ปอบ

ผีตามความเชื่อพื้นบ้านของประเทศไทย

ปอบ เป็นผีจำพวกหนึ่ง ที่อยู่ในความเชื่อพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน โดยเชื่อกันว่าเป็นผีที่กินของดิบ ๆ สด ๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยมีความเชื่อว่า ผู้ที่จะกลายเป็นปอบนั้น มักจะเป็นผู้เล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ หรือกระทำผิดข้อห้าม ซึ่งในภาษาอีสานจะเรียกว่า "คะลำ" ซึ่งผู้ที่เป็นปอบจะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

ลักษณะ

แก้

ปอบ เป็นผีที่ไม่มีตัวตนเหมือนกระสือหรือกองกอย แต่ปอบคือจิตวิญญาณมิจฉาทิฏฐิ จะเข้าแฝงร่างสิงสู่คนที่เป็นสื่อให้ และใช้ร่างหรือรูปลักษณ์ของคน ๆ นั้น ไปกระทำการไม่ดีต่าง ๆ และเชื่อด้วยว่า หากวิญญาณปอบเข้าสิงสู่ผู้ใด จะกินตับไตไส้พุงของผู้ที่โดนสิงจนกระทั่งตาย ผู้ที่โดนกินจะนอนตายเหมือนกับนอนหลับธรรมดา ๆ ไม่มีบาดแผล ซึ่งเรียกกันว่า "ใหลตาย"[1]

ปอบ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ปอบธรรมดา คือ ผู้ที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง คือตนเองเป็นปอบ เมื่อเจ้าของร่างตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย
2. ปอบเชื้อ คือ ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบ เมื่อพ่อแม่ตายไป ลูกหลานจะสืบทอด เป็นปอบต่อไปเรื่อย ๆ
3. ปอบแลกหน้า คือ ปอบเจ้าเล่ห์ เอาความผิดโยนให้ผู้อื่น เวลาไปเข้าสิงใคร เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบจะไม่บอกความจริง แต่ไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคน

ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิง จะมีอาการเปลี่ยนไป เป็นดุร้าย รำพึงรำพันต่าง ๆ นานา จดจำบุคคลคุ้นเคยหรือคนในครอบครัวไม่ได้หรือไม่ก็กินอาหารดิบ ๆ สุก ๆ ที่เท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม วิธีการปราบผีปอบต้องใช้หมอผีหรือวิธีทางไสยศาสตร์ ในภาคอีสาน จะมีการทำพิธีจับผีปอบเป็นพิธีใหญ่ โดยหมอผีจะไล่จับผีปอบตามที่ต่าง ๆ โดยใช้อุปกรณ์อย่างหนึ่ง ที่เป็นเครื่องสาน เรียก "โมงข้อง" ใช้สำหรับกักขังปอบ

ในทางมานุษยวิทยาและสังคมศาสตร์ อธิบายว่า ความเชื่อเรื่องปอบนั้นเป็นกลไกการสร้างความเชื่อของคนในชุมชน เนื่องจากไม่วางใจบุคคลแปลกหน้าหรือแม้แต่กระทั่งคนในชุมชนเดียวกันเอง ที่มีพฤติกรรมแปลกออกไป ซึ่งในสมัยโบราณ บุคคลที่โดนกล่าวหาว่าเป็นปอบ จะถึงกับถูกขับไล่ให้ออกชุมชนเลยทีเดียว[2]

ปอบเป็นอวิชชาตามตำนานเล่าว่า ผีปอบ คือ ผีสายยักษ์ อยู่ในสายการปกครอง ของท้าวเวสวัณ ที่เข้าสิงร่างมนุษย์ ก็เพื่ออาศัยร่างมนุษย์กินอาหาร โดยเฉพาะอาหารสดคาว หรือ สัตว์เป็น ๆ เช่น ไปหักคอเป็ด ไก่ ในเล้ากิน หรืออาศัยร่าง เหมือนเป็นร่างทรง จะเข้าสิงร่างมนุษย์ที่มีวิบากกรรมทางนี้ คือ อดีตเคยนับถือผีเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกยามมีทุกข์ จนเป็นประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา มีจิตผูกพันกับผี และกรรมทำปาณาติบาต ฆ่าสัตว์เซ่นไหว้ผี บางทีก็ฆ่าสัตว์เล็ก เช่น เป็ด ไก่ บางทีก็ฆ่าสัตว์ใหญ่ เช่น วัว ควาย เป็นต้น[3]

ปอบหมาดำ เป็นผีตามความเชื่อของภาคเหนือและอีสาน เป็นหมาตัวใหญ่มีขนสีดำและมีดวงตาสีแดง มีนิสัยดุร้าย มักจะปรากฏตัวตามข้างถนน เชื่อว่าเป็นร่างแปลงของปอบหรือเป็นสัตว์ที่ปอบเลี้ยงไว้เพื่อหาอาหารในเวลากลางคืน หากหมาดำกินอิ่ม เจ้าของก็จะอิ่มไปด้วย เมื่อไรที่หมาดำเจ็บ เจ้าของก็จะเจ็บไปด้วย

การบันทึก

แก้

เรื่องราวเกี่ยวกับปอบ มีการบันทึกครั้งแรกในหนังสือ วชิรญาณ เป็นหนังสือชุดซึ่งพิมพ์ระหว่าง พ.ศ. 2427–2448 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยบันทึกของปอบตาพวง เกิดขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน ร.ศ. 111 หรือ พ.ศ. 2435 ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ใน วชิรญาณ เล่มที่แปด แผ่นที่สิบ ใช้ชื่อเรื่องว่า "อำนาจผีปอบ"[4]

วัฒนธรรมประชานิยม

แก้

ปอบ เป็นผีที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในสังคมไทย มีการนำไปอ้างอิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายประการ เช่น ภาพยนตร์ชุด บ้านผีปอบ[5] ในภาพยนตร์ ธี่หยด 2 มีเรื่องราวของปอบตาพวง[6]

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. [https://web.archive.org/web/20120812020043/http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-25-search.asp เก็บถาวร 2012-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ปอบ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542]
  2. ผีปอบ คำอธิบายของนักวิชาการในเชิง มานุษยวิทยา และ สังคมศาสตร์
  3. sanook.com
  4. "ปอบตาพวง มีจริงไหม เป็นใคร ไขข้อสงสัย กับ ตำนานความหลอนเมืองอุตรดิตถ์ เรื่องราวของ ปอบตาพวง ผีปอบตัวแรกที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย". คมชัดลึก.
  5. "ผีปอบ ขึ้นชั้น 'ภูตร้ายอมตะ'". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-05. สืบค้นเมื่อ 2011-07-21.
  6. "รู้จัก "ปอบตาพวง" ธี่หยด 2 ปอบตัวแรกที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ ตำนานแห่งอุตรดิตถ์". สนุก.คอม.