แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต

แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต (อังกฤษ: Harry Potter and the Deathly Hallows) เป็นนวนิยายแนวแฟนตาซี เขียนโดยนักเขียนชาวอังกฤษ เจ. เค. โรว์ลิ่ง เป็นหนังสือเล่มที่เจ็ดและเป็นเล่มสุดท้ายในนวนิยายชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 เป็นการปิดฉากชุดนวนิยายซึ่งเริ่มต้นเมื่อ ค.ศ. 1997 จากการตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ในประเทศอังกฤษตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บลูมสบิวรี่ ประเทศอเมริกาตีพิมพ์โดยสกอลาสติก และในประเทศไทยตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ (ออกจำหน่ายวันที่ 7 ธันวาคมพ.ศ. 2550[1]) ดำเนินเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ใน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม ไปจนถึงการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายระหว่างสองพ่อมด แฮร์รี่ พอตเตอร์ และลอร์ดโวลเดอมอร์

แฮร์รี่ พอตเตอร์
กับเครื่องรางยมทูต  
ผู้ประพันธ์เจ. เค. โรว์ลิ่ง
ชื่อเรื่องต้นฉบับHarry Potter and the Deathly Hallows
ผู้แปลสุมาลี บำรุงสุข
ผู้วาดภาพประกอบสหรัฐ แมรี กรองด์เปร
ศิลปินปกสหราชอาณาจักร เจสัน คุกครอฟ
สหรัฐ แมรี กรองด์เปร
ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
สำนักพิมพ์สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์
วันที่พิมพ์7 ธันวาคม พ.ศ. 2550
พิมพ์ในภาษาอังกฤษ
21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
หน้าสหราชอาณาจักร 607 หน้า
สหรัฐ 759 หน้า
ไทย 697 หน้า
เรื่องก่อนหน้าแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเจ้าชายเลือดผสม 
หน้าปกหนังสือ ฉบับสำนักพิมพ์บลูมสบิวรี ปกอังกฤษ(ครึ่ง)
หน้าปกหนังสือ ฉบับอเมริกา

ชื่อของหนังสือนั้นประกาศบนเว็บไซต์ของโรว์ลิ่งในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2549 และหลังจากนั้นบนเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์[2] โรว์ลิ่งได้กล่าวว่าภาคนี้ ซึ่งถือเป็นภาคสุดท้าย มีความเกี่ยวพันกับภาคที่ผ่านมาสูงมาก "ราวกับว่าเป็นครึ่งหลังของนิยายเล่มเดียวกัน"[3]

ก่อนหนังสือจะออก มีการคาดเดาเกี่ยวกับความหมายของชื่อ Deathly Hallows ผู้แต่งได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า "การอธิบายความหมายของ Hallows จะเผยเนื้อเรื่องมากเกินไป" และปฏิเสธที่จะตอบคำถาม[4] ก่อนการประกาศชื่อเรื่อง โรว์ลิ่งเคยแถลงว่ามีชื่อเรื่องที่คิดไว้สามชื่อ คือ Harry Potter and the Deathly Hallows,Harry Potter and the Peverell Quest และ Harry Potter and the Elder Wand[5][6]

ฉบับภาษาไทย แก้

ได้มีการประกาศชื่อของหนังสือฉบับภาษาไทยของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 7 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550 โดย น.ส.คิม จงสถิตย์วัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ แถลงเปิดตัวชื่อภาษาไทยหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 (อวสาน) มีชื่อตอนว่า "แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต" ซึ่งได้รับการอนุมัติรูปแบบตัวอักษรหน้าปก ฉบับภาษาไทยจากสำนักพิมพ์เจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ได้จัดงานเปิดตัวหนังสือฉบับภาษาไทยและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เวลา 24.00 น. ณ อุทยานเบญจสิริ ถ.สุขุมวิท[ต้องการอ้างอิง]

เรื่องย่อ แก้

เรื่องเริ่มต้นที่บ้านของลูเซียส มัลฟอย โดยลอร์ดโวลเดอมอร์ และสมุนจำนวนหนึ่ง วางแผนการเกี่ยวกับการย้ายออกจากบ้านเดอร์สลี่ย์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงชื่อแยกซ์ลีย์ ระบุว่าแฮร์รี่จะย้ายออกในวันคล้ายวันเกิด ในขณะที่สเนประบุว่าแฮร์รี่จะย้ายออกก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ โวลเดอมอร์ยืมไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอย จากการที่ไม้กายสิทธิ์ของเขาเองใช้ไม่ได้ผลกับแฮร์รี่

ภาคีนกฟีนิกซ์ส่งพ่อมดมาคุ้มครองครอบครัวเดอร์สลีย์ ในขณะที่กองกำลังอีกส่วนหนึ่งมาพาตัวแฮร์รี่ออกไป โดยวางแผนให้คนอีกหกคนเป็นนกต่อ ใช้น้ำยาสรรพรสแปลงตัวเป็นแฮร์รี่กระจายไปยังที่ซ่อนต่างๆกัน แต่แฮร์รี่ยังคงถูกสมุนโวลเดอมอร์ระบุตัวได้จากการใช้คาถาปลดอาวุธที่เขาใช้กับผู้เสพความตายซึ่งถูกคาถาสกดใจ อย่างไรก็ตาม ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ยังคงชนะไม้ที่ยืมมาของโวลเดอมอร์ แฮร์รี่ไปถึงบ้านโพรงกระต่ายอย่างปลอดภัย แต่เฮ็ดวิกต้องตายจากการปะทะกัน และพบว่าจอร์จ วีสลีย์เสียหูไปข้างหนึ่งด้วยคาถาของสเนป และอลาสเตอร์ มูดดี้ถูกโวลเดอมอร์ฆ่า

สองสามวันต่อมา รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์มาที่บ้านโพรงกระต่าย เพื่อนำของตามพินัยกรรมของดัมเบิลดอร์มาให้แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ รอนได้รับ "ดีลูมิเนเตอร์" หรือ "ที่ดับไฟ" ของดัมเบิลดอร์ เฮอร์ไมโอนี่ได้รับหนังสือ "นิทานของบีเดิลยอดกวี"เป็นภาษารูนโบราณ ส่วนแฮร์รี่ได้รับลูกสนิชลูกแรกที่แฮร์รี่จับได้ และดาบของกริฟฟินดอร์ อย่างไรก็ตามกระทรวงไม่ได้ให้ดาบแก่แฮรี่เพราะกระทรวงไม่รู้ว่าดาบอยู่ที่ไหน

ในระหว่างงานแต่งงานของบิล วีสลีย์ และเฟลอร์ เดอลากูร์ มีข่าวมาว่าโวลเดอมอร์ได้เข้าควบคุมกระทรวงเวทมนตร์เป็นผลสำเร็จ และผู้เสพความตายได้เข้าโจมตีอีกครั้ง แฮร์รี่และเพื่อนทั้งสองหายตัวหนีไปยังบาร์ของมักเกิ้ลแห่งหนึ่ง แต่ก็ถูกตามพบอย่างง่ายดาย เพราะโวลเดอร์มอร์ได้ใช้ชื่อตัวเองเป็นคำต้องห้าม อย่างไรก็ตาม ทั้งสามหนีรอดไปได้อีก จากนั้นจึงหนีไปยังบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ซึ่งได้ค้นพบว่า ร.อ.บ. คือเรกูลัส แบล็ก น้องของซิเรียสจากการสอบถามเอลฟประจำบ้านครีเชอร์และล็อกเก็ตของจริงซึ่งแฮร์รี่ตามหานั้น ไปตกอยู่ในความครอบครองของโดโลเรส อัมบริดจ์ได้มาจากการขายของมันดังกัส

กลุ่มของแฮร์รี่สามารถบุกเข้าไปในกระทรวง และนำล็อกเก็ตมาได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ที่ซ่อนที่กริมโมลด์เพลซถูกค้นพบ ทั้งสามจึงต้องเร่ร่อนตามชนบทโดยเปลี่ยนที่พักแรมไปเรื่อยๆ และต่อมาได้ทราบโดยบังเอิญว่าดาบกริฟฟินดอร์ที่เคยเห็นเป็นดาบปลอมทำเลียนแบบ ส่วนดาบจริงนั้นหายไป ระหว่างนั้น รอนได้ทะเลาะกับแฮร์รี่ และแยกตัวจากไป แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ไปยังก็อดดริกฮอลโล่ เพื่อตามหาดาบ แต่กลับถูกนากินี งูของโวลเดอมอร์ทำร้าย และไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่เสียหายโดยไม่อาจซ่อมได้ หลังจากนั้นไม่นาน มีผู้พิทักษ์รูปกวางตัวเมียปรากฏตัวบริเวณค่ายพักที่แฮร์รี่อยู่ และกวางได้นำแฮร์รี่ไปพบดาบกริฟฟินดอร์ซึ่งซ่อนอยู่ในบึงน้ำแข็ง รอนกลับมาช่วยแฮร์รี่ในการนำดาบขึ้นมา และทำลายล็อกเก็ตซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์อันแรก ทั้งสามไปยังบ้านของครอบครัวเลิฟกู๊ด และได้รู้เรื่อง "เครื่องรางยมทูต" สามอย่าง ได้แก่ ไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากไม้เอลเดอร์ ซึ่งทำให้ชนะการต่อสู้ หินชุบวิญญาณ ที่สามารถเรียกคนตายกลับมา และผ้าคลุมล่องหนที่ไม่เสื่อมตามกาลเวลา อย่างไรก็ตาม พ่อของลูน่าแจ้งกระทรวงเรื่องแฮร์รี่ โดยหวังแลกกับลูน่าที่ถูกจับไปก่อนหน้า พวกของแฮร์รี่หนีรอดได้อีกครั้ง

พวกของแฮร์รี่ถูกนักล่าค่าหัวจับได้ หลังจากแฮร์รี่เผลอเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์ เพราะมีการเสกคาถาให้เป็นคำต้องห้ามและบุคคลที่พูดคำนี้จะถูกระบุตัวได้ทันที พวกนักล่านำแฮร์รี่และเพื่อน รวมทั้งดีน โทมัส และก็อบลินชื่อกริ๊บฮุกที่ถูกจับอยู่ด้วยไปยังบ้านมัลฟอย ที่นั้น พวกเขาได้พบกับโอลิแวนเดอร์ ช่างทำไม้กายสิทธิ์ และลูน่า เลิฟกู๊ด ทั้งหมดหนีไปได้ด้วยความช่วยเหลือของน้องชายดัมเบอร์ดอร์ซึ่งได้กระจกอีส่วนของซีเรียส แบล็กไปจึงได้เรียกด็อบบี้ เอลฟ์ที่เคยอยู่กับมัลฟอย แต่ดอบบี้ถูกเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ฆ่าตาย พวกเขาหนีไปอยู่ที่บ้านของบิลและเฟลอร์

ทั้งสามบุกเข้าไปในธนาคารกริงกอตส์ด้วยความช่วยเหลือของก็อบลิน และขโมยถ้วยฮัฟเฟิลพัฟออกมาจากห้องนิรภัยของเลสแตรงจ์โดยได้ขโมยมังกรออกมา โวลเดอมอร์ทราบข่าวการขโมยนี้ จึงทราบในที่สุดว่าพวกแฮร์รี่กำลังตามหาฮอร์ครักซ์ แฮร์รี่ได้รับรู้ความคิดของโวลเดอมอร์อีกครั้ง ขณะที่เขากำลังลำดับที่ตั้งของฮอร์ครักซ์ทั้งหมด ทำให้แฮร์รี่ได้รู้ว่าฮอร์ครักซ์อันสุดท้ายที่ตนยังไม่ทราบว่าเป็นอะไรนั้นอยู่ในฮอกวอตส์นั่นซึ่งเกี่ยวกับเรเวนคลอ พวกเขากลับเข้าไปในฮอกวอตส์ด้วยความช่วยเหลือของอาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ น้องชายของอัลบัส

แฮร์รี่แจ้งเตือนการมาของโวลเดอมอร์แก่อาจารย์ และพบฮอร์ครักซ์ซึ่งเป็นรัดเกล้าของเรเวนคลอในห้องต้องประสงค์ หลังจากนั้นพวกของแฮร์รี่ได้ไปยังเพิงโหยหวน และเห็นโวลเดอมอร์ฆ่าสเนป ด้วยความเชื่อว่าเขาจะได้เป็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ที่เคยเป็นของดัมเบิลดอร์อย่างสมบูรณ์ ก่อนตาย สเนปมอบความทรงจำแก่แฮร์รี่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ฝ่ายดัมเบิลดอร์ ด้วยความรักที่มีต่อลิลี่ แม่ของแฮร์รี่ นอกจากนี้ แฮร์รี่ยังค้นพบว่า วิญญาณส่วนหนึ่งของโวลเดอมอร์อยู่ในตัวของเขาเอง และโวลเดอมอร์ไม่สามารถตายได้หากเขายังมีชีวิตอยู่ แฮร์รี่จึงไปพบกับโวลเดอมอร์และต่อสู้กับคาถาพิฆาตโดยจงใจให้ตนเองถูกคาถาพิฆาตใส่ตาย

แฮร์รี่ตื่นขึ้นมาและพบกับดัมเบิลดอร์ ซึ่งอธิบายว่าเขาไม่สามารถตายโดยที่โวลเดอมอร์ยังอยู่ เพราะโวลเดอมอร์สร้างร่างขึ้นมาจากเลือดของแฮร์รี่ แฮร์รี่เป็นเจ้าของอันชอบธรรมของเครื่องรางยมทูต คาถาพิฆาตได้ทำลายวิญญาณของโวลเดอมอร์ในตัวแฮร์รี่ และแฮร์รี่สามารถเลือกที่จะไปต่อ หรือกลับไปเพื่อสู้กับโวลเดอมอร์อีกครั้ง แฮร์รี่กลับไป และได้สู้กับโวลเดอมอร์อีกครั้งหนึ่ง แฮร์รี่ยังรู้ด้วยว่านายของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ที่แท้จริงไม่ใช่สเนป แต่เป็นเดรโก มัลฟอย ซึ่งเขาเอาชนะมาได้ ในที่สุดโวลเดอมอร์ก็สิ้นชีพด้วยคำสาปพิฆาตของตัวเองที่สะท้อนกลับ

เรื่องจบลงด้วยฉากในอีก 19 ปีต่อมา แฮร์รี่แต่งงานกับจินนี่ และมีลูกด้วยกัน 3 คน คือ เจมส์, อัลบัส เซเวอรัส, ลิลี่ ส่วนรอนและเฮอร์ไมโอนี่ก็แต่งงานกันมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ ฮิวโก้, โรส ทั้งสองครอบครัวพบกันที่สถานีรถไฟขณะไปส่งลูกๆ ไปยังฮอกวอตส์และแฮร์รี่ก็ไม่เคยเจ็บแผลเป็นอีกเลยหลังจากลอร์ดโวลเดอมอร์ตาย

อ้างอิง แก้

  1. Rowling, J. K. (2007-02-01). "Publication Date for Harry Potter and the Deathly Hallows". J. K. Rowling Official Site. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-22. สืบค้นเมื่อ 2007-04-28. (อังกฤษ)
  2. "Harry Potter and the Deathly Hallows". Bloomsbury Publishing. 2006-12-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-03. สืบค้นเมื่อ 2006-12-21. (อังกฤษ)
  3. Rowling, J. K. (2004-03-15). "Progress on Book Six". J. K. Rowling Official Site. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-01-07. สืบค้นเมื่อ 2006-12-23. (อังกฤษ)
  4. "J.K.Rowling Official Site". FAQ section. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-08. สืบค้นเมื่อ 2007-04-28. (อังกฤษ)
  5. "Rowling considering three titles". Mugglenet. สืบค้นเมื่อ 2007-04-28. (อังกฤษ)
  6. "J.K.Rowling Official Site". News Archive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-04-15. สืบค้นเมื่อ 2007-04-28. (อังกฤษ)

แหล่งข้อมูลอื่น แก้