อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ

ศาสตราจารย์พิเศษ อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ (24 สิงหาคม 2487 - ) องคมนตรีอาจารย์พิเศษประจำ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[1] อดีตประธานศาลฎีกา (1 ต.ค. 2545 - 30 ก.ย. 2547) ประธานสมาคมกฎหมายอาเซียน

อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ
องคมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
16 สิงหาคม 2550 – 6 ธันวาคม 2559
(9 ปี 112 วัน)
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เริ่มดำรงตำแหน่ง
6 ธันวาคม 2559
(7 ปี 135 วัน)
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประธานศาลฎีกา คนที่ 34
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม 2545 – 30 กันยายน 2547
(1 ปี 364 วัน)
ก่อนหน้านายสันติ ทักราล
ถัดไปนายศุภชัย ภู่งาม
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด24 สิงหาคม พ.ศ. 2487 (79 ปี)
ศาสนาพุทธ
คู่สมรสนางสุดใจ ดิษฐอำนาจ

ประวัติ แก้

นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ เข้าศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย​และโรงเรียนเทพศิรินทร์ เมื่อ ปี พ.ศ. 2500 เลขประจำตัว 8526 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, เนติบัณฑิตไทย (สอบได้อันดับที่ 3 ของสมัยที่ 18) ปี 2508 และจบปริญญาโทด้านกฎหมาย จาก Harvard Law School ประเทศสหรัฐอเมริกา

นายอรรถนิติสมรสกับ นางสุดใจ ดิษฐอำนาจ

การทำงาน แก้

หลังสำเร็จการศึกษาสอบเข้าเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2513 โดยระหว่างรับราชการได้เริ่มต้นเป็นผู้พิพากษาประจำศาลจังหวัดภูเขียว (ชัยภูมิ) เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2514 และได้เป็นผู้พิพากษาประจำจังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2515 และได้เข้ามาเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2517 โดยระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้รับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2520 ได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ยุติธรรม และเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2529 ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการศาลฎีกา กระทั่งปี 2530 ได้เป็นเลขาธิการส่งเสริมงานตุลาการ ซึ่งเป็นงานด้านบริหาร จากนั้นเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2535 ก็ได้กลับไปดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง และเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาธนบุรี ปี 2542 และในเดือน ต.ค. ปีเดียวกัน ได้เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2544 ได้ขึ้นเป็นประธานศาลอุทธรณ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นตำแหน่งสำคัญที่จะได้ถูกเสนอชื่อเป็นประธานศาลฎีกาได้ โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2545 จึงได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานศาลฎีกา ประมุขศาลยุติธรรม คนที่ 34 โดย นายอรรถนิติ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานศาลฎีกานานถึง 2 ปี โดยเกษียณราชการเมื่ออายุครบ 60 ปี ในวันที่ 30 ก.ย. 2547

และแม้นว่าจะเกษียณราชการแล้ว นายอรรถนิติ ยังคงปฏิบัติงานด้านกฎหมาย เป็นศาสตราจารย์พิเศษ ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[2] และปัจจุบันเป็นประธานสมาคมกฎหมายอาเซียน ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ นายอรรถนิติ ได้รับพระราชทานเครื่องอิสริยาภรณ์หลายลำดับชั้น รวม 10 ลำดับ โดยก่อนเกษียณราชการได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2547 นอกจากนั้น ยังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการกฤษฎีกา ตั้งแต่ พ.ศ. 2543

นายอรรถนิติได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2550[3]

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้

อ้างอิง แก้

  1. "รายชื่ออาจารย์พิเศษ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-10-16. สืบค้นเมื่อ 2019-10-16.
  2. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งศาสตราจารย์พิเศษ (นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ)
  3. พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งองคมนตรี (นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ)
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2010-02-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๒ ตอนที่ ๑๗ ข หน้า ๔, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐๗ ตอนที่ ๒๔๐ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๘, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๓
  6. 6.0 6.1 ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเหรียญรัตนาภรณ์ เก็บถาวร 2019-08-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๖ ข หน้า ๑, ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๒
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๑๓ ตอนที่ ๔ ข, หน้า ๔๕๐, ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๙
ก่อนหน้า อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ ถัดไป
นายสันติ ทักราล   ประธานศาลฎีกา (คนที่ 34)
(1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 - 30 กันยายน พ.ศ. 2547)
  นายศุภชัย ภู่งาม