พระยาเทพวิทุรพหุลศรุตบดี (บุญช่วย วณิกกุล)

ขุนนางชาวไทย

มหาอำมาตย์โท พระยาเทพวิทุรพหุลศรุตบดี มีนามเดิมว่า บุญช่วย วณิกกุล (15 มิถุนายน พ.ศ. 2432 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492) อดีตองคมนตรีในรัชกาลที่ 7 อดีตเสนาบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอดีตอธิบดีศาลฎีกา

พระยาเทพวิทุรพหุลศรุตาบดี
(บุญช่วย วณิกกุล)
อธิบดีศาลฎีกา
ดำรงตำแหน่ง
15 ธันวาคม พ.ศ. 2471 – พ.ศ. 2476
ก่อนหน้าเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา)
ถัดไปพระยาศรีสังกร (ตาด จารุรัตน์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ดำรงตำแหน่ง
10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 – 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476
นายกรัฐมนตรีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์)
ก่อนหน้าตนเอง
(ในฐานะเสนาบดี)
ถัดไปพระยานิติศาสตร์ไพศาลย์ (วัน จามรมาน)
เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม
ดำรงตำแหน่ง
29 มิถุนายน – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร์ ณ สงขลา)
ถัดไปตนเอง
(ในฐานะรัฐมนตรี)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด15 มิถุนายน พ.ศ. 2432
เสียชีวิต18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 (60 ปี)
ศาสนาพุทธ
บุพการี
  • แสง วณิกกุล (บิดา)
  • ชื่น วณิกกุล (มารดา)

ประวัติ

แก้

บุญช่วย วณิกกุล เป็นบุตรคนสุดท้องของนายแสงและนางชื่น วณิกกุล เริ่มต้นการศึกษาที่พระตำหนักสวนกุหลาบ ศึกษาต่อที่โรงเรียนราชวิทยาลัย สอบทุนเล่าเรียนหลวงได้เป็นที่ 1 เมื่อมีอายุเพียง 13 ปี 10 เดือน แต่ได้สละสิทธินั้นและสมัครเข้าเป็นนักเรียนกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม เพื่อศึกษากฎหมายไทยเสียก่อน และได้ไปศึกษาวิชากฎหมายที่สำนักเกรย์สอินน์ (Gray’s Inn) ที่กรุงลอนดอน เมื่ออายุ 16 ปี พร้อมกับพระยามโนปกรณ์นิติธาดา และเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ

บุญช่วย วณิกกุล จบการศึกษาสำนักเกรย์สอินน์ เป็นเนติบัณฑิตอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2452 ด้วยคะแนนเกียรตินิยมชั้น 1 และเข้ารับราชการในกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งผู้พิพากษาในกองข้าหลวงพิเศษ และได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ข้าหลวงพิเศษยุติธรรมและกรรมการศาลฎีกาตามลำดับ

ในปี พ.ศ. 2466 ท่านได้โอนไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอัยการ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีศาลฎีกา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2471

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในคณะรัฐมนตรีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ท่านได้กราบถวายบังคมทูลขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า พร้อมกับรัฐมนตรีในคณะคนอื่น ๆ ซึ่งได้กราบถวายบังคมทูลขอลาออกพร้อมกันทั้งคณะ

พระยาเทพวิทุรพหุลศรุตบดี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการร่างประมวลกฎหมาย เมื่อ พ.ศ. 2455 ต่อมาในปี พ.ศ. 2459 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการชำระประมวลกฎหมาย และในปี พ.ศ. 2466

ในบั้นปลายชีวิต ท่านได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการถาวร ณ กรุงเฮก และได้รับเลือกตั้งจากรัฐสภาให้เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญจนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 สิริรวมอายุได้ 60 ปี 5 เดือน 3 วัน

  • มหาอำมาตย์ตรี
  • 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2467 มหาอำมาตย์โท[1]

ตำแหน่ง

แก้
  • – กรรมการศาลฎีกาชั่วคราว
  • 8 มกราคม 2462 – กรรมการศาลฎีกา[2]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. พระราชทานยศ
  2. แจ้งความกระทรวงยุติธรรม
  3. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๔๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๐๘๕, ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๗๔
  4. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญ, เล่ม ๔๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๔๒๐, ๗ มกราคม ๒๔๖๖
  5. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๕๖, ๒๓ พฤศจิกายน ๒๔๖๗
  6. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา, เล่ม ๒๙ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๔๖, ๒๒ มกราคม ๑๓๑
  7. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญ, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๒๙๙, ๖ มีนาคม ๒๔๖๙