เสือลายเมฆ
เสือลายเมฆ (อังกฤษ: Clouded leopard; ชื่อวิทยาศาสตร์: Neofelis nebulosa) เสือใหญ่ประเภทหนึ่ง อยู่ในวงศ์เสือและแมว (Felidae)
เสือลายเมฆ | |
---|---|
เสือลายเมฆที่สวนสัตว์แนชวิลล์ | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
ชั้น: | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Mammalia |
อันดับ: | สัตว์กินเนื้อ Carnivora |
อันดับย่อย: | เฟลิฟอเมีย Feliformia |
วงศ์: | เสือและแมว Felidae |
สกุล: | สกุลเสือลายเมฆ Neofelis (Griffith, 1821) |
สปีชีส์: | Neofelis nebulosa[1] |
ชื่อทวินาม | |
Neofelis nebulosa[1] (Griffith, 1821) | |
ที่อยู่อาศัยของเสือลายเมฆใน ค.ศ. 2016[2] |
ศัพทมูลวิทยา
แก้โดยที่ชื่อวิทยาศาสตร์ คำว่า Neofelis มาจากภาษากรีก คำว่า νεο- หมายถึง "ใหม่" และคำศัพท์ละติน feles หมายถึง "แมว" รวมกันแล้วหมายถึง "แมวใหม่"[3][4]
ลักษณะ
แก้เสือลายเมฆเป็นเสือขนาดเล็ก รูปร่างโดยทั่วไปคล้ายเสือดาวแต่เล็กกว่า รูปร่างเตี้ยป้อม ลำตัวมีสีพื้นน้ำตาลอมเทาจนถึงน้ำตาลเหลือง ช่วงล่างและขาด้านในสีขาวหรือสีครีม มีลายสีน้ำตาลเข้มเป็นดวงเหมือนก้อนเมฆขนาดใหญ่ทั่วตัว ตั้งแต่หัว ขา และหาง ดวงบางดวงอาจมีจุดดำอยู่ภายในดวงด้วย แต่ละดวงมีส่วนที่ค่อนไปทางท้ายลำตัวคล้ำกว่า ดวงบริเวณหัวและขาจะมีขนาดเล็กและอาจเป็นเพียงจุดทึบตัน ที่หลัง แก้ม และคอเป็นเส้นสีดำ หูสั้นกลม หลังหูสีดำและมีจุดสีขาวอมน้ำตาลกลางหลังหู ขาค่อนข้างสั้น ขาหลังยาวกว่าขาหน้าอย่างเห็นได้ชัด อุ้งตีนกว้าง
หางยาวมากและฟู มีลายเป็นปล้อง ปลายหางสีดำหรือสีเทา หางยาวเกือบ 90 เซนติเมตร ยกเว้นเสือลายเมฆพันธุ์ฟอร์โมซัน (F.n. brachyurus) มีหางสั้นเป็นพิเศษเพียง 55-60 เซนติเมตร แต่ความยาวของหางไม่อาจใช้เป็นเกณฑ์ในการจำแนกชนิดพันธุ์ได้
เขี้ยวยาว 3.8-4.5 เซนติเมตร นับว่ายาวที่สุดในจำนวนเสือทั้งหมดในโลก ด้านหลังเขี้ยวคมมาก ตัวเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 10-20 กิโลกรัม ความยาวลำตัว 750-1,100 มิลลิเมตร แม้จะมีขนาดเล็กกว่าเสือชนิดอื่น ๆ แต่เสือลายเมฆมีสัดส่วนของกะโหลกคล้ายกับเสือชนิดอื่น ๆ จัดเป็นเสือที่มีขนาดเล็กที่สุด
เสือลายเมฆไม่เพียงลวดลายที่โดดเด่นต่างจากเสือชนิดอื่นเท่านั้น โครงสร้างภายในและลักษณะทางพันธุกรรมก็ต่างจากเสือชนิดอื่น กะโหลกต่างจากเสือชนิดอื่นอย่างเด่นชัด จึงจัดอยู่ในสกุลแยกจากเสือชนิดอื่นคือ Neofelis
อุปนิสัย
แก้ปัจจุบันมีข้อมูลเกี่ยวกับอุปนิสัยของเสือลายเมฆไม่มากนัก เนื่องจากมีจำนวนน้อยในธรรมชาติ ประกอบกับอุปนิสัยที่ลึกลับ และอาศัยบนต้นไม้ในป่าทึบ ทำให้ศึกษาได้ยาก ข้อมูลในด้านนี้มักได้มาจากการสอบถามชาวบ้านและจากการสังเกตในกรงเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่
เสือลายเมฆชอบอาศัยและพักผ่อนบนต้นไม้ เป็นนักปีนชั้นเยี่ยม มีข้อตีนที่พลิกหมุนได้แบบเดียวกับมาร์เกย์ จึงสามารถห้อยโหนกิ่งไม้ด้วยขาหลังเพียงอย่างเดียวแล้วปล่อยให้หัวห้อยลงมาได้ สามารถไต่กิ่งไม้แบบห้อยตัวอยู่ใต้กิ่งไม้ที่เอนเกือบขนานกับพื้นได้ เปรียบเทียบฝีมือการปีนป่ายกับเสือดาวแล้วเสือลายเมฆจะเก่งกว่า แม้เสือดาวจะปีนต้นไม้เก่ง แต่ก็ไม่ถนัดในการจับเหยื่อบนต้นไม้ แต่เสือลายเมฆเคยมีรายงานว่าไล่จับลิงบนต้นไม้ได้ อย่างไรก็ตามเสือลายเมฆล่าเหยื่อบนพื้นดินมากเท่า ๆ กับบนต้นไม้
สัตว์ที่เสือลายเมฆชอบล่าได้แก่ ลิง หมูป่า กวางขนาดเล็ก ชะมด เม่น กระรอก นก ปลา แพะ สัตว์เลี้อยคลาน ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในประเทศไทยก็เคยมีรายงานว่าเสือลายเมฆจับลิงกังและชะนีกิน
การกระจายพันธุ์และพฤติกรรม
แก้มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่เนปาล, สิกขิม, ภาคเหนือของอินเดีย, ภาคใต้ของจีน, ไต้หวัน, ตะวันตกของพม่า, ไทย, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย, เกาะบอร์เนียวและเกาะสุมาตรา มีพฤติกรรมมักอาศัยและหากินตามลำพัง หากินบนต้นไม้มากกว่าตามพื้น แต่ก็ลงมาบนพื้นดินบ้างเป็นบางครั้ง มักหากินในเวลากลางคืน เหยื่อได้แก่ นก, ลิง และงูบางชนิด โดยก่อนกินเหยื่อจะเลียขนของเหยื่ออกเสียก่อนเพื่อทำความสะอาด บางครั้งจะกลับมากินเหยื่อที่เหลือทิ้งไว้จนหมด ใช้เวลาตั้งท้อง 90 - 95 วันออกลูกครั้งละ 2 - 4 ตัว โดยลูกเสือแรกเกิดมีน้ำหนักตัวประมาณ 150 - 180 กรัม แต่พฤติกรรมในสถานที่เลี้ยง การผสมพันธุ์เป็นไปได้ยาก เนื่องจากเสือลายเมฆตัวผู้จะทำร้ายตัวเมียจนถึงตายได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ตอบสนองต่อความเครียดได้ง่าย ในปี ค.ศ. 2002 จึงมีโครงการโดยความร่วมมือของหลายประเทศและสถาบันสมิธโซเนียนผสมพันธุ์เสือลายเมฆขึ้นด้วยวิธีการผสมเทียม จนกระทั่งได้ลูกเสือลายเมฆด้วยวิธีนี้มาแล้ว 58 ตัว (ข้อมูลจนถึงปี ค.ศ. 2015) และเสือลายเมฆกลุ่มนี้ได้กลายเป็นต้นพันธุ์ให้แก่สวนสัตว์ต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อเพาะขยายพันธุ์ต่อแล้วถึง 16 ตัว สำหรับในประเทศไทยประสบความสำเร็จในกลางปี ค.ศ. 2015 ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นลูกเสือลายเมฆ 2 ตัว[5] [6]
ทางฝั่งใต้แม่น้ำแยงซีเกียง เคยพบในตีนเขาหิมาลัยที่ระดับความสูงถึง 1,450 เมตร คาดว่าเสือลายเมฆอาจอยู่ได้ที่ระดับความสูงถึง 3,000 เมตร
สถานะ
แก้เสือลายเมฆ นับเป็นเสือชนิดที่มีลวดลายสวยงาม จึงตกเป็นที่ต้องการของมนุษย์เสมอ ๆ ทั้งล่าเพื่อเอาหนัง และนำไปเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งพฤติกรรมเมื่อเป็นสัตว์เลี้ยงโดยมนุษย์แล้ว ปรากฏว่าเสือลายเมฆมีพฤติกรรมที่ไม่ดุและค่อนข้างเชื่องมากกว่าเสือหรือแมวป่าชนิดอื่น ๆ สถานะปัจจุบันตามกฎหมายไทย เสือลายเมฆจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 และสถานะในไซเตสจัดอยู่ในบัญชีหมายเลข 1 (Appendix I)[7]
ชีววิทยา
แก้แม้ว่าสัตว์ที่อาศัยในป่าเขตร้อนอย่างเสือลายเมฆมักไม่มีฤดูกาลผสมพันธุ์ที่แน่นอน แต่พบว่าเสือลายเมฆในแหล่งเพาะเลี้ยงออกลูกตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงสิงหาคม เสือลายเมฆสาวมีระยะเวลาเป็นสัดครั้งละ 6 วันและเกิดขึ้นทุก ๆ 30 วันในฤดูผสมพันธุ์ เชื่อว่าเสือลายเมฆออกลูกในโพรงไม้ที่อยู่เหนือระดับพื้นดิน แต่ก็เคยมีผู้พบเห็นเสือลายเมฆออกลูกในรังที่อยู่ในระดับพื้นดินท่ามกลางพุ่มไม้ทึบเหมือนกัน แม่เสือตั้งท้อง 86-93 วัน ลูกครอกหนึ่งมีประมาณ 1-5 ตัว ส่วนใหญ่มักมี 2 ตัว ลูกเสือแรกเกิดมีน้ำหนัก 140-170 กรัม ลืมตาเมื่ออายุ 10-12 วัน และเริ่มเดินได้เมื่ออายุ 19-20 วัน เมื่ออายุได้ 10 สัปดาห์ก็เริ่มกินเนื้อได้ หย่านมเมื่ออายุ 5 เดือน เสือหนุ่มสาวจะมีสีสันเหมือนเสือเต็มวัยเมื่ออายุได้ 6 เดือน และเมื่ออายุ 10 เดือนก็จะออกเรือนหากินเองได้ เสือลายเมฆเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 24-36 เดือน และจะให้กำเนิดลูกได้จนถึงอายุ 12-15 ปี อายุขัยโดยเฉลี่ย 11 ปี แต่ตัวที่อายุมากที่สุดในกรงเลี้ยงมีอายุ 17 ปี
เสือลายเมฆเป็นเสือที่เพาะพันธุ์ได้ยากมากเนื่องจากตัวผู้ชอบฆ่าตัวเมีย เสือลายเมฆในแหล่งเพาะเลี้ยงเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เกิดในกรงเลี้ยง การผสมเทียมและการถ่ายเทตัวอ่อน (embryo transfer) ประสบผลสำเร็จพอสมควรในเสือและแมวป่าหลายชนิด เมื่อไม่นานมานี้มีทฤษฎีจากนักเพาะเลี้ยงชาวอังกฤษบอกว่า เสือลายเมฆตัวเมียเป็นสัดครั้งเดียวในรอบปี และจะยอมผสมพันธุ์กับตัวผู้ที่อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานเท่านั้น
บางทีแหล่งเพาะเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการเพาะพันธุ์เสือลายเมฆอาจเป็นสวนสัตว์พาต้าของประเทศไทยก็ได้ (ปานเทพ) สวนสัตว์พาต้าเป็นสวนสัตว์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และสามารถส่งเสือลายเมฆให้แก่สวนสัตว์อื่น ๆ ทั่วโลก
ชนิดย่อย
แก้เสือลายเมฆ อาจแบ่งออกได้เป็นชนิดย่อยได้ 3 ชนิด คือ[8]
- N. n. nebulosa (Griffith, 1821) — พบในตอนใต้ของจีนจนถึงภาคตะวันออกของพม่า
- N. n. macrosceloides (Hodgson, 1853) — พบในเนปาลจนถึงพม่า
- N. n. brachyura (Swinhoe, 1862) — พบเฉพาะเกาะไต้หวันเท่านั้น ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปแล้วในยุคทศวรรษที่ 90[2] โดยมีข้อมูลยืนยันครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1989 โดยพบเป็นหนังของตัวที่ยังไม่โตเต็มวัยในบริเวณอุทยานแห่งชาติทาโรโค [9][10]
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Wozencraft, W. C. (2005). "Species Neofelis nebulosa". ใน Wilson, D. E.; Reeder, D. M. (บ.ก.). Mammal Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 545–546. ISBN 978-0-8018-8221-0. OCLC 62265494.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Gray, T.; Borah, J.; Coudrat, C.N.Z.; Ghimirey, Y.; Giordano, A.; Greenspan, E.; Petersen, W.; Rostro-García, S.; Shariff, M. & Wai-Ming, W. (2021). "Neofelis nebulosa". IUCN Red List of Threatened Species. 2021: e.T14519A198843258. doi:10.2305/IUCN.UK.2021-2.RLTS.T14519A198843258.en. สืบค้นเมื่อ 19 November 2021.
- ↑ Perseus Digital Library. Greek Dictionary νεο Headword Search Result
- ↑ Perseus Digital Library. Latin Dictionary feles Headword Search Result
- ↑ "สวนสัตว์เขาเขียว โชว์ผสมเทียมกำเนิด 'เสือลายเมฆ' ครั้งแรกในไทย". ไทยรัฐ. 2 July 2015. สืบค้นเมื่อ 3 July 2015.
- ↑ ชุติอร กาญวัฒนกิจ. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน. กรุงเทพฯ : กองทุนสัตว์ป่าโลก สำนักงานประเทศไทย, 2543. 256 หน้า. หน้า 103. ISBN 974-87081-5-2
- ↑ ["เสือลายเมฆ (ไทย)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-26. สืบค้นเมื่อ 2012-01-21. เสือลายเมฆ (ไทย)]
- ↑ Sunquist, M. E., Sunquist, F. (2009). Family Felidae (Cats) In: Wilson, D. E., Mittermeier, R. A. (eds.) Handbook of the Mammals of the World - Volume 1 Carnivores. Lynx Edicions in association with Conservation International and IUCN. ISBN 978-84-96553-49-1
- ↑ Anonymous. (1996). "The mystery of the Formosan clouded leopard". Cat News 24: 16.
- ↑ Chiang, P.-J. (2007). Ecology and conservation of Formosan clouded leopard, its prey, and other sympatric carnivores in southern Taiwan. PhD thesis submitted to the Virginia Polytechnic Institute and State University, Virginia.