เจ้าพระขวัญ
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าพระขวัญ หรือ พระขวัญ เจ้าตรัสน้อย เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเพทราชา และ กรมหลวงโยธาเทพ (พงศาวดารยุคหลังว่า กรมหลวงโยธาทิพ) ประสูติในปี พ.ศ. 2231 พระองค์มีผู้คนนับถือเป็นอันมากเพราะเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายหลังพระองค์ทรงโดนสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ (ภายหลัง คือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8) ลอบปลงพระชนม์อันเนื่องมาจากทรงเกรงว่าเจ้าพระขวัญอาจจะเป็นเป็นภัยต่อราชสมบัติของพระองค์ในภายภาคหน้า (ในหลักฐานร่วมสมัยว่าทรงคิดก่อการกบฏ)
เจ้าพระขวัญ | |
---|---|
เจ้าฟ้า | |
ประสูติ | พ.ศ. 2231 กรุงศรีอยุธยา อาณาจักรอยุธยา |
สิ้นพระชนม์ | 7 เมษายน พ.ศ. 2246 (15 ปี) พระตำหนักหนองหวาย กรุงศรีอยุธยา อาณาจักรอยุธยา |
ฝังพระศพ | วัดโคกพระยา |
ราชวงศ์ | บ้านพลูหลวง |
พระบิดา | สมเด็จพระเพทราชา |
พระมารดา | กรมหลวงโยธาทิพ (หลักฐานร่วมสมัยว่ากรมหลวงโยธาเทพ) |
ศาสนา | เถรวาท |
ถูกกล่าวหา | อาจเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ |
รับโทษ | สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ |
พระประวัติ
แก้พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม และพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวว่าเจ้าพระขวัญเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเพทราชาที่ประสูติจากสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพ พระอัครมเหสีฝ่ายขวา (หลักฐานร่วมสมัยว่าสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพ) เมื่อวันที่พระองค์ประสูติได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ถวายพระนามว่า เจ้าพระขวัญ เมื่อพระองค์ทรงเจริญพระพรรษามีผู้คนนับถือเป็นอันมาก อันเนื่องมาจากพระองค์เป็นพระราชภาติยะ[1]ในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อพระชนมายุครบโสกันต์ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้ตั้งการพระราชพิธีโสกันต์ขึ้น ณ พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท
ภายหลังพระราชพิธีโสกันต์ของเจ้าพระขวัญ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนัก ในครั้งนั้นสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ (ภายหลัง คือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8) ทรงมีความเคลือบแคลงในเจ้าพระขวัญเป็นอันมาก อันเนื่องมาจากการที่เจ้าพระขวัญมีข้าไทยและผู้คนนับถือเป็นอันมาก นานไปอาจจะเป็นเป็นภัยต่อราชสมบัติของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ จึงสมคบกับพระราชโอรสทั้งสองของพระองค์ คือ เจ้าฟ้าเพชร (ภายหลัง คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) และเจ้าฟ้าพร (ภายหลัง คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ในการกำจัดเจ้าพระขวัญเสีย
เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวใกล้เสด็จสวรรคต สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ และพระราชโอรสทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังพระราชวังหลวง พร้อมด้วยข้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นจำนวนมาก โดยเสด็จเข้าประทับในพระตำหนักหนองหวาย หลังจากนั้น สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ มีพระบัญฑูรให้มหาดเล็กไปเชิญเสด็จเจ้าพระขวัญมาเข้าเฝ้า โดยมีพระราชประสงค์จะให้เจ้าพระขวัญทรงม้าเทศให้ทอดพระเนตร เมื่อเจ้าพระขวัญทรงทราบว่าสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ มีพระบัณฑูรให้หาก็ทรงวางผลอุลิตหวานที่กำลังเสวยอยู่แล้วทูลลาสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพ พระราชมารดา เพื่อเสด็จไปเข้าเฝ้าสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ณ พระตำหนักหนองหวาย พร้อมด้วยนักพระสัฏฐาธิราช พระพี่เลี้ยงและข้าไทยจำนวนหนึ่ง เมื่อเจ้าพระขวัญเสด็จถึงพระตำหนักหนองหวาย สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ มีพระบัณฑูรห้ามไม่ให้พระพี่เลี้ยงและข้าไทยตามเสด็จเข้ามาและให้ปิดกำแพงแก้วเสีย แล้วจึงจับเจ้าพระขวัญสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ แล้วให้ข้าหลวงนำพระศพไปฝังไว้ที่วัดโคกพระยา หลังจากนั้นจึงเสด็จกลับพระราชวังบวรสถานมงคล
ด้านสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพนั้น เมื่อพระราชโอรสเสด็จไปเฝ้าสมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ก็ทรงเข้าที่พระบรรทม เมื่อพระองค์ทรงเคลิ้มหลับลงก็ได้ยินเสียงเจ้าพระขวัญมาทูลขอพระราชทานผลอุลิตหวานที่เหลืออยู่มาเสวย ก็ตกพระทัยตื่นพระบรรมทม ในเวลานั้นพระพี่เลี้ยงในเจ้าพระขวัญและข้าไทยทั้งหลายก็ร้องไห้เข้ามากราบบังคมทูลเรื่องราวทั้งหมด สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพทรงพระกันแสงและเสด็จขึ้นไปเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวซึ่งทรงพระประชวรหนักอยู่ แล้วทรงกราบบังคมทูลว่า ลูกข้าพระพุทธเจ้าหาความผิดมิได้ กรมพระราชวังบวรฯ ฆ่าลูกข้าพระพุทธเจ้าเสียโดยหาเหตุมิได้ เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงทราบทรงพระพิโรธกรมพระราชวังบวรฯ เป็นอันมากแลตรัสว่าจะไม่ยกราชสมบัติให้แก่กรมพระราชวังบวรฯ แล้วทรงพระกรุณาตรัสเวนราชสมบัติให้เจ้าพระพิไชยสุรินทร พระราชนัดดา คืนนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต[2][3]
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ให้ข้อมูลที่แตกต่างกันว่า เมื่อสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ขึ้นครองราชย์ ให้จับเจ้ากรมขุนเสนาบริรักษ์ (โอรสของท้าวศรีจุฬาลักษณ์พระขนิษฐาของพระเพทราชา พระนามเดิมว่าหม่อมแก้ว) พระองค์เจ้าดำ (พระโอรสของพระเพทราชาที่ประสูติแต่สนม ฉบับอื่นว่าถูกสำเร็จโทษในต้นรัชกาลพระเจ้าท้ายสระ) พระองค์เจ้าแขก (สันนิษฐานว่าเป็นพระโอรสของพระเพทราชาอีกองค์หนึ่ง) ไปประหารชีวิต อยู่มาอีกสองวันจึงให้จับเจ้าพระขวัญไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา[4]
พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุเหตุการณ์ที่คล้ายกันคือสมเด็จพระเจ้าลูกเธอตรัสน้อย พระราชโอรสของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพ ถูกเจ้าฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพรลวงไปสำเร็จโทษ โดยที่สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ไม่ได้ทรงรู้เห็นด้วย และทรงเสียพระทัยจนกันแสงเมื่อทราบเรื่อง[5]
คำให้การชาวกรุงเก่า ให้ข้อมูลที่สอดคล้องกับพระราชพงศาวดารฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) และฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ว่าเจ้าพระขวัญถูกสำเร็จโทษในรัชกาลสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 และยังกล่าวด้วยว่าเพราะเจ้าพระขวัญวางแผนก่อกบฏ[6]
จดหมายของมงเซนเญอร์หลุยส์ ช็องปียง เดอ ซีเซ่ (Monseigneur Louis Champion de Cicé) มุขนายกมิสซังประจำกรุงศรีอยุธยาถึงผู้อำนวยการคณะมิสซังต่างประเทศกรุงปารีส วันที่ 6 เดือนตุลาคม ค.ศ. 1703 (พ.ศ. 2246) ซึ่งเป็นหลักฐานร่วมสมัย ได้ระบุว่าในรัชกาลสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 เจ้าพระขวัญซึ่งเป็นอนุชาของพระเจ้าแผ่นดินยังมีพระชนม์อยู่ ไม่ได้ถูกสำเร็จโทษตอนพระเพทราชาประชวร[7][8]
บันทึกเหตุการณ์ระหว่างการประชวรและการสวรรคตของพระเจ้ากรุงสยามผู้ทรงพระนามว่าพระทรงธรรม์ (Relaas van’t voorgevallene bij de Zieke en overlijden van den Siamse koninck Phra Trong Than gernaamt) ของนายอาร์เนาต์ เกลอร์ (Aernout Cleur) หัวหน้าสถานีการค้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ประจำกรุงศรีอยุธยาในช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชาถึงรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 เป็นหลักฐานร่วมสมัย ได้ระบุว่าพระขวัญ (PRAQUAN) หรือเจ้าพระขวัญ เป็นพระราชโอรสของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพ ไม่ใช่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพตามพระราชพงศาวดารที่ชำระในยุคหลัง และกล่าวว่าในช่วงต้นรัชกาลสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ทรงปฏิบัติกับเจ้าพระขวัญเป็นอย่างดี ทรงเรียกเจ้าพระขวัญว่า เจ้าฟ้าน้อย (TJAUW FA NOY) โปรดให้ได้ทรงฉลองพระองค์ของหลวงและทรงให้มีส่วนร่วมในราชการ แต่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพกลับคิดแผนชิงบัลลังก์ให้เจ้าพระขวัญ โดยวางแผนว่าเมื่อพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินมาบนพระราชยานเพื่อไปถวายความเคารพพระบรมศพพระราชบิดาในเดือนห้า ก็จะได้โอกาสที่จะลอบยิงปืนปลงพระชนม์ และเจ้าพระขวัญจะทรงทำหน้าที่นี้โดยใช้ปืนพกที่ทรงพกติดตัวไปด้วยขณะที่ทรงม้า แต่นางกำนัลของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพนำแผนการไปกราบทูลให้พระเจ้าแผ่นดินทราบ ในวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1703 (พ.ศ. 2246) พระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาถวายสักการะพระบรมศพพระราชบิดาพร้อมกับเจ้าพระขวัญ พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งให้เจ้าพระขวัญทรงม้าเพื่อออกพระกำลัง เมื่อทรงควบม้าไปถึงพระคลังวิเศษ (pakhuijs WISIT) ออกญาพิชิต (OIJA PIJIT) พระยาท้ายน้ำ (PIA TAIJNAM) และออกญาสุรศรี (OIJA ZURASIJ) ขุนนางทั้ง 4 ได้จับตัวเจ้าพระขวัญและนำพระองค์ไปสำเร็จด้วยท่อนจันทน์ และพระศพถูกนำไปฝังยังวัดโคกพระยา เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพทรงทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าพระขวัญผู้เป็นพระโอรส จึงทรงหนีไปเข้าเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพจึงทูลขอให้ละเว้นพระชนม์ชีพของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพจากพระเจ้าแผ่นดิน จึงถูกลงโทษเพียงริบทรัพย์สมบัติและถอดจากที่พระมเหสีเท่านั้น แต่ออกญาสมบัติบาล, พระยาราชบังสัน, พระวิไชยสุรินทร์, พระรามเดชะ, พระเสมียนโกเศศ, ออกหลวงทิพรักษา และขุนนางใหญ่น้อยอื่น ๆ ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนเจ้าพระขวัญถูกนำไปประหารชีวิตหมด[9]
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของเจ้าพระขวัญ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ↑ https://dictionary.sanook.com/search/dict-th-th-royal-institute/ภาติยะ
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม
- ↑ พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาภาค ๒ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิมพ์ขึ้นเปนส่วนพระกุศลทานมัย ในงานพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ (ชั้น 3) กรมหลวงวรเสฐสุดา พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัญญา สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร กรมขุนพิจิตรเจษฎจันทร์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล กรมขุนสวรรคโลกย์ลักษณวดี
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด)
- ↑ พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
- ↑ คำให้การชาวกรุงเก่า
- ↑ ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๗ เรื่องจดหมายเหตุของคณะบาดหลวงฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินพระเจ้าเสือแลแผ่นดินพระเจ้าท้ายสระ ภาค ๔ พิมพ์ในงารศพ คุณหญิงผลากรนุรักษ (สงวน เกาไศยนันท์) เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๔๖๙
- ↑ https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/1663390497057747?hc_location=ufi
- ↑ https://www.facebook.com/WipakHistory/photos/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-voc%E0%B9%83%E0%B8%99/1667305233332940/