ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี
บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ การแก้ไขล่าสุดบนหน้านี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด (กรกฎาคม 2024) |
ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี[1] เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ทั้งสิ้นราว 5.86 ตารางกิโลเมตร
ภูพระบาท ประจักษ์พยาน แห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
พิกัด | 17°43′51.8″N 102°21′22.6″E / 17.731056°N 102.356278°E |
ประเทศ | ไทย |
ภูมิภาค ** | เอเชียและแปซิฟิก |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (iii), (v) |
อ้างอิง | 1507 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2567 (คณะกรรมการสมัยที่ 46) |
พื้นที่ | 585.955 เฮกตาร์ |
พื้นที่กันชน | 598.806 เฮกตาร์ |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
สถานที่ที่ประกอบเป็นแหล่งมรดกโลก
แก้การสงวนรักษาและการเตรียมการเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
แก้กรมศิลปากรได้ดำเนินการขอใช้พื้นที่ป่าสงวนจำนวน 3,430 ไร่ จากกรมป่าไม้ โดยได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นเขตโบราณสถานไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 98 ตอนที่ 63 เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2524 จากนั้นจึงได้พัฒนาแหล่งจนกลายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทในที่สุด
- วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2547 ยูเนสโกได้ขึ้นเป็นสถานที่ที่ได้รับขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นเพื่อพิจารณาขึ้นเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
- พ.ศ. 2559 สภานานาชาติว่าด้วยการดูแลอนุสรณ์สถานและแหล่งโบราณคดี (ไอโคมอส) ได้แจ้งให้ทางการไทยทราบเกี่ยวกับการเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของทางการไทย โดยมีข้อเสนอแนะให้ดำเนินการศึกษาในเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมของสีมากับพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ศักยภาพที่โดดเด่นของอุทยานฯ รวมทั้งหากเป็นไปได้ เสนอให้พิจารณาเกณฑ์และขอบเขตการขึ้นทะเบียนอุทยานฯ ที่ทางการไทยเสนอ[2]
- (ร่าง) ข้อมติเสนอให้ขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นแหล่งมรดกโลก ประเภทภูมิทัศน์วัฒนธรรม และเสนอให้เปลี่ยนชื่อแหล่งเป็น "ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี" รวมทั้งขอให้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ภายหลังจากการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกด้วยคุณค่าความโดดเด่นของการแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมสีมาในสมัยทวารวดี[3]
เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกเป็นแหล่งมรดกโลก
แก้"ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมาสมัยทวารวดี" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 46 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ที่เดลี ประเทศอินเดีย[4] โดยผ่านข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลก ดังนี้
- (iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
- (v) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลา
ถือเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 ของประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 5 ในชนิดแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
อ้างอิง
แก้- ↑ UNESCO World Heritage Centre. Phu Phrabat, a testimony to the Sīma stone tradition of the Dvaravati period - UNESCO World Heritage Centre. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://whc.unesco.org/en/list/1507 [ม.ป.ป.].
- ↑ ICOMOS (2016a), Evaluations of Nominations of Cultural and Mixed Properties to the World Heritage List (WHC-16/40.COM/INF.8B1), http://whc.unesco.org/document/141702
- ↑ "เตรียมการเข้ม ดัน ภูพระบาท ขึ้นเป็น มรดกโลก คุณค่าโดดเด่น วัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี". ข่าวสด. 3 กรกฎาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 4 กรกฎาคม 2024.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "ไทยเฮอีก! ยูเนสโก ประกาศ ภูพระบาท เป็นมรดกโลก เปิดเข้าชมฟรี 28 ก.ค. – 12 ส.ค.นี้". ข่าวสด. 27 กรกฎาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 27 กรกฎาคม 2024.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- ข้อมูลแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก (อังกฤษ)