มหาวิทยาลัยฮ่องกง
มหาวิทยาลัยฮ่องกง (อังกฤษ: University of Hong Kong; อักษรย่อ: HKU) เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกง โดยตั้งอยู่ในเกาะฮ่องกง บริเวณเขตโป๊ก ฟู แล่ม โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2430 โดยจักรวรรดิอังกฤษ ในปัจจุบันการเรียนการสอนภายในมหาวิทยาลัยเน้นใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
คติพจน์ | Sapientia et Virtus (ละติน) Wisdom and Virtue(อังกฤษ) | ||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประเภท | มหาวิทยาลัยรัฐ | ||||||||||||||
สถาปนา | 1 ตุลาคม 1887 30 มีนาคม 1911 (ในฐานะมหาวิทยาลัยฮ่องกง) | (ในฐานะโรงเรียนการแพทย์แห่งฮ่องกง)||||||||||||||
อธิการบดี | จอห์น ลี[หมายเหตุ 1] | ||||||||||||||
รองอธิการบดี | เจียง ชาง | ||||||||||||||
ผู้เป็นประธาน | Y.C. Richard Wong[1] | ||||||||||||||
Pro-chancellor | เดวิด ลี | ||||||||||||||
อาจารย์ | 8,266[2] | ||||||||||||||
เจ้าหน้าที่ | 4,295[2] | ||||||||||||||
ผู้ศึกษา | 29,791[3] | ||||||||||||||
ปริญญาตรี | 17,106 (57.4%)[3] | ||||||||||||||
บัณฑิตศึกษา | 9,813 (32.9%)[3] | ||||||||||||||
ที่ตั้ง | , 22°17′03″N 114°08′16″E / 22.28417°N 114.13778°E | ||||||||||||||
สี | เขียวเข้ม[4] | ||||||||||||||
เครือข่าย | ASAIHL, Universitas 21, ACU, JUPAS, AACSB, EQUIS, APRU, UGC, Heads of Universities Committee, คณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพร่วม, กองทุนเล่าเรียนเพื่อนักศึกษานานาชาติแม็คดอนเนลล์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เซนต์หลุยส์, BHUA,[5] GHMUA | ||||||||||||||
มาสคอต | สิงโต | ||||||||||||||
เว็บไซต์ | hku | ||||||||||||||
ชื่อภาษาจีน | |||||||||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 香港大学 | ||||||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 香港大學 | ||||||||||||||
เยลกวางตุ้ง | Hēunggóng Daaihhohk | ||||||||||||||
|
ประวัติศาสตร์การก่อตั้ง
แก้แรกเริ่มเดิมทีของมหาวิทยาลัยฮ่องกง เดิมทีเป็นเพียงสถาบันการศึกษาแพทย์ของฮ่องกงซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2430[6] โดยนายแพทย์ที่มีชื่อว่าโฮ ไล ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อในภายหลังว่า โรงเรียนการแพทย์แห่งฮ่องกง (Hong Kong College of Medicine)
โรงเรียนการแพทย์นี้ยังไม่ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัย แต่เป็นแหล่งเรียนรู้การแพทย์และการรักษาของคนในฮ่องกงเท่านั้น แนวความคิดที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นในช่วงประมาณปี 2452–2454 เซอร์เฟรเดอลิก ลุการ์ด (Sir Frederick Lugard) ข้าหลวงใหญ่ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงในตอนนั้น มีความคิดที่จะสร้างมหาวิทยาลัยขึ้นในกลุ่มดินแดนจีนตามกระแสของชาติมหาอำนาจในยุโรปในตอนนั้น ที่หลายชาติก็เริ่มมีการตั้งสถาบันการศึกษาภายในจีน เช่น ปรัสเซียที่ได้ก่อตั้งสถาบันการแพทย์เยอรมันประจำถงจี้ ที่เซี่ยงไฮ้[7] ทางเซอร์เฟรเดอลิกจึงจัดระดมทุนในการสร้างมหาวิทยาลัยขึ้น ซึ่งได้รับความเห็นด้วยจากหลายฝ่าย เช่นนักลงทุนจากอินเดีย เซอร์โฮมัสจี นโรจี โมดี ซึ่งลงทุนบริจาคไปมากกว่า 180,000 ดอลล่าร์ฮ่องกง[8] (ค่าเงินในตอนนั้นยังไม่รวมเงินเฟ้อในปัจจุบัน) และยังมีกลุ่มทุนใหญ่เช่นกลุ่มสเวอร์ (Swire Group) หรือกลุ่มทุนธนาคารฮ่องกง (HongkongBank) รวมทั้งยังมีการผลักดันให้มีการสร้างมหาวิทยาลัยจากกลุ่มธุรกิจในเอเชียตะวันออกและฮ่องกงในการสร้างมหาวิทยาลัยด้วย ทำให้ลุการ์ดประสบความสำเร็จในการระดมทุนในการสร้างมหาวิทยาลัยในปี 2454 โดยใช้พื้นที่เดิมของโรงเรียนการแพทย์ฮ่องกงเป็นฐานของสถาบันการศึกษาใหม่ ในนามของมหาวิทยาลัยฮ่องกง
ตอนที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยฮ่องกงขึ้น แม้ว่าแรกเริ่มจะเปิดการศึกษาสามคณะคือ คณะศิลปศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะวิศกรรมศาสตร์ ทว่าลุการ์ดมองว่าสังคมจีนในขณะนั้นไม่เหมาะกับการเรียนในสายวิชาแบบมานุษยวิทยา จึงเอาต้นแบบมาจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ โดยเน้นหลักไปที่การศึกษาสายวิทยาศาสตร์มากกว่าสายสังคม จึงทำให้มหาวิทยาลัยฮ่องกงในตอนนั้นเน้นหลักในการศึกษาและดูเป็นสถาบันที่สร้างเสริมความเข้าใจและสร้างอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ และความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
ทศวรรษระหว่างสงคราม
แก้หลังจากที่จีนเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้นในปี 2454 ความผันผวนทางการเมืองของจีนตลอดจนการเกิดขึ้นของลัทธิชาตินิยมนำพาทำให้สถาบันการศึกษาในฮ่องกงต้องปรับตัวด้วยการปฏิรูปตัวเองให้เข้ากับวัฒนธรรมจีน ซึ่งการปฏิรูปตัวเองนี้ไม่ใช่เพราะเหตุผลทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการบริจาคเงินทุนโดยชาวจีนที่คอยสนับสนุนมหาลัยโดยตลอด การได้รับเงินทุนทำให้มหาวิทยาลัยฮ่องกงต้องทำตัวเองให้เป็นจีนด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อญี่ปุ่นบุกเกาะฮ่องกงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การเรียนการสอนตลอดจนการรักษาพยาบาลหยุดชะงัก มหาวิทยาลัยได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงคราม กว่าที่จะมีการเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งก็ต้องรอไปในปี 2488 ซึ่งเป็นปีที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
หลังจากสงครามจบและมีการบูรณะมหาวิทยาลัยขนานใหญ่ ทางมหาลัยก็ได้มีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับการศึกษาโลกที่เปลี่ยนไป ด้วยการเพิ่มการเรียนการสอนในสายสังคมศาสตร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคณะนิติศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ รวมทั้งยังมีการรับผู้เรียนเพิ่มมากขึ้นด้วย
ภายใต้การกำกับของรัฐบาลจีน
แก้พ.ศ.2540 รัฐบาลอังกฤษได้มอบคืนเกาะฮ่องกงให้ขึ้นตรงกับรัฐบาลจีน กิจการภายในเกาะฮ่องกงทั้งหมดล้วนแล้วแต่ขึ้นตรงกับผู้บริหารเกาะฮ่องกงชุดใหม่ ที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลจีน แน่นอนว่าการที่อำนาจเปลี่ยนไปอยู่ในมือของรัฐบาลเผด็จการคอมมิวนิสต์ ส่งผลกระทบต่อการบริหารภายในมหาวิทยาลัยฮ่องกงด้วย
ในช่วงยุคก่อนหลังจากที่มีการปฏิรูปตัวมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยฮ่องกงกลายเป็นมหาวิทยาลัยที่ขับเคลื่อนทางการเมือง ทำให้หลังจากที่มีการส่งมอบเกาะฮ่องกงให้กับจีน ทางจีนจึงเริ่มควบคุมการบริหารภายในเกาะฮ่องกงมากขึ้น และยังรวมไปถึงการเข้ามาของทุนนิยมที่ทำให้เสรีภายในการพูดและการแสดงออกเริ่มถูกจำกัดตามความต้องการของผู้บริจาคหรือผู้ให้เงินรายใหญ่แก่มหาวิทยาลัย
ในปี 2554 หลี่ เค่อเฉียง ที่ในตอนนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีจีนอยู่นั้น ได้เดินทางเยือนฮ่องกงและมหาวิทยาลัยฮ่องกง ในวันที่มีการเดินทางมาเยือนนั้นมหาวิทยาลัยถูกสั่งปิดและถูกควบคุมโดยตำรวจที่ตรึงกำลังเอาไว้อย่างแน่นหนา การกระทำนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับนักศึกษาเป็นอย่างมากจนเหตุการณ์บานปลายและนำไปสู่การกระทบกระทั่งกันของนักศึกษาและตำรวจที่เข้าใช้กำลังในการสลายการรวมตัวของนักศึกษา ผลของเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้แลป ชี สุ่ย (Lap-Chee Tsui) อธิการบดีมหาวิทยาลัยในขณะนั้นได้รับเสียงวิจารณ์มากจากทั้งนักศึกษาปัจจุบันและศิษย์เก่า จนต้องมีการประชุมหารือกันเพื่อวางแผนกำหนดทิศทางไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ในมหาลัยอีกในอนาคต ตลอดจนยังคงให้คำมั่นว่ามหาวิทยาลัยจะยังคงมีเสรีภาพในการพูดเสมอ[9]
อย่างไรก็ตามการกระทำภายในมหาวิทยาลัยแทบจะสวนทางกับสิ่งที่อธิการบดีพูด และยิ่งตอกย้ำด้วยการที่สภามหาวิทยาลัยคัดค้านการตั้งโจฮันเนส ชาน ขึ้นเป็นรองอธิการบดี แม้ว่าทางโจฮันเนส ชาน จะได้รับคะแนนเสียงจากคณะกรรมสรรหารองอธิการบดีอย่างเป็นเอกฉันท์ก็ตาม ทั้งนี้โจฮันเนส ชาน อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮ่องกงนั้น เป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงอย่างมากในการผลักดันรัฐธรรมนูญฮ่องกงและสิทธิมนุษยชน รวมทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปฏิรูปการเมืองภายในฮ่องกงมาโดยตลอด[10][11] กล่าวโดยสรุป คือเขาเป็นคนที่โปรประชาธิปไตยและเป็นคนลิเบอรัล ซึ่งเมื่อเรื่องการที่คณะกรรมสรรหาตั้งใจที่จะให้โจฮันเนส ชานเป็นรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮ่องกงถูกเผยแพร่ไป ก็กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสำนักพิมพ์ที่โปรรัฐบาลจีน ที่ตบเท้าออกมาเผยแพร่บทวิเคราะห์โจมตีดิสเครดิตชานเป็นจำนวนมาก[12][13] ส่วนทางสภามหาวิทยาลัยนั้นก็เลื่อนวาระการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในเดือนกันยายนปี 2558 สภามหาวิทยาลัยมีมติ 12 ต่อ 8 คัดค้านการตั้งโจฮันเนส ชานขึ้นเป็นรองอธิการบดี ทั้งนี้สภามหาวิทยาลัยฮ่องกงทั้ง 20 คนนั้น สมาชิก 6 คน ถูกแต่งตั้งโดยผู้บริหารเกาะฮ่องกง และอีก 5 คน ถูกแต่งตั้งโดยสภาประชาชนจีน หรือครึ่งนึงของสภาเป็นคนของรัฐบาลจีนนั่นเอง
การที่สภามหาวิทยาลัยมีความเห็นคัดค้านไม่แต่งตั้งโจฮันเนส ชาน นำไปสู่แรงกระเพื่อมและความไม่พอใจของหมู่นักศึกษา กลุ่มองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยฮ่องกง (Hong Kong University Students' Union) และสมาพันธ์นักศึกษาแห่งชาติฮ่องกง (Hong Kong Federation of Students) รวมตัวกันออกมาคัดค้านและแสดงความเป็นห่วงต่อระบบการศึกษาชั้นอุดมศึกษาภายในฮ่องกงที่ตอนนั้นไร้ซึ่งกฎเกณฑ์และเสรีภาพทางการพูดไปแล้ว พร้อมกันนั้นยังประณามการกระทำนี้ว่าทำให้ระบบการศึกษาฮ่องกงต้องเสื่อมเสียอีกด้วย
ในปัจจุบันหลังจากที่รัฐบาลจีนเริ่มเข้มงวดในการคุมฮ่องกงมากขึ้น เสรีภาพในการพูดและการให้ความเห็นในมหาวิทยาลัยก็กลายเป็นสิ่งต้องห้าม สัญลักษณ์ที่เป็นประชาธิปไตยถูกจำกัด และการเคลื่อนไหวถูกเพ่งเล็งและจับตามองอย่างใกล้ชิด เช่นในกรณีที่ผ่านมาก็มีการเคลื่อนย้ายอนุสรณ์เสาแห่งความอัปยศออกจากพื้นที่มหาวิทยาลัย เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของการสังหารหมู่ที่เทียนอันเหมิน
หมายเหตุ
แก้- ↑ โดยตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 "President's Office". The University of Hong Kong. สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2022.
- ↑ 2.0 2.1 "QuickStats - Staff Profiles". The University of Hong Kong. สืบค้นเมื่อ 18 ธันวาคม 2020.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 "QuickStats - Student Profiles 2018 / 2019 (In Headcounts)". The University of Hong Kong. สืบค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2020.
- ↑ "The "HKU 100" Logo". The University of Hong Kong Centenary. สืบค้นเมื่อ 17 มิถุนายน 2022.
- ↑ "McDonnell International Scholars Academy". Global.
- ↑ Mellor, Bernard (1980). The University of Hong Kong, An informal History. Hong Kong University Press. ISBN 978-962-209-023-1. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2019.
- ↑ "University History - - About HKU - HKU". www.hku.hk.
- ↑ Sayer, G.R.; Evans, D.M.E. Hong Kong 1862–1919: Years of Discretion. Hong Kong University Press (1985)
- ↑ Tsui, Professor Lap-Chee. "About The University of Hong Kong Centenary Ceremony". The University of Hong Kong. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 เมษายน 2012. สืบค้นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2011.
- ↑ Ng, Joyce (29 กันยายน 2015). "Johannes Chan's appointment vote at Hong Kong University: why it's a big deal". South China Morning Post.
- ↑ Pomfret, James (29 กันยายน 2015). "Hong Kong university faces pressure from pro-Beijing opponents of liberal scholar". Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2015. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2017.
- ↑ Cheng, Kris (30 กันยายน 2015). "Explainer: The HKU Council pro-vice-chancellor debacle". Hong Kong Free Press.
- ↑ Ng, Joyce (13 กุมภาพันธ์ 2015). "HKU law professors unite to denounce Wen Wei Po attack on Johannes Chan". South China Morning Post. p. A3.