คนึง ฦาไชย
ศาสตราจารย์พิเศษ[1] คนึง ฦาไชย เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ศาสตราจารย์พิเศษ คนึง ฦาไชย ม.ป.ช., ม.ว.ม. | |
---|---|
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 – 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520 | |
นายกรัฐมนตรี | ธานินทร์ กรัยวิเชียร |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 13 มกราคม พ.ศ. 2467 (97 ปี) จังหวัดอุตรดิตถ์ |
คู่สมรส | สมบูรณ์ ฦาไชย |
ประวัติแก้ไข
คนึง ฦาไชย เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2467 ที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จบการศึกษาปริญญาตรีธรรมศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2489[2] และปริญญาด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์[3]
การทำงานแก้ไข
คนึง ฦาไชย ทำงานเป็นอัยการในกรมอัยการ กระทรวงมหาดไทย (ในขณะนั้น) ต่อมา ใน พ.ศ. 2516 ย้ายจากกรมอัยการเข้าทำงานในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ในระหว่างปี พ.ศ. 2515 จนถึง พ.ศ. 2516 ยังทำหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ[4] ต่อมาในปี พ.ศ. 2519 เมื่อ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาจึงได้รับเชิญให้มาทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย[5] จึงต้องลาออกจากราชการซึ่งในขณะนั้นกำลังดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
นอกจากนั้นเขายังทำหน้าที่สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา กระทั่งในปี พ.ศ. 2535 เขาจึงได้รับปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[2]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
- พ.ศ. 2535 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[3]
- พ.ศ. 2520 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[3]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2522/D/133/4.PDF
- ↑ 2.0 2.1 ศาสตราจารย์คนึง ฦาไชย - กฎหมายทันสมัย แก้ไขล่าสุด
- ↑ 3.0 3.1 3.2 ประวัติกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- ↑ พระบรมราชโองการ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญํติแห่งชาติ
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๑๗ ราย)