บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์

บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ (อังกฤษ: Blanche of Lancaster) เป็นธิดาของเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์กับอิซาเบล เดอ โบมงต์ และพระชายาในจอห์นแห่งกอนต์ พระโอรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 กับพระราชินีฟิลิปปาแห่งแอโนต์ ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกันหลายพระองค์ หนึ่งในนั้นคือพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ และฟิลิปปาแห่งแลงคัสเตอร์ สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส

บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์
ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์
พระรูปจากผ้าทอ "เลดีกับยูนิคอร์น" ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ซึ่งคล้ายคลึงกับ "เลดีบลานช์" ที่เจฟฟรีย์ ชอเซอร์กล่าวถึงในหนังสือว่าด้วยดัชเชส
คู่อภิเษกจอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์
พระราชบุตรฟิลิปปาแห่งแลงคาสเตอร์ สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส
เอลิซาเบธแห่งแลงคัสเตอร์ ดัชเชสแห่งเอ็กซิเตอร์
พระเจ้าเฮนรีที่ 4 แห่งอังกฤษ
พระบิดาเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์
พระมารดาอิซาเบล เด โบมงต์
ประสูติ25 มีนาคม ค.ศ. 1342
ปราสาทโบลิงโบรกในลิงคอล์นเชอร์ ประเทศอังกฤษ
สิ้นพระชนม์12 กันยายน ค.ศ. 1368 (26 ปี)
ปราสาททัตบรีในสแตฟฟอร์ดเชอร์

ชาติตระกูล แก้ไข

 
ภาพเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ พระบิดาของบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ โดยวิลเลียม บรูช ปี ค.ศ. 1430

บลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ (คาดว่า) ประสูติเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1345 ที่ปราสาทโบลิงโบรกในลิงคอล์นเชอร์ ทรงเป็นธิดาคนที่สองซึ่งเป็นธิดาคนสุดท้องของเฮนรีแห่งกรอสมอนต์ ดยุคแห่งแลงคัสเตอร์กับอิซาเบล เดอ โบมงต์ เฮนรีแห่งกรอสมอนต์เป็นหลานชายของเอ็ดมุนด์หลังกางเขน พระโอรสของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 และเป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่สองของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ส่วนอิซาเบลเป็นธิดาของอ็องรี (เฮนรี) บารอนที่ 1 เดอ โบมงต์และเอิร์ลแห่งบูชานกับอาลิซ โคมีน บลานช์ถูกตั้งพระนามตามทวดทางฝั่งพระบิดาคือบล็องช์แห่งอาร์ตัว (บล็องช์ในภาษาฝรั่งเศส = บลานช์ในภาษาอังกฤษ) พระราชินีคู่สมรสแห่งนาวาร์

บลานช์มีพระภคินีชื่อว่ามาทิลดาซึ่งสมรสครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อยกับราล์ฟ เดอ สแตฟฟอร์ด เธอกลายเป็นม่ายตอนอายุ 8 ปีและได้สมรสใหม่กับวิลเฮล์มที่ 5 ดยุคแห่งบาวาเรีย, แอโนต์ และซีลันด์ ในวัยเด็กบลานช์ได้ถูกจับหมั้นหมายกับจอห์น เดอ เซเกรฟ แต่ดูเหมือนจะถูกล้มเลิกไปในเวลาต่อมา

ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ แก้ไข

 
ภาพการเสกสมรสของจอห์นแห่งกอนต์กับบลานช์แห่งแลงคัสเตอร์ที่วิหารเรดิง โดยโฮเรซ ไรจ์ ปี ค.ศ. 1914 (พิพิธภัณฑ์เรดิง)

ปลายคริสตทศวรรษ 1350 บลานช์ทรงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 วางไว้ให้พระโอรส เนื่องจากทรงเป็นทายาทในดินแดนที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่ง บลานช์จึงถูกเลือกให้เป็นเจ้าสาวของจอห์นแห่งกอนต์ พระโอรสที่ยังมีชีวิตอยู่คนที่สามของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด จอห์นกับบลานช์ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องกันในชั้นที่สาม ทั้งคู่ต่างเป็นบุตรของพระปนัดดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 ทั้งคู่เสกสมรสกันเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1359 ที่วิหารเรดิงในบาร์กเชอร์ บลานช์เพิ่งมีพระชนมายุได้ 14 พรรษา ส่วนจอห์นมีพระชนมายุ 19 พรรษา เชื่อกันว่าการเสกสมรสขอทั้งคู่เป็นการสมรสที่มีความสุข

ปี ค.ศ. 1361 บลานช์ทรงประสบกับโศกนาฏกรรมสองครั้งสองคราเมื่อพระบิดาของพระองค์เสียชีวิตด้วยโรคกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองที่เมืองเลสเตอร์ในเดือนมีนาคม และพระมารดาได้ป่วยด้วยโรคเดียวกันก่อนเสียชีวิตในช่วงปลายปี พระภคินีของพระองค์ได้สืบทอดตำแหน่งเอิร์ลแห่งเลสเตอร์และเอิร์ลแห่งลิงคอล์น ขณะที่จอห์นแห่งกอนต์ทรงได้สืบทอดตำแหน่งเอิร์ลแห่งเดอร์บีและเอิร์ลแห่งแลงคัสเตอร์ตามสิทธิ์ของพระชายา ทว่าตำแหน่งดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ได้สิ้นสุดลงพร้อมกับการเสียชีวิตของเฮนรีแห่งกรอสมอนต์

เดือนเมษายน ค.ศ. 1362 พระภคินีของบลานช์เองก็ติดเชื้อกาฬโรคเช่นกัน แม้จะมีข่าวลือว่าเธอถูกวางยาพิษแต่ก็ไม่น่าจะใช่ มาทิลดาเสียชีวิตโดยไร้ซึ่งบุตรธิดาทำให้ดินแดนส่วนที่เหลือของพระบิดาตกเป็นของบลานช์ จอห์นจึงทรงได้ตำแหน่งเอิร์ลแห่งเลสเตอร์และเอิร์ลแห่งลิงคอล์นมาเพิ่ม วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1362 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 พระบิดาของจอห์นได้แต่งตั้งจอห์นเป็นดยุคแห่งแลงคัสเตอร์ ทำให้ทรงกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ทรงอำนาจที่สุดในอังกฤษ ทรงมีปราสาทในครอบครองมากกว่า 30 แห่ง ที่ดินในการครอบครองของพระองค์เป็นรองเพียงกษัตริย์คนเดียว

ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ทรงใช้ชีวิตเสกสมรสส่วนใหญ่ไปกับการทรงครรภ์ พระองค์ได้ให้กำเนิดพระบุตร 7 คนในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1360 ถึง ค.ศ. 1368 พระโอรสทั้งสามคน คือ จอห์น, เอ็ดเวิร์ด และจอห์นคนที่สอง กับพระธิดาหนึ่งคน คือ อิซาเบลลา เสียชีวิตในวัยเด็ก มีพระธิดาหนึ่งพระองค์และหนึ่งคนกับพระโอรสอีกหนึ่งพระองค์ที่เหลือมีชีวิตอยู่จนถึงวัยผู้ใหญ่ ได้แก่

ปี ค.ศ. 1365 ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ได้ทรงรับแคทเธอรีน สวีนฟอร์ดเข้ามาอยู่ในครัวเรือน แคทเธอรีนเป็นภรรยาของอัศวินในลิงคอล์นเชอร์ของจอห์นแห่งกอนต์ อีกทั้งจอห์นยังเป็นพ่อทูนหัวให้กับบลานช์ บุตรสาวของแคทเธอรีนที่ถูกตั้งชื่อตามดัชเชสบลานช์ บลานช์ สวีนฟอร์ดน้อยพักอยู่ในห้องเดียวกับฟิลิปปาและเอลิซาเบธ ธิดาของดัชเชส และมีของใช้ฟุ่มเฟือยไม่ต่างกับเจ้าหญิง

การสิ้นพระชนม์ แก้ไข

 
ภาพหลุมฝังพระศพของบลานช์กับจอห์นแห่งกอนต์ในอาสนวิหารเซนต์ปอล โดยวัตสลัฟ ฮอลลาร์ ปี ค.ศ. 1658

การสูญเสียพระบิดาพระมารดาและพระภคินีไปด้วยโรคกาฬโรคทำให้ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ทรงหวาดกลัวโรคร้ายดังกล่าว ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1368 ทรงย้ายครอบครัวออกจากเมืองใหญ่ไปอยู่ที่ปราสาทโบลิงโบรกเพื่อหนีจากโรคติดต่อร้ายแรง

ปี ค.ศ. 1368 ระหว่างที่พระสวามีของพระองค์กำลังสู้รบอยู่ในปิการ์ดี ดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ทรงติดเชื้อกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง โรคร้ายที่ทรงหวาดกลัว และสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 23 พรรษาในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1368 แต่เนื่องจากอิซาเบลลา พระธิดาที่เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1368 จึงมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่สันนิษฐานว่าอาจสิ้นพระชนม์จากการคลอดพระบุตร พระสวามีของพระองค์อยู่เคียงข้างพระองค์ในตอนที่เธอสิ้นพระชนม์ มีบันทึกว่าจอห์นได้ทรงจัดทำบทสวดเพื่อสวดมนต์ให้แก่ดัชเชสผู้ล่วงลับของพระองค์

พระศพของดัชเชสแห่งแลงคัสเตอร์ถูกฝังที่อาสนวิหารเซนต์ปอลเก่าในกรุงลอนดอน โดยจอห์นได้ทรงจัดทำหลุมฝังพระศพหินอะลาบาสเตอร์อันวิจิตรงดงามให้พระชายาและจัดพิธีรำลึกการจากไปของพระองค์ในทุกๆ ปีตลอดชีวิตของพระองค์ แม้พระองค์จะสมรสอีกสองครั้งแต่เมื่อทรงสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1399 ร่างของพระองค์ผู้ฝังเคียงข้างกับบลานช์ หลุมฝังพระศพของทั้งคู่ถูกสูญหายไปในช่วงที่อาสนวิหารถูกทำลายในเหตุการณ์มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอนในปี ค.ศ. 1666

อ้างอิง แก้ไข