ภาษาเขมรถิ่นไทย
ภาษาเขมรถิ่นไทย[3] บ้างเรียก ภาษาเขมรเหนือ หรือ ภาษาเขมรสุรินทร์ เป็นภาษาย่อยของภาษาเขมร พูดโดยชาวไทยเชื้อสายเขมรในประเทศไทยที่อยู่ในจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด รวมทั้งที่อพยพไปสู่ประเทศกัมพูชา โดยจังหวัดสุรินทร์มีผู้พูดภาษาเขมรถิ่นไทยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมดในจังหวัด หรือประมาณ 8 แสนคน
ภาษาเขมรถิ่นไทย | |
---|---|
ภาษาเขมรเหนือ, ภาษาเขมรสุรินทร์ | |
พซา คแมร | |
ออกเสียง | [pʰᵊsaː. kʰᵊmɛːr] |
ประเทศที่มีการพูด | ไทย, กัมพูชา |
ภูมิภาค | จังหวัดสุรินทร์, จังหวัดศรีสะเกษ, จังหวัดบุรีรัมย์ |
ชาติพันธุ์ | ชาวไทยเชื้อสายเขมร |
จำนวนผู้พูด | 1.4 ล้านคน ซึ่งคนพูดเพียงภาษาเดียวมีไม่มาก[1] (2006)[2] |
ตระกูลภาษา | ออสโตรเอเชียติก
|
ระบบการเขียน | อักษรไทย (ส่วนใหญ่เป็นภาษาพูด) |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาชนกลุ่มน้อยที่รับรองใน | ไทย |
ผู้วางระเบียบ | ราชบัณฑิตยสภา |
รหัสภาษา | |
ISO 639-3 | kxm |
ภาษาเขมรถิ่นไทยต่างจากภาษาเขมรสำเนียงพนมเปญซึ่งเป็นสำเนียงมาตรฐาน ในด้านจำนวนและความต่างของหน่วยเสียงสระ การใช้พยัญชนะ รากศัพท์ และไวยากรณ์ ทำให้แยกสำเนียงเขมรถิ่นไทยออกจากสำเนียงอื่น ๆ ได้ง่าย ผู้พูดภาษาเขมรถิ่นไทยจะเข้าใจภาษาเขมรทุกสำเนียง แต่ผู้พูดสำเนียงพนมเปญจะมีปัญหาในการทำความเข้าใจภาษาเขมรถิ่นไทย ทำให้นักภาษาศาสตร์บางคนแยกภาษาเขมรถิ่นไทยออกเป็นภาษาใหม่ต่างหากจากภาษาเขมร โดยถือเป็นภาษาใกล้เคียงกัน[4]
สถานะ
แก้ผู้พูดภาษาเขมรถิ่นไทยส่วนใหญ่สามารถพูดได้สองภาษา ทั้งภาษาไทยในฐานะภาษาทางการศึกษาและสื่อสารมวลชนภาษาเดียว และภาษาเขมรในเขตหมู่บ้านและบ้านของตน ในอดีต ภาษานี้เคยถูกห้ามใช้ (เช่นห้ามพูดภาษาเขมรถิ่นไทยในห้องเรียน) เพื่อส่งเสริมความชำนาญในภาษาประจำชาติ[5] นั่นทำให้มีผู้พูดภาษาเขมรถิ่นไทยไม่กี่คน (ประมาณ 1,000 คน) ที่สามารถอ่านหรือเขียนภาษาเขมรได้[6]
ประชากร
แก้จังหวัด | ร้อยละของจำนวนผู้พูดภาษาเขมรใน พ.ศ. 2533 | ร้อยละของจำนวนผู้พูดภาษาเขมรใน พ.ศ. 2543 |
---|---|---|
บุรีรัมย์[7] | ไม่ปรากฏข้อมูล | 27.6% |
จันทบุรี[8] | 0.6% | 1.6% |
มหาสารคาม[9] | 0.2% | 0.3% |
ร้อยเอ็ด[10] | 0.4% | 0.5% |
สระแก้ว[11] | ไม่ปรากฏข้อมูล | 1.9% |
ศรีสะเกษ[12] | 30.2% | 26.2% |
สุรินทร์[13] | 63.4% | 47.2% |
ตราด[14] | 0.4% | 2.1% |
อุบลราชธานี[15] | 0.8% | 0.3% |
สัทวิทยา
แก้พยัญชนะ
แก้ลักษณะการออกเสียง | ตำแหน่งเกิดเสียง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ริมฝีปาก | ริมฝีปาก กับฟัน |
ปุ่มเหงือก | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | เส้นเสียง | |||
เสียงนาสิก | m | n | ɲ | ŋ | ||||
เสียงหยุด | ก้อง | b | d | |||||
ไม่ก้อง | ไม่พ่นลม | p | t | c | k | ʔ | ||
พ่นลม | pʰ | tʰ | cʰ | kʰ | ||||
เสียงเสียดแทรก | f | s | h | |||||
เสียงรัว | r | |||||||
เสียงข้างลิ้น | l | |||||||
เสียงกึ่งสระ | w | j |
- หน่วยเสียงที่เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้นและพยัญชนะท้ายมี 14 หน่วยเสียง ได้แก่ /m/, /n/, /ɲ/, /ŋ/, /p/, /t/, /c/, /k/, /ʔ/, /h/, /r/, /l/, /w/ และ /j/
- หน่วยเสียง /k/ ในตำแหน่งท้ายพยางค์มีหน่วยเสียงย่อย 2 เสียง คือ [k] และ [ʔ] เช่น /tɨk/ 'น้ำ' อาจออกเสียงเป็น [tɨk] หรือ [tɨʔ]
- หน่วยเสียง /c/ และ /cʰ/ ในบางตำรากล่าวว่าเป็นหน่วยเสียง /t͡ɕ/ และ /t͡ɕʰ/
- หน่วยเสียง /f/ เป็นหน่วยเสียงที่ยืมมาจากภาษาไทยมาตรฐาน
- กลุ่มพยัญชนะที่มีตัวแรกเป็นเสียงนาสิกและตัวถัดมาเป็นพยัญชนะที่เกิดจากฐานเดียวกัน พยัญชนะตัวแรกนั้นอาจกลายเป็นพยัญชนะท้ายของ /ʔa/ หรืออาจกลายเป็นพยางค์นาสิก /m̩/, /n̩/, /ɲ̍/, /ŋ̍/
สระ
แก้สระเดี่ยว
แก้ระดับลิ้น | ตำแหน่งลิ้น | ||
---|---|---|---|
หน้า | กลาง | หลัง | |
สูง | i, iː | ɨ, ɨː | u, uː |
กึ่งสูง | ɪ, ɪː | ɤ, ɤː | ʊ, ʊː |
กลาง | e, eː | ə, əː | o, oː |
กึ่งต่ำ | ɛ, ɛː | ʌ, ʌː | ɔ, ɔː |
ต่ำ | a, aː | ɒ, ɒː |
สระประสม
แก้หน่วยเสียงสระประสมภาษาเขมรถิ่นไทยมี 6 หน่วยเสียง[17] ได้แก่ /iə/, /iːə/, /ɨə/, /ɨːə/, /uə/ และ /uːə/ โดยหน่วยเสียง /ɨːə/ จะปรากฏเฉพาะในคำยืมภาษาไทย เช่น /kɨːək/ 'รองเท้า'
ไวยากรณ์
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลำดับคำในภาษาเขมรถิ่นไทยมักจะเป็นแบบประธาน–กริยา–กรรม ประกอบด้วยคำเดี่ยวเป็นหลัก แต่อาจจะมีสลับกันบ้างเป็นแบบประธาน–กรรม–กริยาและแบบกรรม–กริยา
ระบบการเขียน
แก้นักภาษาศาสตร์ได้คิดค้นระบบการเขียนภาษาเขมรถิ่นไทยด้วยตัวอักษรไทยหลายระบบ โดยมีทั้งระบบของมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท้ายที่สุดมีระบบราชบัณฑิตยสถาน[18] ซึ่งดัดแปลงจากระบบก่อน ๆ เป็นมาตรฐานโดยปริยาย
ตัวเขียนภาษาเขมรถิ่นไทยอักษรไทยตามที่คณะกรรมการจัดทำระบบเขียนภาษาท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยอักษรไทย ราชบัณฑิตยสถาน (ปัจจุบันคือสำนักงานราชบัณฑิตยสภา) ได้กำหนดไว้ มีดังนี้
|
|
|
- ภาษาเขมรถิ่นไทยไม่มีหน่วยเสียงวรรณยุกต์ ในการเขียนเป็นอักษรไทยจึงเลือกใช้พยัญชนะไทยที่เป็นอักษรกลางและอักษรต่ำเท่านั้น ไม่ใช้อักษรสูงเพราะจะมีเสียงวรรณยุกต์จัตวาเข้ามาเกี่ยวข้อง
- หน่วยเสียง /t/ และ /p/ มีรูปพยัญชนะต้นและพยัญชนะท้ายแตกต่างกันดังที่แสดงในตาราง โดยการใช้พยัญชนะเสียงก้องมาแทนพยัญชนะท้ายเสียงไม่ก้องนั้นนำแบบอย่างมาจากภาษาไทย
- หน่วยเสียง /ʔ/ เมื่อเป็นพยัญชนะท้ายจะไม่มีรูปเขียน แต่ให้แสดงด้วยสระเสียงสั้นที่ไม่มีตัวสะกด (สระยาวที่ลงท้ายด้วยเสียงนี้ไม่ได้กำหนดไว้ในมาตรฐาน อาจใช้ อ์ แทน)
- คำบางคำที่มีพยัญชนะต้น 2 ตัวเรียงกัน บางครั้งอาจออกเสียงสระแทรกกลาง (แสดงด้วย /ᵊ/ หรือ /a/) และบางครั้งอาจออกเสียงคล้ายพยัญชนะควบ ให้เขียนตามแบบคำที่มีพยัญชนะต้นควบ เช่น ซดํา, ซอ็อฺบ, รเต็ฮ
- เสียงสระที่ไม่มีในภาษาไทยจะเขียนแทนด้วยรูปสระไทยที่ออกเสียงใกล้เคียงกันและใช้เครื่องหมายพินทุ (ฺ) กำกับ เพื่อแสดงเสียงที่ต่างออกไป หากเป็นรูปสระที่ไม่มี อ ประกอบ ให้ใส่พินทุกำกับใต้พยัญชนะต้น เช่น เบฺิก หากเป็นรูปสระที่มี อ ประกอบ ให้ใส่พินทุกำกับใต้ อ เช่น ซอฺ ยกเว้นสระ –ือ ให้ใส่พินทุกำกับใต้พยัญชนะต้น เช่น ลฺือ เพราะ อ ในกรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรูปสระอย่างแท้จริง
- รูปสระที่ซ้อนกันหลายตัวตามแนวดิ่ง ในการพิมพ์ทางคอมพิวเตอร์ให้พิมพ์จากล่างขึ้นบน เช่น สระ /ʌ/ ที่มีพยัญชนะท้าย กดพยัญชนะต้น กดพินทุ ตามด้วย –ิ แล้วตามด้วยไม้ไต่คู้
อ้างอิง
แก้- ↑ William J. Frawley, บ.ก. (2003). International Encyclopedia of Linguistics. Vol. 1 (2nd ed.). Oxford University Press. p. 488.
- ↑ ภาษาเขมรถิ่นไทย ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
- ↑ องค์ บรรจุน. (2553). สยาม หลากเผ่าหลายพันธุ์. กรุงเทพฯ: มติชน, หน้า 63.
- ↑ Thomas, David. 1990. "On the 'language' status of Northern Khmer." JLC 9.1:98–106
- ↑ Vail, Peter (2007). "Thailand's Khmer as 'invisible minority': Language, ethnicity and cultural politics in north-eastern Thailand". Asian Ethnicity. 8 (2): 111–130. doi:10.1080/14631360701406247. S2CID 144401165.
- ↑ ภาษาเขมรถิ่นไทย ที่ Ethnologue (22nd ed., 2019)
- ↑ "burirum.xls" (PDF). สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ http://web.nso.go.th/pop2000/finalrep/chanburifn.pdf
- ↑ "mahakam.xls" (PDF). สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
- ↑ http://web.nso.go.th/pop2000/finalrep/roietfn.pdf
- ↑ (PDF) http://web.nso.go.th/pop2000/finalrep/sakaeofn.pdf. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
{{cite web}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ (PDF) http://web.nso.go.th/pop2000/finalrep/srisaketfn.pdf. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
{{cite web}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ (PDF) https://web.archive.org/web/20120215221927/http://web.nso.go.th/pop2000/finalrep/surinfn.pdf. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-02-15. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
{{cite web}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ http://web.nso.go.th/pop2000/finalrep/tratfn.pdf
- ↑ (PDF) http://web.nso.go.th/pop2000/finalrep/ubonfn.pdf. สืบค้นเมื่อ 2017-03-08.
{{cite web}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). คู่มือระบบเขียนภาษาเขมรถิ่นไทยอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 41.
- ↑ 17.0 17.1 ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). คู่มือระบบเขียนภาษาเขมรถิ่นไทยอักษรไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, หน้า 45.
- ↑ http://www.royin.go.th/?printing=คู่มือระบบเขียนภาษาเขม-2
อ่านเพิ่ม
แก้- Thanan Čhanthrupant, and Chātchāi Phromčhakkarin. Photčhanānukrom Khamen (Surin)-Thai-Angkrit = Khmer (Surin)-Thai-English Dictionary. [Bangkok, Thailand]: Indigenous Languages of Thailand Research project, Chulalongkorn University Language Institute, 1978.
- Suwilai Prēmsīrat, and Sōphanā Sīčhampā. Kānphatthanā rabop kānkhīan Phāsā Khamēn Thin Thai Khrōngkān Phatthanā Phāsā Phư̄nbān phư̄a ʻAnurak Sinlapawatthanatham Phư̄nbān læ Phalit Sư̄ Tāng Tāng = Formulating Thai-based northern Khmer orthography : for the recording and preservation of local culture and for the producing of educational materials. [Bangkok]: Sathāban Wičhai Phāsā læ Watthanatham phư̄a Phatthanā Chonnabot, Mahāwitthayālai Mahidon, 1990. ISBN 9745868302