การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022
กระบวนการการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 เป็นกระบวนการซึ่งคัดเลือกสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ซึ่งเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 โดยมีสิบเอ็ดประเทศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ถึงประเทศหนึ่งที่ขอถอนตัวและอีกหนึ่งประเทศได้รับการปฏิเสธก่อนคณะผู้บริหารของฟีฟ่าจะลงคะแนนเสียงในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 สองประเทศในจำนวนนี้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 เท่านั้น ในขณะที่ประเทศที่เหลือเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานทั้งสองครั้งในช่วงแรก เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553 รัสเซียและกาตาร์ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ตามลำดับ
ตลอดการพิจารณา ประเทศนอกทวีปยุโรปทั้งหมดได้ถอนตัวจากการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ประเทศผู้เสนอตัวทวีปยุโรปทั้งหมดไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ณ เวลาของการตัดสินใจ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 ประกอบด้วยการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมของเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ อังกฤษ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมของโปรตุเกสและสเปน และรัสเซีย ในขณะที่ประเทศผู้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 มาจากออสเตรเลีย ญี่ปุ่น กาตาร์ เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของอินโดนีเซียได้รับการตัดสิทธิเนื่องจากขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ เม็กซิโกถอนตัวจากการเสนอตัวเนื่องจากปัญหาทางการเงิน
กระบวนการเสนอตัวยังเป็นประเด็นโต้เถียงกันรุนแรง เนื่องจากสมาชิกคณะผู้บริหารฟี่ฟ่าสองคนได้ถูกระงับสิทธิ์ลงคะแนนเสียงหลังจากมีข้อกล่าวหาว่ารับเงินเพื่อแลกกับคะแนนเสียง การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของอังกฤษและรัสเซียยังได้เป็นประเด็นโต้เถียงกันหลังจากมีการแสดงความไม่พอใจอย่างเป็นทางการในกฎของฟีฟ่าเกี่ยวกับการพูดคุยถึงผู้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพที่เป็นคู่แข่งกัน ถึงแม้ว่าข้อไม่พอใจดังกล่าวจะได้รับการถอนออกไปหลังจากรัสเซียออกมาแสดงความขอโทษ
เบื้องหลัง
แก้เดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ฟีฟ่าได้ยกเลิกนโยบายการเวียนเจ้าภาพฟุตบอลโลกตามทวีป โดยเปลี่ยนนโยบายเป็นว่า สมาชิกจากสมาพันธ์ของฟีฟ่าเดียวกันกับประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลกสองครั้งที่ผ่านมาถือว่าขาดคุณสมบัติ ดังนั้น ทวีปแอฟริกาจึงขาดคุณสมบัติเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และทวีปอเมริกาใต้ขาดคุณสมบัติที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกทั้ง 2018 และ 2022[1] ปัจจัยอื่นในกระบวนการเลือกเจ้าภาพ รวมไปถึงจำนวนสนามกีฬาที่เหมาะสม และตำแหน่งที่ตั้งตลอดประเทศผู้เสนอตัว การลงคะแนนเสียงกระทำหลายรอบโดยที่ประเทศที่ได้รับคะแนนเสียงน้อยที่สุดในแต่ละรอบจะถูกคัดออกจนกระทั่งเหลือประเทศผู้เสนอตัวเพียงประเทศเดียวที่มีคะแนนเสียงข้างมาก
นโยบายการเวียนเจ้าภาพฟุตบอลโลก
แก้หลังจากการเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 ฟีฟ่าได้ตัดสินใจออกนโยบายสำหรับกำหนดเจ้าภาพจัดการแข่งขันในอนาคต สมาพันธ์ฟุตบอลโลกทั้งหก ซึ่งมักมีขอบเขตครอบคลุมแต่ละทวีป จะผลัดเวียนกันเสนอให้ประเทศสมาชิกหนึ่งเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ระบบดังกล่าวถูกใช้เฉพาะในการเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2010 (แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ) และฟุตบอลโลก 2014 (บราซิลเป็นเจ้าภาพ) ซึ่งเปิดโอกาสให้เฉพาะสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งแอฟริกา (CAF) และสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (CONMEBOL) ตามลำดับ
เดือนกันยายน พ.ศ. 2550 ระบบการเวียนเจ้าภาพได้นำมาสู่การทบทวน และได้มีการเสนอระบบใหม่ซึ่งเสนอให้ประเทศจากสมาพันธ์ฟุตบอลที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกสองครั้งล่าสุด[2] ข้อเสนอดังกล่าวได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ในซือริช สวิตเซอร์แลนด์ โดยคณะผู้บริหารฟีฟ่า ภายใต้นโยบายดังกล่าว ประเทศที่มีคุณสมบัติจะต้องมาจากทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป หรือโอเชียเนีย โดยทวีปแอฟริกาและทวีปอเมริกาใต้ขาดคุณสมบัติ[3] เช่นเดียวกัน ไม่มีสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้สามารถเสนอเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ได้ และประเทศจากสมาพันธ์ฟุตบอลเดียวกับประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 จะไม่ได้รับการพิจารณาในการเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 เนื่องจากรัสเซียได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 ประเทศในทวีปยุโรปจึงขาดคุณสมบัติที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 เช่นเดียวกัน
อ้างอิง
แก้- ↑ "Fifa abandons World Cup rotation". BBC News Online. 29 October 2007. สืบค้นเมื่อ 29 October 2007.
- ↑ "New rotation proposal". BBC Sport. 25 September 2007. สืบค้นเมื่อ 22 October 2007.
- ↑ Hall, Matthew (18 September 2005). "Australia can host World Cup". Sydney Morning Herald. สืบค้นเมื่อ 22 October 2007.