "Gmail on the Google Play Store". Google Play. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  53. Izatt, Matthew (November 3, 2014). "A more modern Gmail app for Android". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  54. Izatt, Matthew (November 7, 2016). "Gmail and Google Calendar get a whole lot better on iOS". The Keyword Google Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 19, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  55. Welch, Chris (November 7, 2016). "Google just redesigned Gmail for iPhone and made it way faster". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  56. Lawler, Richard (May 4, 2017). "Now the Android Gmail app keeps an eye out for phishing links". Engadget. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  57. 57.0 57.1 Tung, Liam (May 4, 2017). "Google gives Android Gmail users new shady link warnings amid fake Docs attack". ZDNet. CBS Interactive. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 27, 2019. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  58. 58.0 58.1 Perez, Sarah (May 4, 2017). "Google adds phishing protection to Gmail on Android". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  59. Vincent, James (May 17, 2017). "Smart Reply is coming to Gmail for Android and iOS". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 17, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  60. Ingraham, Nathan (May 17, 2017). "Google's impersonal-but-handy Smart Replies come to the Gmail app". Engadget. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 17, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  61. "Inbox by Gmail on the iOS App Store". iTunes. Apple. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  62. "Inbox by Gmail on the Google Play Store". Google Play. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 12, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  63. "Read Gmail messages on other email clients using POP". Gmail Support. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  64. Mix (October 10, 2019). "Google is rolling out dark mode for Gmail and Maps". The Next Web (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 10, 2019. สืบค้นเมื่อ October 10, 2019.
  65. Pichai, Sundar (October 22, 2014). "An inbox that works for you". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 24, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  66. Bohn, Dieter (October 22, 2014). "Inbox is a total reinvention of email from Google". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 5, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  67. Etherington, Darrell (October 22, 2014). "Google's Inbox is A New Email App From The Gmail Team Designed Not To Be Gmail". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  68. Gawley, Alex (May 28, 2015). "Thanks to you, Inbox by Gmail is now open to everyone". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 6, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  69. Izatt, Matthew (September 12, 2018). "Inbox is signing off. Find your favorite features in the new Gmail". The Keyword. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 12, 2018. สืบค้นเมื่อ September 12, 2018.
  70. Schoon, Ben (March 19, 2019). "Inbox by Gmail officially shuts down on April 2nd, 2019". 9to5Google (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 20, 2019. สืบค้นเมื่อ April 3, 2019.
  71. Calore, Michael (August 25, 2010). "Gmail Gets Dialed Up a Notch With New Calling Feature". Wired. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  72. Nowak, Peter (August 25, 2010). "Google launches free voice calls from Gmail". CBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  73. 73.0 73.1 Mullany, Anjali (August 27, 2010). "Google announces via Twitter: 1,000,000 Gmail calls in 24 Hours". New York Daily News. Mortimer Zuckerman. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  74. Shankland, Stephen (August 26, 2010). "Google: 1 million Gmail calls on first day". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  75. Weintraub, Seth (March 18, 2014). "Google plans to kill Google Voice in coming months, integrate features into Hangouts". 9to5Google. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  76. Russell, Brandon (March 18, 2014). "Google Planning To Discontinue Google Voice In Favor of Hangouts". TechnoBuffalo. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 5, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  77. Guynn, Jessica (February 9, 2010). "Google aims to take on Facebook with new social feature called 'Buzz'". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  78. Cheredar, Tom (July 11, 2011). "Google says Google+ integration for Gmail is coming; users sound off". VentureBeat. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  79. Horowitz, Bradley (October 14, 2011). "A fall sweep". Official Google Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 21, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  80. Striebeck, Mark (December 8, 2011). "Gmail and Contacts get better with Google+". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  81. Horowitz, Bradley (July 27, 2015). "Everything in its right place". The Keyword. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2019. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  82. Green, Travis (May 15, 2013). "Send money to friends with Gmail and Google Wallet". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 27, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  83. Honig, Zach (May 15, 2013). "Google Wallet will soon let you send payments as a Gmail attachment". Engadget. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 27, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  84. "Send money or pay a request". Google Wallet Help. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  85. Welch, Chris (March 14, 2017). "Gmail for Android now lets you send people money right in the app". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 14, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  86. Lopez, Napier (March 14, 2017). "Google now lets you send money via Gmail on Android". The Next Web. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 15, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  87. Frank, Stefan (September 19, 2016). "See more, plan less – try Google Trips". The Keyword Google Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 6, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  88. Newton, Casey (September 19, 2016). "Google Trips is a killer travel app for the modern tourist". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 30, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  89. Perez, Sarah (April 26, 2017). "Personalized travel planner Google Trips gets better at handling your reservations". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 27, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  90. Kastrenakes, Jacob (April 26, 2017). "Google's Trips app is becoming an even better travel companion". The Verge. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 26, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  91. Rideout, Ariel (July 24, 2008). "Making security easier". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  92. Kirk, Jeremy (January 2, 2007). "Google closes Gmail cross-site scripting vulnerability". InfoWorld. International Data Group. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  93. Schillace, Sam (January 12, 2010). "Default https access for Gmail". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  94. Grosse, Eric (June 5, 2012). "Security warnings for suspected state-sponsored attacks". Google Security Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 8, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  95. "Google to warn users of 'state-sponsored attacks'". CBC News. June 6, 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 31, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  96. Lidzborski, Nicolas (March 20, 2014). "Staying at the forefront of email security and reliability: HTTPS-only and 99.978% availability". Official Gmail Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 2, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  97. "Check the security of your emails". Gmail Help. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  98. "File types blocked in Gmail". Gmail Help. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  99. Lardinois, Frederic (May 31, 2017). "Google says its machine learning tech now blocks 99.9% of Gmail spam and phishing messages". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 31, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  100. Locklear, Mallory (May 31, 2017). "Google beefs up Gmail security to fight phishing attempts". Engadget. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 31, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  101. "Google Workspace security updates—November 2020". Google Cloud Blog (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2022-09-14.
  102. "Email encryption in transit". Google Transparency Report. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 31, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  103. "Google 2-Step Verification". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  104. "Sign in with Google Prompts". สืบค้นเมื่อ December 30, 2021.
  105. "Google 2-Step Verification". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 4, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  106. Shah, Nishit (October 21, 2014). "Strengthening 2-Step Verification with Security Key". Google Security Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 15, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  107. Turner, Adam (November 5, 2014). "Google security keys may offer extra layer of online protection". The Sydney Morning Herald. Fairfax Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 26, 2016. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  108. "Can't sign in to your Google Account". Google Account Help. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 7, 2018. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  109. Perez, Sarah (August 6, 2014). "Why The Gmail Scan That Led To A Man's Arrest For Child Porn Was Not A Privacy Violation". TechCrunch. AOL. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2017. สืบค้นเมื่อ October 27, 2018.
  110. Sullivan, Danny. "Google Launches Gmail, Free Email Service - Search Engine Watch". searchenginewatch.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-02-26. สืบค้นเมื่อ 2008-03-12.
  111. "Gmail finally open for business" (website). APC Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-01-27. สืบค้นเมื่อ 2008-06-01.
  112. "Google announces that Gmail is now available to all users in Egypt". AME Info. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (website)เมื่อ 2007-06-02. สืบค้นเมื่อ 2008-06-01.
  113. 113.0 113.1 "From Gmail with <3" (website). Google Official Web Blog. สืบค้นเมื่อ 2008-06-01.
  114. "WHOIS for Gmail.com". domaintools.com.
  115. "Netcraft "What's this site running?" report". Netcraft.
  116. Endless Gmail Storage, สืบค้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2552
  117. "How it works : Google Storage - Picasa Help" (website)., retrieved June 28, 2011
  118. "Can I sign up without the invitation code? Or without a mobile phone?". Gmail Help Center. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (website)เมื่อ 2006-11-18. สืบค้นเมื่อ 2006-12-13.
  119. aid,120763, pg, 12, 00.asp PCWorld.com - The 100 Best Products of 2005[ลิงก์เสีย], retrieved May 14, 2006
  120. Bottom Line Design Awards เก็บถาวร 2007-03-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Honorable Mentions. Retrieved February 14, 2007
  121. About Gmail - Reviews, retrieved May 14, 2006

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้