ฟีลีปาแห่งแอโน (ฝรั่งเศส: Philippa de Hainaut) หรือ ฟีลิปแห่งแอโน (ฝรั่งเศสกลาง: Philippe de Hainaut; 24 มิถุนายน[1] ค.ศ. 1314 - 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369) ฟีลีปาแห่งแอโนพระราชสมภพเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1311 ที่วาล็องเซียนในประเทศฝรั่งเศส เป็นธิดาของกีโยมที่ 1 เคานต์แห่งแอโนและฌานแห่งวาลัว เคาน์เตสแห่งแอโน เป็นพระอัครมเหสีในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ[2] ระหว่างวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1328 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369 ฟีลีปาเสด็จสวรรคตเมื่อ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369 ที่พระราชวังวินด์เซอร์ในกรุงลอนดอน พระบรมศพประดิษฐานอยู่ที่แอบบีเวสต์มินสเตอร์

ฟีลีปาแห่งแอโน
สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
ดำรงพระยศ24 มกราคม ค.ศ. 1328 - 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369
พระราชสมภพ24 มิถุนายน ค.ศ. 1314
วาล็องเซียน ราชอาณาจักรฝรั่งเศส
สวรรคต15 สิงหาคม ค.ศ. 1369 (55 ปี)
พระราชวังวินด์เซอร์ ลอนดอน
ราชอาณาจักรอังกฤษ
คู่อภิเษกพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ
พระราชบุตรเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์

อิสซาเบลลาแห่งโคซึ
เลดี้โจนแห่งอังกฤษ
ไลโอเนลแห่งอันท์เวิร์พ ดยุคแห่งแคลเรนซ์ที่ 1
จอห์นแห่งกอนท์ ดยุคแห่งแลงคาสเตอร์ที่ 1
เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุคที่ 1 แห่งยอร์ก
แมรีดัชเชสแห่งบริตานี
มาร์การเร็ต แพลนทาเจเน็ท เคาน์เตสแห่งเพมโบรค

ทอมัสแห่งวูดสตอค ดยุคแห่งกลอสเตอร์
ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท
พระราชบิดากีโยมที่ 1 เคานต์แห่งแอโน
พระราชมารดาฌานแห่งวาลัว เคาน์เตสแห่งแอโน

ฟีลีปาแห่งแอโนทรงเสกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ที่มหาวิหารยอร์กเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1328 สิบเอ็ดเดือนหลังจากทรงขึ้นครองราชย์ พระราชินีฟีลีปาไม่ทรงเหมือนพระราชินีองค์ก่อน ๆ ที่ทำให้ประชาชนอังกฤษรู้สึกว่าเป็นชาวต่างชาติโดยมิได้ทรงนำผู้ติดตามจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากเข้ามาในราชสำนักอังกฤษ

พระราชินีฟีลีปาเสด็จติดตามพระสวามีไปในการสงครามกับราชอาณาจักรสกอตแลนด์ในปีค.ศ. 1333 และแฟลนเดอส์ระหว่างปี ค.ศ. 1338 ถึงปี ค.ศ. 1340 ซึ่งทรงไดัรับความนิยมในความมีพระกรุณาและความเห็นอกเห็นใจจะเห็นได้จากการที่ทรงอ้อนวอนพระสวามีไม่ให้ทำร้ายชาวเมืองกาแลในปี ค.ศ. 1347 นอกจากนั้นก็ยังทรงทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลายครั้งเมื่อพระสวามีเสด็จไปแผ่นดินใหญ่ยุโรป

พระนางมีพระโอรส-ธิดา กับ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ทั้งหมด 11 พระองค์ และเหลือรอดอยู่ถึง 9 พระองค์ ซึ่งเป็นสถิติที่ดีมากในขณะนั้น เนื่องจากสมัยนั้นมีอัตราการสิ้นชีวิตของทารกสูงถึง 3 ใน 4 (หมายความว่าถ้ามีลูก 4 คนก็จะเหลือรอดอยู่แค่ 1 คนเท่านั้น) เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีสุขอนามัยที่ดีพอสำหรับทารก

วัยเยาว์

แก้

ฟีลีปาเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1314 ที่วาล็องเซียนในเคานตีแอโนซึ่งตั้งอยู่ระหว่างประเทศเบลเยี่ยมกับจังหวัดนอร์ของฝรั่งเศสในปัจจุบัน โดยทรงเป็นธิดาของกีโยมที่ 1 เคานต์แห่งแอโน กับฌานแห่งวาลัวซึ่งเป็นพระนัดดาของพระเจ้าฟิลิปที่ 3 แห่งฝรั่งเศสกับอิซาเบลแห่งอารากอนในทางฝั่งบิดา และพระเจ้าคาโลที่ 2 แห่งเนเปิลส์กับมาร์เรีย อาร์ปาด แห่งฮังการีในทางฝั่งมารดา ฟีลีปาเป็นบุตรคนที่สี่ในเก้าของบิดามารดา มาร์เกอรีต พี่สาวของพระองค์อภิเษกสมรสกับจักพรรดิลุดวิจที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในปี ค.ศ. 1324 และได้สืบทอดยศของบิดาหลังกีโยม พระเชษฐาของทั้งคู่ถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1345 โดยไร้ทายาท

การอภิเษกสมรส

แก้
 
ภาพอีซาแบลกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสขณะขึ้นฝั่งในอังกฤษในปี ค.ศ. 1326

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษที่กำลังมองหาเจ้าสาวให้เอ็ดเวิร์ดผู้เป็นพระโอรสได้ส่งราชทูตไปยังราชสำนักแอโนเนื่องจากการสมรสระหว่างสองตระกูลจะช่วยให้พระองค์ได้เป็นพันธมิตรกับแฟลนเดอส์ ศูนย์กลางการค้าอันมั่งคั่งสมดั่งความต้องการ วอลแตร์ เดอ สแตเปลดอน บิชอปแห่งเอ็กซิเตอร์ ราชทูตที่ถูกส่งไปได้บรรยายถึงรูปโฉมของธิดาของกีโยมที่ 1 อย่างละเอียดแต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นธิดาคนไหน นักประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นฟีลีปา ขณะที่อีกส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นมาร์เกอรีตที่ในตอนนั้นยังไม่ได้สมรส

อังกฤษตกอยู๋ในสงครามกลางเมืองอันนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ในช่วงต้นคริสตทศวรรษ 1320 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่ได้รับความนิยม ทรงโปรดปรานครอบครัวเดสเปนเซอร์ โดยเฉพาะฮิวจ์ผู้ลูก ที่เชื่อกันว่าเป็นคนรักของพระองค์มากเกินควรจนทำให้พระมเหสีชาวฝรั่งเศสและเหล่าบารอนหันหลังให้กษัตริย์ ในปี ค.ศ. 1322 ที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้แสดงออกถึงสนใจที่จะผูกมิตรกับแฟลนเดอส์ พระองค์กับพระราชินีอีซาแบลได้แยกกันอยู่และกษัตริย์ได้เริ่มอยู่กินกับฮิวจ์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้พรากพระโอรสธิดาไปจากพระราชินี จองจำคนในครัวเรือนของพระนาง และริบดินแดนของพระนาง

ปลายปี ค.ศ. 1325 อีซาแบลเริ่มมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับโรเจอร์ มอร์ติเมอร์ ลอร์ดผู้ทรงอำนาจ ฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1326 พระนางเดินทางมาถึงราชสำนักแอโนเพื่อขอให้บิดาของฟีลีปาช่วยปลดพระสวามีออกจากบัลลังก์และวางแผนที่จะบริหารบ้านเมืองในฐานะผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของพระโอรส กีโยมเห็นดีด้วย เพื่อกระชับความเป็นพันธมิตร เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดกับฟีลีปาจึงถูกจับหมั้นหมายกัน

ไม่กี่เดือนต่อมาอีซาแบลที่มีมอร์ติเมอร์คอยให้ความช่วยเหลือบุกอังกฤษได้สำเร็จ หลังทำสงครามกันอย่างต่อเนื่องยาวนาน สุดท้ายในเดือนมกราคมของปี ค.ศ. 1327 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้ถูกบีบจนต้องยอมสละราชสมบัติ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระโอรสวัย 14 พรรษาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระราชินีกลายเป็นม่ายเมื่ออดีตกษัตริย์สิ้นพระชนม์อย่างปริศนาในระหว่างที่ถูกควบคุมตัว สามเดือนหลังพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ถูกฆาตกรรม ฟีลีปาได้เดินทางมาถึงอังกฤษ

วันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1328 ฟีลีปาแห่งแอโนที่เพิ่งเดินทางมาถึงอังกฤษได้ไม่กี่เดือนได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ที่ยอร์กมินสเตอร์ โดยในขณะที่สมรสฟีลีปามีพระชนมายุเพียง 14 พรรษา ขณะที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดวัย 16 พรรษาแม้จะเป็นกษัตริย์ แต่อำนาจปกครองสูงสุดกลับอยู่ในมือของอีซาแบล พระสัสสุกับโรเจอร์ มอร์ติเมอร์ คนรักของพระนาง

 
ภาพวาดปราสาทวูดสต็อกในอดีต

ในช่วงแรกสองสามีภรรยาพำนักอยู่ที่พระราชวังวูดสต็อกในออกซ์ฟอร์ดเชอร์เพื่อหนีห่างจากความมากเล่ห์เพทุบายและความตึงเครียดของราชสำนัก พระราชวังดังกล่าวได้กลายเป็นทั้งที่พำนักโปรดของฟีลีปาและที่ประสูติของพระโอรสธิดาสี่ในสิบสามคน หนึ่งในนั้นคือเอ็ดเวิร์ดเจ้าชายดำ พระโอรสธิดาคนแรกของทั้งคู่ ชีวิตสมรสของทั้งคู่เป็นชีวิตสมรสที่มีความสุขแม้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจะนอกใจมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นมากมาย พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 กับฟีลีปามีพระโอรสธิดาด้วยกัน 13 คน คือ

  1. เอ็ดเวิร์ดแห่งวูดสต็อก เจ้าชายแห่งเวลส์ เจ้าชายดำ (ประสูติ ค.ศ. 1330) สมรสกับโจน แพลนทาเจเนต เคาน์เตสแห่งเคนต์ ทรงสิ้นพระชนม์ก่อนพระบิดาและเป็นบิดาของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระอัยกา
  2. อิซาเบลลา (ประสูติ ค.ศ. 1332) สมรสกับอ็องเกียร็องที่ 7 เดอ คูซี เอิร์ลที่ 1 แห่งเบดฟอร์ด
  3. โจน (ประสูติ ค.ศ. 1333/1334) สิ้นพระชนม์ด้วยกาฬโรคระหว่างเดินทางไปสมรสกับพระเจ้าเปโดรแห่งกัสติยา
  4. วิลเลียมแห่งฮาร์ตฟิลด์ (ประสูติ ค.ศ. 1337) สิ้นพระชนม์ในวัยทารก
  5. ไลโอเนลแห่งแอนต์เวิร์ป ดยุคที่ 1 แห่งแคลเรนซ์ (ประสูติ ค.ศ. 1338) สมรสครั้งแรกกับเอลิซาเบธ เดอ บะระ เคาน์เตสที่ 4 แห่งอัลสเตอร์ ต่อมาสมรสครั้งที่สองกับวีโอลันเต วิสคอนตี ทรงสิ้นพระชนม์ก่อนพระบิดาและเป็นต้นราชวงศ์ยอร์ก
  6. จอห์นแห่งกอนท์ ดยุคที่ 1 แห่งแลงคัสเตอร์ (ประสูติ ค.ศ. 1340) สมรสครั้งแรกกับบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์, ครั้งที่สองกับอินฟันตากอนส์ตันซาแห่งกัสติยา และครั้งที่สามกับแคทเธอรีน สวีนฟอร์ด ทรงเป็นบิดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษและเป็นต้นราชวงศ์แลงคัสเตอร์
  7. เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุคที่ 1 แห่งยอร์ก (ประสูติ ค.ศ. 1341) สมรสครั้งแรกกับอินฟันเตอิซาเบลแห่งกัสติยา ต่อมาสมรสครั้งที่สองกับโจน ฮอลแลนด์
  8. บลานช์แห่งหอคอย (ประสูติ ค.ศ. 1342) สิ้นพระชนม์ตอนคลอด
  9. แมรี (ประสูติ ค.ศ. 1344) สมรสกับฌ็องที่ 5 ดยุคแห่งเบรอตาญ
  10. มาร์กาเร็ต (ประสูติ ค.ศ. 1346) สมรสกับจอห์น เฮสติงส์ เอิร์ลที่ 2 แห่งเพมโบรก
  11. ธอมัสแห่งวินด์เซอร์ (ประสูติ ค.ศ. 1347) สิ้นพระชนม์ในวัยทารกด้วยกาฬโรค
  12. วิลเลียมแห่งวินด์เซอร์ (ประสูติ ค.ศ. 1348) สิ้นพระชนม์ในวัยทารกด้วยกาฬโรค
  13. ธอมัสแห่งวูดสต็อก ดยุคที่ 1 แห่งกลอสเตอร์ (ประสูติ ค.ศ. 1355) สมรสกับเอเลนอร์ เดอ โบฮัน

พระโอรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกับฟิลิปาล้วนสมรสเข้าตระกูลขุนนางอังกฤษ ภายหลังทายาทของพระโอรสของทั้งคู่จะทำสงครามแย่งชิงบัลลังก์กันในชื่อสงครามดอกกุหลาบ

สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ

แก้
 
ภาพวาดพิธีราชาภิเษกของฟีลีปาแห่งแอโน

กว่าฟีลีปาจะได้รับการสวมมงกุฎเป็นพระราชินีแห่งอังกฤษก็ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1330 ทั้งนี้เนื่องมาจากพระราชินีม่ายอีซาแบลไม่ยอมปล่อยมือจากตำแหน่งในราชสำนักของตน ในตอนที่เข้ารับการราชาภิเษก ฟีลีปาในวัย 15 พรรษากำลังตั้งครรภ์พระโอรสคนแรกได้หกเดือน

วันที่ 15 มิถุนายน ฟีลีปาได้ให้กำเนิดพระโอรสที่ปราสาทวูดสต็อก พระโอรสน้อยได้รับการตั้งชื่อในพิธีศีลล้างบาปว่าเอ็ดเวิร์ดตามชื่อของพระบิดาและพระอัยกา เชื่อกันว่าการประสูติของพระโอรสเป็นตัวกระตุ้นให้กษัตริย์วัย 18 พรรษาเริ่มเคลื่อนไหว ในวันที่ 19 ตุลาคม พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้ทำการรัฐประหาร ทรงจับกุมตัวมอร์ติเมอร์และมีรับสั่งให้ประหารชีวิต จากนั้นมาพระองค์ก็ได้ปกครองในนามของพระองค์เอง


 
ภาพพระราชินีฟีลีปากำลังขอร้องแทนชาวเมืองคาเลส์โดย เจ.ดี.เพนโรส

ฟีลีปาเป็นพระราชินีผู้เป็นที่รักของพระชาชน พระองค์มีจิตใจเมตตาและมีเสน่ห์ นักพงศาวดารคนหนึ่งได้กล่าวถึงพระองค์ว่าเป็น "พระราชินีผู้อ่อนโยน, เสรีนิยม และมีพระจริยวัตรงดงามที่สุดเท่าที่เคยมีมา" ฟีลีปายังเป็นพระราชินีที่ไม่ยอมอยู่เฉย พระองค์มักติดตามพระสวามีไปทำสงครามร้อยปีและสงครามกับชาวสกอต ในการสู้รบครั้งหนึ่งหลังปิดล้อมกาแลอยู่ร่วมปี ฟีลีปาได้โน้มน้าวพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดให้ไว้ชีวิตชาวเมืองกาแลหกคนซึ่งกำลังจะถูกประหารต่อหน้าชาวเมืองที่เหลือเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ฟีลีปาได้คุกเข่าขอร้องพระสวามีด้วยใจที่เปี่ยมเมตตา สุดท้ายพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงยอมปล่อยชายกลุ่มดังกล่าวไป ฟีลีปาได้กำชับใช้หาอาหารและเสื้อผ้าสะอาดพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งมาให้ก่อนที่จะปล่อยตัวพวกเขาเป็นอิสระ

ฟีลีปาทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินให้พระสวามีหลายครั้งในช่วงที่พระองค์ไม่อยู่ในอังกฤษ

การสิ้นพระชนม์

แก้
 
รูปแกะสลักเหนือหลุมฝังศพพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 กับฟีลีปาแห่งแอโน

ในช่วงบั้นปลายชีวิตฟีลีปามีพระพลานามัยที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทรงสิ้นพระชนม์ที่ปราสาทวินด์เซอร์ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1369 ด้วยโรคบวมน้ำที่สร้างปัญหาให้พระองค์มาเป็นเวลา 12 ปี ทรงมีพระชนมายุ 55 พรรษาและอายุยืนกว่าพระโอรสธิดาเจ็ดคน นักพงศาวดารคนหนึ่งเล่าว่าฟีลีปาได้สิ้นพระชนม์ในอ้อมแขนของพระสวามีกับธอมัส บุตรคนสุดท้องวัย 14 พรรษา ร่างของพระองค์ถูกฝังที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ในหลุมฝังศพที่มีรูปแกะสลักหินอะลาบัสเตอร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระสวามีของพระองค์สิ้นพระชนม์หลังพระองค์ในอีกแปดปีต่อมา ร่างของกษัตริย์ถูกฝังเคียงข้างพระมเหสีผู้ล่วงลับ ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 คือพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 พระนัดดาชายวัย 10 พรรษาซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเอ็ดเวิร์ดเจ้าชายดำ พระโอรสคนโตที่สิ้นพระชนม์ก่อนพระบิดา

อ้างอิง

แก้
  1. David Williamson, Debrett's Kings and Queens of Britain, p.81, Webb and Bower Publishers, Ltd., London, 1986
  2. Strickland, Agnes, Lives of the queens of England from the Norman conquest, Vol.2, (George Barrie and Sons, 1902), 222.

ดูเพิ่ม

แก้