พระมนตรีพจนกิจ (หม่อมราชวงศ์ชาย ชุมแสง)

อำมาตย์โท พระมนตรีพจนกิจ (หม่อมราชวงศ์ชาย ชุมแสง) หรือ หม่อมราชวงศ์ชายสรรพศิลป์เครือวัลย์ ชุมแสง (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 - พ.ศ. 2478) นายกเภสัชกรรมสมาคมแห่งกรุงสยามคนแรก นักพฤกษศาสตร์ และอาจารย์ชาวไทย

พระมนตรีพจนกิจ
(หม่อมราชวงศ์ชาย ชุมแสง)
รูปปั้นพระมนตรีพจนกิจ ที่เภสัชกรรมสมาคมฯ
เกิดหม่อมราชวงศ์ชายสรรพศิลป์เครือวัลย์
21 กรกฎาคม พ.ศ. 2428
เสียชีวิตพ.ศ. 2478 (50 ปี)
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมิวนิก, มิวนิก ประเทศเยอรมนี
อาชีพนักพฤกษศาสตร์ นักวิชาการเกษตร นักสาธารณสุข อาจารย์
มีชื่อเสียงจากนายกเภสัชกรรมสมาคมแห่งกรุงสยามคนแรก
คู่สมรสคุณผิว ชุมแสง ณ อยุธยา
บุตรเภสัชกร ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. ม.ล. ประนต ชุมแสง และบุตรธิดา รวม 10 คน
บิดามารดาหม่อมเจ้าเปล่ง ชุมแสง
หม่อมวาศน์ ชุมแสง ณ อยุธยา

ประวัติ

แก้

พระมนตรีพจนกิจ เกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นโอรสในหม่อมเจ้าเปล่ง ชุมแสง กับหม่อมวาศน์ ชุมแสง ณ อยุธยา เป็นพระนัดดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชา พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบิดาประทานนามล้อกับพระนามของ พระองค์เจ้าชายชุมแสง หรือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชา ว่า หม่อมราชวงศ์ชายสรรพศิลปเครือวัลย์ ชุมแสง (M.R. Chaisanpasil kruaivalaya) แต่เมื่อเข้ารับราชการท่านใช้เพียงชื่อสั้นว่า หม่อมราชวงศ์ชาย ชุมแสง[1]

พระมนตรีพจนกิจ สมรสกับคุณผิว ชุมแสง ณ อยุธยา มีบุตร-ธิดา 9 คน

  • เภสัชกร ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. หม่อมหลวงประนต ชุมแสง หัวหน้าภาควิชาอาหารเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นบุตรชายคนโต [2]

หม่อมหลวงประนต ชุมแสง สมรสกับเภสัชกรหญิงปทุมมาลย์ โพธิรังสิยากร บุตรีนายกระจ่าง โพธิรังสิยากร กับเจ้าจันทร์แสง ภาคิไนยเจ้าหลวงพิมพิสาร และปนัดดาเจ้าวังขวา (เฒ่า) กับเจ้าปิ่นแก้ว ธิดาเจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง เจ้าผู้ครองนครแพร่[3] มีบุตรธิดา 2 คน

พระมนตรีพจนกิจ ถึงแก่อนิจกรรมในปี พ.ศ. 2478 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล

การศึกษา

แก้

พระมนตรีพจนกิจสอบไล่ได้ชั้น 6 ภาคภาษาไทยที่โรงเรียนสวนกุหลาบไทย และภาคภาษาอังกฤษจากโรงเรียนราชวิทยาลัย ได้เข้ารับราชการในกรมคลอง กระทรวงเกษตราธิการระยะหนึ่ง จึงได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาวิชา เกษตรกรรมเขตร้อนและวิทยาศาสตร์อาณานิคม (tropical agriculture and colonial sciences) ที่เมืองวิทเซนเฮาเซิน (Witzenhausen) ประเทศเยอรมนี และสำเร็จประกาศนียบัตรวิชาพฤกษศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมิวนิก เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี มีผลการเรียนดีเด่น[1][4]

การทำงาน

แก้

เมื่อสำเร็จการศึกษา พระมนตรีพจนกิจ กลับมารับราชการในกระทรวงมหาดไทย ได้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญทางการเกษตร สัตวบาล และการต่างประเทศ รวมทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุขระยะเริ่มแรก เช่น ผู้แทนเจ้ากรมพยาบาล ผู้บังคับการโอสถศาลารัฐบาล ผู้อำนวยการพยาบาล

ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 ย้ายโอนมาเป็นอาจารย์ ในตำแหน่งอาจารย์เอก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยคณบดีคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และเจ้าแผนกเฆมิกวิทยา (เคมี)[1] สอนวิชาต่าง ๆ หลายวิชา เช่น พฤกษศาสตร์[4] เคมี วัสดุทางการแพทย์ และเภสัชเวท แก่นักศึกษาเภสัชศาสตร์และนิสิตแพทยศาสตร์ ระหว่างที่ท่านได้สอนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น ท่านจึงสนิทสนมกับนิสิตเภสัชศาสตร์รุ่นแรกๆ และด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาชีพปรุงยา พระมนตรีพจนกิจได้เกื้อหนุนให้มีการพบปะชุมนุมกันระหว่างนักเรียนของท่านที่บ้านชุมแสง บ้านของพระมนตรีพจนกิจเอง จนได้กลายมาเป็นสถานที่พบปะของทั้งเภสัชกรและนิสิตเภสัชศาสตร์ในสมัยนั้น ต่อมาบรรดานิสิตเภสัชศาสตร์และเภสัชกรที่มาชุมนุมที่บ้านของท่านเป็นประจำ ขณะนั้นไม่มีกฎหมายใดๆ กำหนดไว้ว่าการประกอบวิชาชีพในร้านยาจำเป็นต้องมีเภสัชกรทำหน้าที่ประจำ คนทั่วไปทั้งที่มีความรู้แต่มิได้เป็นเภสัชกรหรือผู้ที่ไม่รู้ ได้เปิดให้บริการในร้านยาก่อให้เกิดสภาพการปรุงยา ขายยาและโฆษณายา รวมทั้งขายยาเร่ กันอย่างกว้างขวาง ทำให้ราษฎรถูกหลอกลวงและเภสัชกรที่สำเร็จการศึกษาออกมาในช่วงนั้นประสบปัญหาการว่างงาน แม้ว่าจำนวนผู้ที่สำเร็จการศึกษาในเวลาดังกล่าวจะมีไม่มากก็ตาม[5] และแม้จะมี พระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. 2466 อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้คุ้มครองวิชาชีพเภสัชกรรมอย่างจริงจัง บรรดานิสิตเภสัชศาสตร์และเภสัชกรที่มาชุมนุมกันนั้น จึงเกิดความคิดที่จะตั้งสมาคมวิชาชีพ เพื่อส่งเสริมให้วิชาชีพมีการพัฒนาทัดเทียมกับในต่างประเทศ และเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับที่ได้ร่ำเรียนมา จึงได้มีการก่อตั้งเภสัชกรรมสมาคมแห่งกรุงสยามขึ้น เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2472 โดยมีบ้านชุมแสง เลขที่ 647 ถนนสุริวงษ์ จังหวัดพระนคร เป็นที่ทำการสถาปนาและเป็นสถานที่ทำการของสมาคมแห่งแรก เมื่อได้รับอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมแล้ว ได้มีการประชุมใหญ่ของเภสัชกรไทยขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2472 ณ บ้านของอาจารย์ A.H. Hale ถนนพระราม 1 ตรงข้ามวัดช่างแสง ในการประชุมครั้งนั้น ทำให้เกิดคณะกรรมการเภสัชกรรมสมาคมชุดแรกประกอบด้วย พระมนตรีพจนกิจ เป็นนายก อาจารย์ A.H. Hale เป็นอุปนายก ขุนสิทธิโอสถ (เสงี่ยม ปานะศุทธะ) เป็นเลขานุการ ขุนเภสัชการโกวิทย์ (เภสัช เอฬกานนท์) เป็นเหรัญญิก อาจารย์จำลอง สุวคนธ์ เป็นปฏิคม[1]

เภสัชกรรมสมาคมแห่งกรุงสยามภายในการนำของพระมนตรีพจนกิจ ได้ดำเนินการให้ความสำคัญของวิชาชีพเภสัชกรรมเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั่วไป และด้วยเจตนารมณ์ที่จะช่วยคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชนมิให้ถูกหลอกหลวง หรือแอบอ้างจากผู้ที่มิได้ร่ำเรียนมา เนื่องจากพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. 2466 นั้นกำหนดว่าเฉพาะ “การปรุงยา” เท่านั้นที่เป็นการประกอบโรคศิลปะ โดยไม่ได้ควบคุมในเรื่องของการขายยา การโฆษณายา เภสัชกรรมสมาคมฯ จึงได้เคลื่อนไหวเพื่อให้มีการตราและบังคับใช้พระราชบัญญัติเภสัชกรรม มีการพบปะชี้แจงนักการเมืองให้เข้าใจวิชาชีพเภสัชกรรม และให้มีการควบคุมการขายยา โดยเภสัชกรและควบคุมการโฆษณายา กระนั้นพระมนตรีพจนกิจก็ได้ถึงแก่อนิจกรรมก่อนที่จะมีการตราพระราชบัญญัติขึ้น โดยท่านได้ฝากฝังศิษย์ในวาระสุดท้ายไว้ว่า[1]

ฉันเป็นห่วงเรื่อง พ.ร.บ. เภสัชกรรมเหลือเกิน ขอให้สามัคคีและช่วยกันทำให้สำเร็จ.... ส่วนเค้าโครงการ หรือวิธีการดำเนินการ ตลอดจนวัตถุประสงค์ของสมาคมตามที่มีอยู่แล้วนั้น ขอจงช่วยกันประคับประคองเดินตามรูปไปให้ได้ อย่าได้ละเลยหรือแตกสามัคคีเสีย...”

ต่อมาเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายใน “พระราชบัญญัติการแพทย์การแพทย์เพิ่มเติม พ.ศ. 2472” จึงกำหนดให้การการจำหน่ายยาเป็นการประกอบโรคศิลปะด้วย และในเวลาต่อมาจึงได้มีการตราพระราชบัญญัติในที่สุด ได้แก่ พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 และ พระราชบัญญัติควบคุมการขายยา พ.ศ. 2479 ซึ่งต่อมาเภสัชกรรมสมาคมฯ ได้เสนอให้มีการแก้ไขเป็น พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และ พระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537[6]

ลำดับยศและบรรดาศักดิ์

แก้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อนุสรณ์

แก้
  • รูปปั้นพระมนตรีพจนกิจ ตั้งอยู่ที่เภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • ห้องพระมนตรีพจนกิจ (หม่อมราชวงศ์ชายสรรพศิลป์เครือวัลย์ ชุมแสง) (501) อาคาร 80 ปี เภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • มูลนิธิพระมนตรีพจนกิจ (ม.ร.ว.ชายสรรพศิลปเครือวัลย์ ชุมแสง) หรือ ทุนพระมนตรีพจนกิจ มอบทุนการศึกษาให้กับคณะและสำนักวิชาเภสัชศาสตร์ทั่วประเทศ

พงศาวลี

แก้

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "บุคคลสำคัญ : อำมาตย์โท พระมนตรีพจนกิจ (ม.ร.ว.ชายสรรพศิลปเครือวัลย์ ชุมแสง) (เผยแพร่ : 20 เมษ. 2554) - วารสารเภสัชกรรมไทย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-07-21.
  2. "บุคคลสำคัญ : เภสัชกร ศาสตราจารย์. มล. ประนต ชุมแสง (เผยแพร่ : 27 พค. 2557)" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-07-21.
  3. เจ้าหลวงอินทวิชัย (อินต๊ะวิชัย) หมู่บ้านวังฟ่อน
  4. 4.0 4.1 "ประวัติศาสตร์ภาควิชาชีววิทยา เรียบเรียงโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ กำธร ธีรคุปต์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-19. สืบค้นเมื่อ 2015-07-21.
  5. รายงานการวิจัย เรื่อง บทบาทของบุคคลสำคัญทางด้านเภสัชกรรมไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2475-2535 (The Roles of Thai Pharmacy Leaders, 1932-1992) โดยรองศาสตราจารย์วินนา เหรียญสุวรรณและคณะ หน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[ลิงก์เสีย]
  6. "ประวัติเภสัชกรรมสมาคมฯ เภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-03. สืบค้นเมื่อ 2015-07-21.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้