จอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์

เจ้าชายจอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์ (อังกฤษ: John of Gaunt, 1st Duke of Lancaster; 6 มีนาคม ค.ศ. 1340 - 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1399) เป็นสมาชิกราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท เป็นพระโอรสองค์ที่สามของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษและพระราชินีฟีลิปแห่งแอโน และเป็นพระเชษฐาของเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุคที่ 1 แห่งยอร์กผู้เป็นต้นราชสกุลยอร์ก

จอห์นแห่งกอนต์
ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ที่ 1
จอห์นแห่งกอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ที่ 1
ประสูติ6 มีนาคม ค.ศ. 1340
เกนต์, เบลเยียม
สิ้นพระชนม์3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1399 (58 ปี)
ปราสาทเลสเตอร์, เลสเตอร์เชอร์
คู่อภิเษกบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์
กอนส์ตันซาแห่งกัสติยา
แคทเธอริน สวินฟอร์ด
พระบุตรสมเด็จพระราชินีฟิลลิปปาแห่งโปรตุเกส
เอลิซาเบธ แพลนทาเจเน็ท ดัชเชสแห่งเอ็กซีเตอร์
สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ
แคทรินแห่งแลงคัสเตอร์
จอห์น โบฟอร์ต เอิร์ลแห่งซอมเมอร์เซ็ทที่ 1
เฮ็นรี โบฟอร์ต
ทอมัส โบฟอร์ต ดยุคแห่งเอ็กซีเตอร์
โจน โบฟอร์ตดัชเชสแห่งเวสต์มอร์แลนด์
พระบิดาสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ
พระมารดาฟีลีปาแห่งแอโน สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ

จอห์นแห่งกอนต์ทรงเป็นต้นราชสกุลแลงคัสเตอร์ โดยมีกษัตริย์อังกฤษสามคนที่สืบเชื้อสายมาจากพระองค์ คือ พระเจ้าเฮนรีที่ 4, พระเจ้าเฮนรีที่ 5 และพระเจ้าเฮนรีที่ 6

วัยเยาว์

แก้

จอห์นประสูติในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1340 ทรงเป็นพระโอรสคนที่สี่ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แต่เป็นพระโอรสคนที่สามที่มีชีวิตรอด พระองค์ได้ฉายาพระนามมาจากสถานที่ประสูติของพระองค์ คือ เมืองเกนต์ หรือเมืองกอนต์ในภาษาอังกฤษ เดือนกันยายน ค.ศ. 1342 พระองค์ถูกตั้งเป็นเอิร์ลแห่งริชมอนด์ ทรงได้รับการฝึกฝนทักษะทางทหาร ในปี ค.ศ. 1350 จอห์นในวัย 10 พรรษาได้ปรากฏตัวที่สมรภูมิทางเรือวินเชลซีที่ว่ากันว่าเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ เอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์และเลสเตอร์ได้ช่วยชีวิตพระองค์ไว้หลังเรือสเปนลำใหญ่ได้โจมเรือที่บรรทุกจอห์นกับเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ พระเชษฐาของจอห์น ในเวลาต่อมาจอห์นในวัย 19 พรรษาได้มีส่วนร่วมในการออกทำศึกกับฝรั่งเศส

คนในยุคเดียวกันได้บรรยายถึงจอห์นว่าทรงมีพระวรกายสูง รูปร่างดี พระบุตรคนแรกของจอห์นเป็นพระธิดานอกสมรสชื่อบลานช์ซึ่งเกิดจากมารี เดอ แซ็งต์ฮิแลร์แห่งแอโน สนมลับของจอห์นที่เป็นนางกำนัลของพระราชินีฟิลิปปาแห่งแอโน พระมารดาของพระองค์

การเสกสมรสครั้งแรก

แก้
 
ภาพพิธีเสกสมรสของจอห์นแห่งกอนต์กับบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ในวิหารเรดิง วาดโดยโฮเรส ไรจ์ ปี ค.ศ. 1914 (พิพิธภัณฑ์เรดิง)

วันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1359 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ได้จับจอห์นสมรสกับบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ ทายาทหญิงผู้มั่งคั่งที่วิหารเรดิงในบาร์กเชอร์ บลานช์เป็นธิดาของเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ เอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์และเลสเตอร์กับอิซาเบล เดอ บูมงต์และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่สามของจอห์น ทั้งคู่ต่างเป็นบุตรของพระปนัดดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 บลานช์สืบเชื้อสายมากจากเอ็ดมุนด์หลังกางเขน เอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์ พระโอรสคนสุดท้องของพระเจ้าเฮนรี เชื้อพระวงศ์ทุกคนต่างเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ได้มอบของขวัญซึ่งเป็นอัญมณีราคาแพงให้แก่บลานช์วัย 14 ปี

เฮนรีแห่งกรอสมอนต์ถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1361 จอห์นได้สืบทอดดินแดนครึ่งหนึ่งของพ่อตาและได้ครองตำแหน่งเป็นเอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์ พระองค์ยังได้รับยศเป็นบารอนที่ 14 แห่งฮาลตันและลอร์ดที่ 11 แห่งโบวแลนด์ จอห์นได้ดินแดนส่วนที่เหลือของเฮนรีมาครองหลังม็อด เคานเตสแห่งเลสเตอร์ น้องสาวของบลานช์เสียชีวิตในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1362 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระบิดาของพระองค์ได้พระราชทานยศดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ให้แก่พระองค์ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1362

การเสกสมรสของจอห์นกับบลานช์เป็นการเสกสมรสที่มีความสุข บลานช์เป็นสาวสวยมารยาทงดงามที่มีผมสีอ่อน ทั้งคู่มีบุตรธิดาด้วยกัน 7 คน คือ

  1. ฟิลิปปา (เกิด 31 มีนาคม ค.ศ. 1360) พระราชินีคู่สมรสของพระเจ้าฌูเอาที่ 1 แห่งโปรตุเกส
  2. จอห์น (เกิด ค.ศ. 1362/1364) เสียชีวิตในวัยทารก
  3. เอลิซาเบธแห่งแลงคัสเตอร์ (เกิด 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1364) สมรสครั้งแรกกับจอห์น แฮสติงส์ เอิร์ลที่ 3 แห่งเพมโบรก ต่อมาสมรสครั้งที่สองกับจอห์น ฮอลแลนด์ ดยุคที่ 1 แห่งเอ็กซิเตอร์ และสมรสครั้งที่สามกับจอห์น คอร์นวอลล์ บารอนที่ 1 แห่งแฟนโฮป
  4. เอ็ดเวิร์ด (เกิด ค.ศ. 1365) เสียชีวิตในวัยทารก
  5. จอห์น (เกิด ค.ศ. 1366) เสียชีวิตในวัยทารก
  6. พระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ (เกิด 3 เมษายน ค.ศ. 1367)
  7. อิซาเบลลา (เกิด ค.ศ. 1368) เสียชีวิตในวัยเด็ก

บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1368 ด้วยโรคกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองด้วยวัย 23 ปีที่ปราสาททัตบรีในสแตฟฟอร์ดเชอร์ ระหว่างที่จอห์นเดินทางไปต่างแดน ร่างของเธอถูกฝังที่อาสนวิหารเซนต์ปอลในกรุงลอนดอน มีบันทึกว่าจอห์นทรงจมอยู่กับความโทมนัสโศกเศร้า

การเสกสมรสครั้งที่สอง

แก้

ตลอดช่วงเวลาหลายปีต่อมาจอห์นได้ทรงสู้รบในสงครามหลายครั้ง ทรงสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเอ็ดเวิร์ดแห่งวูดสต็อคหรือเอ็ดเวิร์ดเจ้าชายดำ พระเชษฐาในการทำสงครามร้อยปี พระองค์ได้ออกทำศึกเพื่อช่วยเหลือพระเจ้าเปโดรผู้โหดเหี้ยมแห่งกัสติยา สองปีต่อมาทรงดำรงตำแหน่งเป็นนายกองแห่งกาแล และในปี ค.ศ. 1371 ทรงดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพแห่งอากีแตน จอห์นได้เสกสมรสใหม่กับกอนส์ตันซาแห่งกัสติยา พระธิดาของพระเจ้าเปโดรแห่งกัสติยาในปี ค.ศ. 1372 การสมรสครั้งนี้ทำให้พระองค์ได้รับยศเป็นเอิร์ลแห่งริชมอนด์และได้อ้างสิทธิ์ในตำแหน่งกษัตริย์แห่งกัสติยา

จอห์นเสกสมรสกับกอนส์ตันซาแห่งกัสติยาวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1371 ในกีเยนที่โรเกฟอต์ใกล้กับบอร์โดซ์ การเสกสมรสครั้งนี้เป็นการเสกสมรสที่ไร้ซึ่งความรัก แต่กระนั้นทั้งสองพระองค์ก็มีพระบุตรด้วยกันสองคน คือ

  1. แคทเธอรีน (เกิด ค.ศ. 1372)
  2. จอห์น (เกิด ค.ศ. 1374) เสียชีวิตในวัยทารก

ในช่วงปี ค.ศ. 1370–71 เมื่อเจ้าชายดำล้มป่วยระหว่างกำลังทำศึกกับฝรั่งเศสจอห์นได้กลายเป็นผู้บัญชาการกองทัพ ในปี ค.ศ. 1373 พระองค์ได้นำทัพจากกาแลไปบอร์โดซ์แต่ประสบความสำเร็จไม่มากนัก หลังการสิ้นพระชนม์ของเอ็ดเวิร์ดเจ้าชายดำ จอห์นแห่งกอนต์ได้ให้การคุ้มครองจอห์น วีคลิฟฟ์ นักปฏิรูปศาสนา ซึ่งพระองค์อาจทำไปเพราะต้องการยับยั้งอำนาจของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่กำลังเติบโต

อิทธิพลในราชสำนักอังกฤษ

แก้

หลังบรรลุการทำสนธิสัญญาพักรบในปี ค.ศ. 1375 พระองค์ได้เดินทางกลับอังกฤษ พระองค์ได้ผูกมิตรกับกลุ่มข้าราชสำนักที่ทุจริตฉ้อฉลซึ่งนำโดยอาลิซ เพอร์เรอร์ สนมลับของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ผู้สูงวัย ในช่วงที่กษัตริย์อยู่ในสภาวะเลอะเลือน จอห์นทำหน้าที่เสมือนผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน การขึ้นครองอำนาจทางการเมืองของพระองค์ทำให้ความไม่พอใจต่ออิทธิพลในอังกฤษของพระองค์ขยายออกไปเป็นวงกว้าง กองทัพอังกฤษประสบความล้มเหลวในสงครามร้อยปี การปกครองของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ก็เริ่มไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากการเรียกเก็บภาษีที่สูงและความสัมพันธ์ชู้สาวของพระองค์กับอาลิซ เพอร์เรอร์ ความล้มเหลวทางการทหาร, การบริหารราชการที่ทุจริตฉ้อฉล และการวางตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสภานิติบัญญัติอันดีงามสร้างกระแสเกลียดชังในตัวจอห์น กระทั่งในปี ค.ศ. 1376 กลุ่มของพระองค์ถูกสภานิติบัญญัติอันดีงามขับไล่ออกจากอำนาจ แต่ไม่นานจอห์นก็รวบรวมสมัครพรรคพวกได้อีกครั้ง

ปี ค.ศ. 1377 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 สวรรคตด้วยพระโรคเส้นพระโลหิตในพระมัตถลุงค์แตก(เส้นเลือดในสมองแตก)ที่ชีน ผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์คือพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 พระนัดดาวัย 10 พรรษา หลังพระภาติยะ(หลานชายที่เป็นลูกของพี่น้อง) ขึ้นครองราชย์อิทธิพลในราชสำนักของจอห์นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จอห์นกลายเป็นผู้ปกครองตัวจริงของอังกฤษในช่วงที่กษัตริย์น้อยอยู่ในวัยเยาว์ ทรงให้คำปรึกษาในการทำสงครามกับฝรั่งเศสและเป็นผู้ดูแลพรมแดนที่ติดกับสกอตแลนด์ ในปี ค.ศ. 1380 พระองค์ได้ทำสนธิสัญญาพักรบกับชาวสกอตแลนด์และได้รับมอบหมายให้ปราบกบฏหลายครั้งในปีต่อมา

การตัดสินใจเรื่องการเก็บภาษีที่ไม่ค่อยฉลาดสะสมความไม่พอใจจนก่อเกิดการปฏิวัติชาวนาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1381 จอห์นแห่งกอนต์ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการในการเรียกเก็บภาษี พระองค์ต้องออกจากลอนดอนในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อหนีความโกรธเคืองของกลุ่มกบฏ ทว่าพระราชวังซาวอยของพระองค์ซึ่งถูกมองว่าเป็นคฤหาสน์ขุนนางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลอนดอนสมัยกลางได้ถูกทำลาย ชิ้นส่วนที่กลุ่มชาวนาไม่สามารถพังหรือเผาได้ถูกโยนลงแม่น้ำ

แม้จะถูกข้าราชสำนักฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่าทรยศต่อชาติแต่จอห์นก็ยังคงได้รับการสนับสนุนอันล้ำค่าจากพระเจ้าริชาร์ด พระองค์ยังคงรับใช้กษัตริย์ต่อไป จอห์นเป็นผู้เจรจาสันติภาพกับฝรั่งเศสและเป็นผู้จัดการเรื่องพรมแดนที่ติดกันสกอตแลนด์ ทว่าในปี ค.ศ. 1385 พระองค์ได้ขัดแย้งกับกษัตริย์แต่ต่อมาก็ได้คืนดีกัน พระองค์ยังคงทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างกษัตริย์กับฝ่ายตรงข้ามต่อไป

 
ภาพวาดดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ขณะกำลังเสวยพระกระยาหารเย็นกับกษัตริย์แห่งโปรตุเกส

พระเจ้าเปโดรแห่งกัสติยา พระบิดาของกอนส์ตันซาถูกเอนริเกแห่งกัสติยา พระอนุชาต่างพระมารดาปลงพระชนม์และได้แย่งชิงบัลลังก์ที่กอนส์ตันซา พระธิดาคนโตของพระเจ้าเปโดรเป็นรัชทายาทโดยชอบธรรม จอห์นได้เข้าไปพัวพันกับการสู้รบในคาบสมุทรไอบีเรีย เนื่องจากตามกฎของสเปนพระสวามีของรัชทายาทหญิงในบัลลังก์ถือเป็นกษัตริย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในปี ค.ศ. 1386 จอห์นได้ออกเดินทางจากอังกฤษไปทรงอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์กัสติยาซึ่งเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของพระชายา ทรงจับมือเป็นพันธมิตรกับพระเจ้าฌูเอาที่ 1 แห่งโปรตุเกสที่สมรสกับธิดาคนหนึ่งของพระองค์และนำทัพออกทำศึกกับพระเจ้าฆวนที่ 1 แห่งกัสติยา พระโอรสที่สืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าเอนริเกที่ 2 ทว่าความพยายามของจอห์นไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายในปี ค.ศ. 1388 พระองค์ได้ทำข้อตกลงสันติภาพโดยยกการอ้างสิทธิ์ให้เป็นของแคทเธอรีน พระธิดาที่ประสูติแต่กอนส์ตันซาแห่งกัสติยาซึ่งถูกจับเสกสมรสกับพระเจ้าเอนริเกที่ 3 แห่งกัสติยา (ขณะนั้นยังไม่เป็นกษัตริย์) อันเป็นการรวมการอ้างสิทธิ์จากทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน

ในช่วงที่จอห์นไม่อยู่ การบริหารกิจการภายในที่ผิดพลาดของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ทำให้อังกฤษตกอยู่ในสงครามกลางเมือง เมื่อเดินทางกลับมาในปี ค.ศ. 1389 จอห์นได้เป็นคนกลางทำให้พระเจ้าริชาร์ดกับกลุ่มลอร์ดผู้อุทธรณ์ซึ่งนำโดยธอมัสแห่งวูดสต็อค ดยุคแห่งกลอสเตอร์ พระอนุชาของพระองค์ประนีประนอมกัน นำไปสู่ยุคแห่งเสถียรภาพ สี่เดือนหลังกลับมาอังกฤษ พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ได้แต่งตั้งจอห์นเป็นดยุคแห่งอากีแตนในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1390

การเสกสมรสครั้งที่สามและบั้นปลายพระชนม์

แก้

วันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1394 กอนส์ตันซาแห่งกัสติยาได้สิ้นพระชนม์ที่ปราสาทเลสเตอร์ พระศพของพระนางถูกฝังที่วิหารเนอวาร์คในเลสเตอร์ ในช่วงที่พระนางยังทรงพระชนม์อยู่ จอห์นได้มีพระบุตรนอกสมรสสี่คนกับแคทเธอรีน สวีนฟอร์ด สนมลับซึ่งเป็นธิดาของเซอร์เพน โรเอ็ตกับภรรยาม่ายของอัศวินฮิวจ์ สวีนฟอร์ด แคทเธอรีนได้เข้ามาอยู่ในครัวเรือนของจอห์นในฐานะพระพี่เลี้ยงของฟิลิปปากับเอลิซาเบธแห่งแลงคัสเตอร์ ธิดาของจอห์นที่เกิดจากชายาคนแรก ฟิลิปปา เดอ โรเอ็ต น้องสาวของแคทเธอรีนเป็นนางกำนัลในครัวเรือนของพระราชินีฟิลิปปาและได้สมรสกับเจฟฟรีย์ ชอเซอร์ กวีที่ต่อมาจอห์นได้ให้การอุปถัมภ์

 
ภาพหลุมฝังพระศพของจอห์นแห่งกอนต์กับบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ วาดโดยเวนซ์สลาส ฮอลลาร์ ปี ค.ศ. 1658

ปี ค.ศ. 1396 จอห์นได้เสกสมรสกับแคทเธอรีน สวีนฟอร์ดที่อาสนวิหารลิงคอล์น พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 และศาสนจักรได้ประกาศให้พระบุตรนอกสมรสของแคทเธอรีนกับจอห์นเป็นบุตรตามกฎหมายแต่ตัดสิทธิ์ไม่ให้สืบทอดบัลลังก์ บุตรของทั้งคู่ได้ใช้นามสกุลโบฟอร์ตซึ่งมาจากตำแหน่งลอร์ดแห่งบูฟอต์ (หรือโบฟอร์ตในภาษาอังกฤษ) ของจอห์นในช็องปาญ ราชอาณาจักรฝรั่งเศส โดยบุตรแต่ละคนต่างของทั้งคู่มีบทบาทสำคัญในการเมืองของคริสต์ศตวรรษที่ 15 ได้แก่

  1. จอห์น โบฟอร์ต (เกิด ค.ศ. 1373) ถูกตั้งเป็นดยุคแห่งซัมเมอร์เซ็ต
  2. เฮนรี โบฟอร์ต (เกิด ค.ศ. 1375) เป็นพระคาร์ดินัล
  3. ธอมัส โบฟอร์ต (เกิด ค.ศ. 1377) ดยุคแห่งเอ็กซิเตอร์
  4. โจแอน โบฟอร์ด (เกิด ค.ศ. 1379) เคานเตสแห่งเวสต์มอร์แลนด์จากการสมรสกับราล์ฟ เนวิลล์ และเป็นบรรพบุรุษของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 กับพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งราชวงศ์ยอร์ก

ปี ค.ศ. 1397 พระเจ้าริชาร์ดเอาคืนกลุ่มลอร์ดผู้อุทธรณ์ ธอมัส ดยุคแห่งกลอสเตอร์ พระอนุชาของจอห์นถูกจองจำในกาแลเพื่อรอการพิจารณาคดีในข้อหาทรยศต่อชาติ ต่อมาพระองค์ถูกปลงพระชนม์ ตามคำสั่งของพระเจ้าริชาร์ด พระภาติยะ (หลานชายที่เป็นลูกของพี่น้อง) ของพระองค์เอง ปี ค.ศ. 1398 พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ได้ทรงขับไล่เฮนรีแห่งโบลิงโบรก พระโอรสคนโตของจอห์นออกจากประเทศ

จอห์นแห่งกอนต์ได้สิ้นพระชนม์ที่ปราสาทเลสเตอร์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1399 ด้วยพระชนมายุ 58 พรรษา พระศพของพระองค์ถูกฝังเคียงข้างกับบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ พระชายาคนแรกในตำแหน่งของคณะประสานเสียงที่อาสนวิหารเซนต์ปอล รูปแกะสลักหลุมฝังพระศพของทั้งคู่จับมือกัน สองวันหลังพิธีพระศพของจอห์นแห่งกอนต์ พระเจ้าริชาร์ดได้ทรงประกาศเนรเทศเฮนรีแห่งโบลิงโบรกตลอดชีวิต ทรงตัดสิทธิ์ในการสืบทอดมรดกของลูกพี่ลูกน้องและทรัพย์สินที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลของจอห์นแห่งกอนต์เข้าราชบัลลังก์ ภายหลังเฮนรี โบลิงโบรกได้ล้มล้างบัลลังก์และขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์แลงคัสเตอร์

อ้างอิง

แก้

ดูเพิ่ม

แก้