กบฏจงโฮย
กบฏจงโฮย (จีน: 鍾會之亂) เป็นการก่อกบฏในเดือนมีนาคม ค.ศ. 264 นำโดยจงโฮยขุนพลของรัฐวุยก๊ก เพื่อต่อต้านสุมาเจียวผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งวุยก๊ก จงโฮยได้รับการสนับสนุนจาก เกียงอุยขุนพลจากอดีตรัฐจ๊กก๊กซึ่งถูกพิชิตโดยทัพวุยก๊กก่อนการที่การก่อกบฏจะเริ่มต้นขึ้น จงโฮยในฐานะแม่ทัพคนหนึ่งของวุยก๊กในการพิชิตจ๊กก๊กโดยวุยก๊กเห็นว่าตนเองมีความสามารถเพียงพอที่จะเอาชนะราชสำนักวุยก๊กและก่อตั้งรัฐของตนเองในอาณาเขตของจ๊กก๊กที่เพิ่งถูกพิชิต และมีความปรารถนาในการจะตั้งอาณาจักรของตนในเขตแดนของจ๊กก๊ก[1] การก่อกบฏสิ้นสุดลงเมื่อข้าราชการและทหารของวุยก๊กบางส่วนที่ไม่เต็มใจเข้าร่วมกับจงโฮยเริ่มก่อการกำเริบเพื่อต่อต้านจงโฮย แล้วสังหารทั้งจงโฮยและเกียงอุยในที่สุด
กบฏจงโฮย | ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามในยุคสามก๊ก | ||||||||
| ||||||||
คู่สงคราม | ||||||||
จงโฮย | วุยก๊ก | กำลังทหารใต้บังคับบัญชาของจงโฮยที่ก่อการกำเริบ | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | ||||||||
จงโฮย † เกียงอุย † |
สุมาเจียว กาอุ้น เตงงาย ![]() เตงต๋ง ![]() |
อุยก๋วน เฮาเหลก เฮาเกียน คูเกี๋ยน |
ภูมิหลัง
แก้ในตอนแรก เมื่อสุมาเจียวต้องการมอบหมายให้จงโฮยเป็นผู้นำทัพวุยก๊กในการพิชิตจ๊กก๊ก เซียวค้าเตือนสุมาเจียวว่าจงโฮยอาจก่อกบฏต่อวุยก๊กเพราะจงโฮยบัญชาการทหารหลายพันนาย เป็นโสด และไม่มีครอบครัวต้องห่วงพะวง สุมาเจียวหัวเราะและกล่าวว่าตนเข้าใจความกังวลของเซียวค้าเป็นอย่างดี แต่ก็เลือกที่จะตั้งให้จงโฮยนำทัพวุยก๊กเพราะตนเชื่อในความสามารถของจงโฮยที่จะพิชิตจ๊กก๊ก สุมาเจียวยังคาดการณ์ว่าแม้ว่าจงโฮยจะก่อกบฏแต่ก็จะกระทำไม่สำเร็จด้วยเหตุผล 2 ประการ ประการแรก ผู้คนในจ๊กก๊กจะหวาดกลัวหลังเห็นรัฐของพวกตนถูกพิชิต ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจช่วยจงโฮย ประการที่สอง ทัพวุยก๊กจะต้องเหนื่อยล้าหลังการศึกและต้องการกลับบ้าน ดังนั้นทหารเหล่านี้จะไม่สนับสนุนการก่อกบฏของจงโฮย[2]
ทั้งเตงงายและจงโฮยมีส่วนร่วมในการพิชิตจ๊กก๊กในปี ค.ศ. 263 โดยต่างก็แข่งขันกันเองในการยกพลบุกจ๊กก๊ก จงโฮยต้องการบุกผ่านเกียมโก๊ะ (劍閣 เจี้ยนเก๋อ) ส่วนเตงงายเลือกที่เคลื่อนพลผ่านอิมเป๋ง (陰平 อินผิง) เกียงอุยซึ่งตกใจต่อการโจมตีจากทางตะวันออกของจงโฮยจึงนำกำลังพลทั้งหมดจากอิมเป๋งไปต้านทานการรุกคืบของจงโฮย เป็นผลทำให้การรุกคืบของเตงงายผ่านอิมเป๋งเป็นไปโดยสะดวกจนสามารถมาถึงเซงโต๋ (成都 เฉิงตู) อย่างรวดเร็วและเรียกร้องให้เล่าเสี้ยนยอมจำนน
ในช่วงการยึดครองอาณาเขตของจ๊กก๊กในเวลาต่อมา เตงงายเริ่มออกคำสั่งในเซงโต๋อย่างเผด็จการ ในขณะที่จงโฮยก็เริ่มแสดงสัญญาณของความอหังการ เชื่อว่าตนไม่อาจรับใช้ภายใต้คนอื่นได้อีกต่อไป[1] ด้านเกียงอุยลอบติดต่อกับเล่าเสี้ยน วางแผนจะลวงให้จงโฮยก่อกบฏทำให้กำลังพลของวุยก๊กอ่อนแอลง ก่อนจะดำเนินการสังหารจงโฮยและยึดอำนาจบัญชากำลังพล ขณะเดียวกันก็จะประกาศการตั้งตนเป็นอิสระของจ๊กก๊กอีกครั้ง
การเตรียมการ
แก้การดำเนินการลำดับแรกของจงโฮยคือการปลอมแปลงจดหมายเพื่อพิสูจน์แผนของเตงงายที่จะตั้งใจจะก่อกบฏ เพื่อก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่างสุมาเจียวและเตงงาย เสริมด้วยความเย่อหยิ่งของเตงงายที่เพิ่มมากขึ้นในจดหมายโต้ตอบกับสุมาเจียว จงโฮยนั้นมีทักษะในการปลอมลายมือ จึงลอบสกัดและแก้ไขรายงานจากเตงงายที่ส่งไปยังราชสำนักวุยก๊กเพื่อแสดงออกถึงความเย่อหยิ่งของเตงงาย ขณะเดียวกันจงโฮยก็ส่งรายงานของตนเองเพื่อแสดงความสงสัยต่อตัวเตงงาย จงโฮยยังทำลายจดหมายจากสุมาเจียวที่ส่งถึงเตงงายเพื่อทำให้เตงงายเหินห่างกับสุมาเจียวอีกด้วย[3]
ต้นปี ค.ศ. 264 สุมาเจียวออกพระราชโองการแต่งตั้งให้จงโฮยเป็นเสนาบดีมหาไทย (司徒 ซือถู) และสั่งให้จงโฮยจับกุมเตงงายเพื่อส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ลกเอี๋ยง (洛陽 ลั่วหยาง) นครหลวงของวุยก๊ก จงโฮยจึงมีคำสั่งให้อุยก๋วน (衛瓘 เว่ย์ กว้าน) ไปจับกุมเตงงายและเตงต๋งบุตรชาย จงโฮยหวังว่าอุยก๋วนจะถูกสังหารขณะพยายามจับกุมเตงงาย ซึ่งจะช่วยทำให้ข้อกล่าวหาต่อเตงงายดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น แต่อุยก๋วนสามารถจับกุมเตงงายได้สำเร็จในเวลากลางคืนโดยเตงงายไม่ทันตั้งตัวหลังจากที่กำลังทหารของเตงงายอมวางอาวุธเพื่อเคารพต่อคำสั่งของสุมาเจียว หลังจากนั้นเตงงายจึงถูกจับใส่รถนักโทษ[4]
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สุมาเจียวได้นำทัพด้วยตนเองพร้อมกับกาอุ้นออกจากลกเอี๋ยงมุ่งมาเซงโต๋ ในขณะที่สุมาเจียวนำกำลังทหารไปประจำการที่เตียงอั๋น (長安 ฉางอาน) เซียวค้าบอกกับสุมาเจียวว่าไม่จำเป็นที่สุมาเจียวต้องไปเตียงอั๋นเพราะจงโฮยมีความสามารถที่จะจับกุมเตงงายด้วยตนเองเนื่องจากจงโฮยมีกำลังพลมากกว่าเตงงาย 5-6 เท่า สุมาเจียวตอบว่า "ท่านลืมที่พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วหรือ เหตุใดท่านจึงบอกข้าไม่ให้ไป (เตียงอั๋น) เล่า โปรดเก็บเรื่องที่เราพูดกันนี้ไว้เป็นความลับเถิด ข้าปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความไว้วางใจและความเคารพ ตราบใดที่พวกเขายังคงภักดีต่อข้า ข้าก็จะไม่สงสัยพวกเขา เมื่อเร็ว ๆ นี้กาอุ้นบอกข้าว่า 'ท่านสงสัยจงโฮยหรือไม่' ข้าตอบว่า 'หากข้าส่งท่านไปปฏิบัติภารกิจในวันนี้ ท่านจะคิดว่าข้ากำลังสงสัยท่านหรือไม่' เขาตอบข้าไม่ได้ ทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อข้าไปถึงเตียงอั๋น"[5]
จงโฮยขึ้นมารักษาการแม่ทัพแห่งทัพวุยก๊กในอาณาเขตของอดีตจ๊กก๊กในทันที เวลานั้นความอหังการของจงโฮยขึ้นมาถึงจุดสูงสุด จงโฮยได้ร่างแผนในการยึดลกเอี๋ยงไว้ตามลำดับดังนี้:
- เกียงอุยจะนำทัพหน้าออกจากหุบเขาเสียดก๊ก (斜谷 เสียกู่) เพื่อโจมตีนครเตียงอั๋น จงโฮยจะนำทัพหลักตามมาสนับสนุน
- หลังยึดได้เตียงอั๋น จะแบ่งทัพออกเป็น 2 กองคือกองทหารราบและกองทหารม้า กองทหารราบจะล่องเรือไปตามแม่น้ำอุยโห (渭河 เว่ย์เหอ) และแม่น้ำฮองโห (黃河 หฺวางเหอ) ไปยังท่าข้ามเมิ่งจิน (孟津) ใกล้กับลกเอี๋ยง ส่วนกองทหารม้าจะยกมุ่งตรงไปทางลกเอี๋ยงทางบก จงโฮยประมาณการว่าการยกพลจะใช้เวลา 5 วัน
- กองทหารราบและกองทหารม้าจะสมทบกันนอกลกเอี๋ยงและเข้าโจมตีนครลกเอี๋ยงด้วยกัน[6]
การก่อกบฏ
แก้จงโฮยได้รับจดหมายจากสุมาเจียวความว่า "ข้าเกรงว่าเตงงายอาจไม่ยอมถูกจับกุม ข้าจึงสั่งให้กาอุ้นนำทหารราบและทหารม้า 10,000 นายเข้าหุบเขาเสียดก๊กและประจำการอยู่ที่ก๊กเสีย (樂城 เล่อเฉิง) ข้าจะนำพล 100,000 นายไปประจำการอยู่ที่เตียงอั๋น เราจะได้พบกันในไม่ช้านี้" หลังจากอ่านจดหมาย จงโฮยก็ตกตะลึงและบอกผู้ช่วยคนสนิทว่า "เมื่อนายท่านนั้นสั่งให้ข้าจับกุมเตงงาย ก็ทราบดีว่าข้าสามารถจะทำภารกิจได้สำเร็จโดยลำพังตน แต่บัดนี้นายท่านนำกำลังพลมาที่นี่ก็คงกำลังสงสัยข้าเป็นแน่ เราควรกระทำการอย่างรวดเร็ว หากทำสำเร็จแล้วแผ่นดินก็จะเป็นของเรา แต่หากล้มเหลว เราสามารถถอยกลับไปที่จ๊กฮั่น และทำอย่างที่เล่าปี่เคยทำมาก่อน เป็นที่รู้กันดีว่าแผนการของข้าไม่เคยล้มเหลวเลยนับแต่ครั้งที่มีกบฏในฉิวฉุน ข้าจะพอใจกับเกียรติเพียงเท่านี้ได้อย่างไร"[7] จากการได้ยินข่าวนี้ จงโฮยจึงประกาศอย่างเปิดเผยที่จะก่อกบฏโดยประกาศกับเหล่าคนสนิทอย่างเช่นเกียงอุยที่เวลานั้นเป็นหัวหน้าขุนพลของจงโฮย
จงโฮยมาถึงเซงโต๋ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 264 วันรุ่งขึ้น จงโฮยเรียกข้าราชการระดับสูงและอดีตข้าราชการของจ๊กก๊กทุกคนมาที่ราชสำนักจ๊กก๊กเดิม อ้างว่าเพื่อจัดพิธีรำลึกถึงกวยทายเฮาที่เพิ่งสิ้นพระชนม์ ในระหว่างพิธี จงโฮยแสดงพระราชเสาวนีย์ที่อ้างว่ากวยทายเฮาทรงออกก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ ในพระราชเสาวนีย์ระบุว่ากวยทายเฮาต้องการให้ผู้จงภักดีต่อวุยก๊กทุกคนลุกขึ้นต่อต้านสุมาเจียวและโค่นสุมาเจียวจากอำนาจ จงโฮยขอความคิดเห็นจากเหล่าข้าราชการ บอกให้ลงนามหากเห็นด้วยที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ก่อนสิ้นพระชนม์ของกวยทายเฮา จากนั้นจึงสั่งให้ผู้ช่วยคนสนิทเข้าบัญชาการหน่วยทหารต่าง ๆ แล้วจึงสั่งให้กักบริเวณข้าราชการทั้งหมดในสำนักต่าง ๆ และปิดประตูแต่ละสำนัก รวมถึงสั่งให้ปิดประตูเมืองและวางกำลังเวรยามอย่างแน่นหนา[8]
คูเกี๋ยน (丘建 ชิว เจี้ยน) นายทหารใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของจงโฮยเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเฮาเหลก (胡烈 หู เลี่ย) เฮาเหลกแนะนำคูเกี๋ยนให้กับสุมาเจียว จงโฮยชื่นชมและนับถือคูเกี๋ยนอย่างสูงและขอให้ย้ายคูเกี๋ยนมาอยู่ในสังกัดของตน คูเกี๋ยนเห็นใจเฮาเหลกที่ถูกกักบริเวณเพียงลำพังในห้อง จึงไปหาจงโฮยและกล่าวว่าข้าราชการที่ถูกกักบริเวณแต่ละคนควรมีข้ารับใช้ไว้ดูแลอำนวยความสะดวก จงโฮยเห็นด้วย เฮาเหลกลวงข้ารับใช้ของตนและเขียนจดหมายไปถึงเหล่าบุตรชาย ในจดหมายกล่าวว่าตนได้ยินมาจากคูเกี๋ยนว่าจงโฮยกำลังวางแผนจะกวาดล้างข้าราชการที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดของตนโดยการลวงให้มาติดกับและสังหาร ข่าวลือแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเหมือนไฟป่าในหมู่ข้าราชการที่ถูกกักบริเวณ เมื่อคนของจงโฮยได้ข่าวเกี่ยวกับข่าวลือนี้ ก็เสนอให้จงโฮยประหารชีวิตข้าราชการทุกคนที่มียศตั้งแต่แม่ทัพทหารม้ารักษาค่ายใหญ่ (牙門騎督 หยาเหมินฉีตู) ขึ้นไป และควบรวมกำลังทหารของเตงงายมาร่วมในทัพกบฏ เกียงอุยสนับสนุนข้อเสนอนี้อย่างแข็งขัน ซึ่งเกียงอุยนั้นมีความคิดซ่อนเร้นว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ทัพของวุยก๊กอ่อนแอลงเพื่อจะนำไปสู่การฟื้นฟูรัฐจ๊กก๊กขึ้นใหม่ จงโฮยเห็นด้วยกับข้อเสนอของเหล่าคนสนิทแม้จะไม่มั่นใจนัก[9]
ความล่มจม
แก้เวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 264 เหล่าบุตรชายของเฮาเหลกและผู้ใต้บังคับบัญชาเริ่มตีกลอง เหล่าทหารก็ทำตาม จากนั้นเหล่าทหารก็ยกไปยังประตูเมืองอย่างไม่เป็นระเบียบเพราะไม่มีคนนำ อุยก๋วนและคูเกี๋ยนเข้าร่วมในการก่อการกำเริบต่อต้านจงโฮย ในเวลานั้นเกียงอุยกำลังรวบรวมชุดเกราะและอาวุธจากจงโฮย ขณะนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงโห่ร้องและได้รับข่าวว่าเกิดเพลิงไหม้ ต่อมาไม่นานก็มีรายงานว่าทหารจำนวนมากมารวมตัวที่หน้าประตูเมือง จงโฮยประหลาดใจจึงถามเกียงอุยว่า "คนพวกนั้นก่อปัญหาขึ้นแล้ว เราควรทำอย่างไรดี" เกียงอุยตอบว่า "ฆ่าพวกเขาเสีย" จงโฮยจึงสั่งให้ทหารสังหารข้าราชการที่ยังถูกกักบริเวณในแต่ละสำนัก ข้าราชการบางคนนำเครื่องเรือนมาขัดประตูไว้ ทหารของจงโฮยกระแทกประตูแต่ไม่สามารถเปิดได้ ไม่นานหลังนั้น มีรายงานว่ามีคนใช้บันได้ปีนข้ามประตูเมืองและมีคนจุดไฟเผาอาคารต่าง ๆ เกิดความโกลาหลและลูกเกาทัณฑ์ถูกยิงออกไปทุกทิศทาง ข้าราชการที่ถูกกักบริเวณหลบหนีจากการถูกจองจำได้แล้วรวมกลุ่มกับทหารของตนเข้าโจมตีจงโฮยและเกียงอุย จงโฮยและเกียงอุยต่อสู้กับทหารที่ก่อการกำเริบ สังหารได้ 5 หรือ 6 คน แต่ในที่สุดทั้งสองก็ถูกทหารรุมสังหาร จงโฮยเสียชีวิตขณะอายุ 40 ปี (ตามการนับอายุแบบเอเชียตะวันออก) มีคนเสียชีวิตหลายร้อยคนในการก่อการกำเริบครั้งนั้น[10]
ในช่วเวลาที่สุมาเจียวมาถึงเตียงอั๋น จงโฮยก็ถูกสังหารในระหว่างการก่อการกำเริบไปแล้ว ซึ่งตรงกับที่สุมาเจียวได้คาดการณ์ไว้[11] อุยก๋วนซึ่งได้เข้าควบคุมกำลังทหารของจงโฮยได้สั่งประหารชีวิตเตงงายและเตงต๋งในเวลาต่อมา เพราะอุยก๋วนกลัวว่าเตงงายจะหาทางแก้แค้นตนในเรื่องที่มีส่วนในการจับกุม หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ อุยก๋วกลับมารับราชการกับสุมาเจียวและในที่สุดก็ได้รับใช้สุมาเอี๋ยนบุตรชายของสุมาเจียว แล้วได้รับราชการกับราชวงศ์จิ้นที่สุมาเอี๋ยนก่อตั้งขึ้นในภายหลัง
ในวัฒนธรรมประชานิยม
แก้การก่อกบฏของจงโฮยปรากฏในตอนที่ 19 ของนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก (ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) โดยล่อกวนตง เกร็ดประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่ถูกนำมาเล่าในนวนิยายที่เกี่ยวกับการก่อกบฏคือเรื่องที่เกียงอุยถูกสังหาร ศพของเกียงอุยถูกผ่าจนเห็นถุงน้ำดี (ในวัฒนธรรมจีนโบราณถือกันว่าถุงน้ำดีเป็นแหล่งของความกล้าหาญ) ซึ่งขยายจนมีขนาดใหญ่มาก แสดงถึงความเขลาอย่างบุ่มบ่าม บรรยายด้วยวลีที่ปัจจุบันใช้เป็นสุภาษิตว่า "ถุงน้ำดีใหญ่โต่วหนึ่ง" (膽大如斗 ต่านต้าหรูโต่ว)[a] กล่าวกันว่าถุงน้ำดีของเกียงอุยถูกฝังแยกกับร่างกาย และมีหลุมศพที่อ้างกันว่าเป็นที่ฝังถุงน้ำดี[12]
หมายเหตุ
แก้- ↑ โต่ว (斗) เป็นหน่วยวัดปริมาตรแบบดั้งเดิม 1 โต่ว มีค่าประมาณ 10 ลูกบาศก์เดซิเมตร
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 Alan Kam-Leung Chan, National University of Singapore. http://www.iep.utm.edu/zhonghui/#H1
- ↑ (初,文王欲遣會伐蜀,西曹屬邵悌求見曰:「今遣鍾會率十餘萬衆伐蜀,愚謂會單身無重任,不若使餘人行。」文王笑曰:「我寧當復不知此耶?蜀為天下作患,使民不得安息,我今伐之如指掌耳,而衆人皆言蜀不可伐。夫人心豫怯則智勇並竭,智勇並竭而彊使之,適為敵禽耳。惟鍾會與人意同,今遣會伐蜀,必可滅蜀。滅蜀之後,就如卿所慮,當何所能一辦耶?凡敗軍之將不可以語勇,亡國之大夫不可與圖存,心膽以破故也。若蜀以破,遺民震恐,不足與圖事;中國將士各自思歸,不肯與同也。若作惡,祗自滅族耳。卿不須憂此,慎莫使人聞也。」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (世語曰:會善效人書,於劒閣要艾章表白事,皆易其言,令辭指悖傲,多自矜伐。又毀文王報書,手作以疑之也。) อรรถาธิบายจื่กชื่อ-ยฺหวี่ในสามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (會內有異志,因鄧艾承制專事,密白艾有反狀,於是詔書檻車徵艾。司馬文王懼艾或不從命,勑會並進軍成都,監軍衞瓘在會前行,以文王手筆令宣喻艾軍,艾軍皆釋仗,遂收艾入檻車。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (及會白鄧艾不軌,文王將西,悌復曰:「鍾會所統,五六倍於鄧艾,但可勑會取艾,不足自行。」文王曰:「卿忘前時所言邪,而更云可不須行乎?雖爾,此言不可宣也。我要自當以信義待人,但人不當負我,我豈可先人生心哉!近日賈護軍問我,言:『頗疑鍾會不?』我荅言:『如今遣卿行,寧可復疑卿邪?』賈亦無以易我語也。我到長安,則自了矣。」軍至長安,會果已死,咸如所策。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (會所憚惟艾,艾旣禽而會尋至,獨統大衆,威震西土。自謂功名蓋世,不可復為人下,加猛將銳卒皆在己手,遂謀反。欲使姜維等皆將蜀兵出斜谷,會自將大衆隨其後。旣至長安,令騎士從陸道,步兵從水道順流浮渭入河,以為五日可到孟津,與騎會洛陽,一旦天下可定也。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (會得文王書云:「恐鄧艾或不就徵,今遣中護軍賈充將步騎萬人徑入斜谷,屯樂城,吾自將十萬屯長安,相見在近。」會得書,驚呼所親語之曰:「但取鄧艾,相國知我能獨辦之;今來大重,必覺我異矣,便當速發。事成,可得天下;不成,退保蜀漢,不失作劉備也。我自淮南以來,畫無遣策,四海所共知也。我欲持此安歸乎!」) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (會以五年正月十五日至,其明日,悉請護軍、郡守、牙門騎督以上及蜀之故官,為太后發喪於蜀朝堂。矯太后遺詔,使會起兵廢文王,皆班示坐上人,使下議訖,書版署置,更使所親信代領諸軍。所請群官,悉閉著益州諸曹屋中,城門宮門皆閉,嚴兵圍守。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (會帳下督丘建本屬胡烈,烈薦之文王,會請以自隨,任愛之。建愍烈獨坐,啟會,使聽內一親兵出取飲食,諸牙門隨例各內一人。烈紿語親兵及疏與其子曰:「丘建密說消息,會已作大坑,白棓數千,欲悉呼外兵入,人賜白㡊,拜為散將,以次棓殺坑中。」諸牙門親兵亦咸說此語,一夜傳相告,皆徧。或謂會:「可盡殺牙門騎督以上。」會猶豫未決。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (十八日日中,烈軍兵與烈兒雷鼓出門,諸軍兵不期皆鼓譟出,曾無督促之者,而爭先赴城。時方給與姜維鎧杖,白外有匈匈聲,似失火,有頃,白兵走向城。會驚,謂維曰:「兵來似欲作惡,當云何?」維曰:「但當擊之耳。」會遣兵悉殺所閉諸牙門郡守,內人共舉机以柱門,兵斫門,不能破。斯須,門外倚梯登城,或燒城屋,蟻附亂進,矢下如雨,牙門、郡守各緣屋出,與其卒兵相得。姜維率會左右戰,手殺五六人,衆旣格斬維,爭赴殺會。會時年四十,將士死者數百人。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ (及會白鄧艾不軌,文王將西,悌復曰:「鍾會所統,五六倍於鄧艾,但可勑會取艾,不足自行。」文王曰:「卿忘前時所言邪,而更云可不須行乎?雖爾,此言不可宣也。我要自當以信義待人,但人不當負我,我豈可先人生心哉!近日賈護軍問我,言:『頗疑鍾會不?』我荅言:『如今遣卿行,寧可復疑卿邪?』賈亦無以易我語也。我到長安,則自了矣。」軍至長安,會果已死,咸如所策。) สามก๊กจี่ เล่มที่ 28.
- ↑ China History Forum thread, "Three Kingdoms tombs". http://www.chinahistoryforum.com/index.php?/topic/3330-three-kingdoms-tombs/
บรรณานุกรม
แก้- ตันซิ่ว. สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ) เล่มที่ 28, 44.
- เผย์ ซงจือ. อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).
- ล่อกวนตง. สามก๊ก (ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) ตอนที่ 118-119.
- de Crespigny, Rafe. The Three Kingdoms and Western Jin; a history of China in the Third Century AD (2003).