เวสาลี
เวสาลี หรือ ไวศาลี (อักษรโรมัน: Vaishali; ฮินดี: वैशाली) เป็นนครที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งโบราณคดีอยู่ในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย โดยเป็นเมืองหลักของวัชชีแห่งมหาชนบท ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรกของสาธารณรัฐประมาณศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช พระโคตมพุทธเจ้าให้โอวาทครั้งสุดท้ายก่อนปรินิพพานใน ป. 483 ปีก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นใน 383 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้ากลาโศกจัดการสังคายนาครั้งที่สองขึ้นที่นี้ ทำให้เวสาลีกลายเป็นสถานที่สำคัญทั้งในศาสนาเชนกับศาสนาพุทธ[1][2] เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในเสาอโศกที่เก็บรักษาไว้ดีที่สุด บนเสามีสิงโตอินเดียตัวเดียว
เวสาลี Vaiśālī ลิจฉวี | |
---|---|
พิกัด: 25°59′N 85°08′E / 25.99°N 85.13°E | |
ประเทศ | อินเดีย |
รัฐ | รัฐพิหาร |
ภูมิภาค | มิถิลา |
อำเภอ | เวสาลี |
สถาปนา | 599 ปีก่อนคริสตศักราช |
เขตเวลา | UTC+5:30 (เวลามาตรฐานอินเดีย) |
เวสาลีอาจเป็นที่ตั้งของสถูปตัวอย่างแรกสุด นั่นคือ พระธาตุเจดีย์ที่กล่าวกันว่าบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในนั้น[3][4]
นครนี้ได้รับการกล่าวถึงในบันทึกการเดินทางของฝาเสี่ยน (คริสตศตวรรษที่ 4) กับพระถังซัมจั๋ง (คริสต์ศตวรรษที่ 7) นักสำรวจชาวจีน ซึ่งภายหลังอเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม นักโบราณคดีชาวอังกฤษใน ค.ศ. 1861 เป็นบุคคลแรกที่ระบุที่ตั้งของเวสาลีว่าอยู่ในหมู่บ้านบสาร์ทในอำเภอเวสาลี รัฐพิหาร[5][6]
ศัพทมูลวิทยา
แก้ชื่อเวสาลีนำมาจากพระนามของพระเจ้าวิศาลในยุคมหาภารตะ[7]
ความสำคัญ
แก้เวสาลีมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่งในบรรดา 16 แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครองด้วยระบบสามัคคีธรรมหรือคณาธิปไตย ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วยเหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่าง ๆ วึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่าง ๆ มีถึง 8 วงศ์ และในจำนวนนี้วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลีและวงศ์เจ้าวิเทหะแห่งเมืองมิถิลาเป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุดในสมัยพุทธกาล
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้งจะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เอง ที่เป็นที่ ๆ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วงของนางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมืองเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวายเป็นอารามในพระพุทธศาสนา[8]
พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม และได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ 100 ปี ได้มีการทำสังคายาครั้งที่ 2 ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี[9]
ในช่วงไม่นานหลังพุทธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมืองเวสาลีได้ตกไปอยู่ในอำนาจของแคว้นมคธ โดยการนำของพระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์แห่งราชคฤห์ คัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่า สาเหตุของการเสียเมืองแก่แคว้นมคธเพราะความแตกสามัคคีของเจ้าวัชชี[10] เพราะการยุยงของวัสสการพราหมณ์[11] พราหมณ์ที่พระเจ้าอชาตศัตรูส่งเป็นไส้สึกเพื่อบ่อนทำลายภายใน เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูยกกองทัพมายึดเมืองจึงสามารถยึดได้โดยง่าย เพราะไม่มีเจ้าวัชชีองค์ใดต่อสู้ เพราะขัดแย้งกันเอง ทำให้แคว้นวัชชีล่มสลายและเมืองเวสาลีหมดฐานะเมืองหลวงแห่งแคว้นและตกไปอยู่ในอำนาจของแคว้นมคธ แต่จากเหตุการณ์ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธหลายครั้งในช่วง พ.ศ. 70 ที่เริ่มจากอำมาตย์และราษฎรพร้อมใจกันถอดกษัตริย์นาคทัสสก์แห่งราชวงศ์ของพระเจ้าพิมพิสารแห่งราชคฤห์ออกจากพระราชบัลลังก์ และยกสุสูนาคอำมาตย์ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าลิจฉวีในกรุงเวสาลีแห่งแคว้นวัชชีเก่า ให้เป็นกษัตริย์ตั้งราชวงศ์ใหม่แล้ว พระเจ้าสุสูนาคจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธไปยังเมืองเวสาลีอันเป็นเมืองเดิมของตน ทำให้เมืองเวสาลีมีความสำคัญในฐานะเมืองหลวงอีกครั้ง แต่ทว่าก็เป็นเมืองหลวงได้ไม่นาน เพราะกษัตริย์พระองค์ต่อมาคือพระเจ้ากาลาโศกราช ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุสูนาค ได้ย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธอีก จากเมืองเวสาลีไปยังเมืองปาตลีบุตร ทำให้เมืองเวสาลีถูกลดความสำคัญลงและถูกทิ้งร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิงในช่วงพันปีถัดมา[12]
บุคคลทางประวัติศาสตร์จากเวสาลี
แก้- พระมหาวีระ ตีรถังกรองค์ที่ 24 ในศาสนาเชน เกิดในวรรณะกษัตริย์ในบริเวณที่ปัจจุบันคืออำเภอเวสาลี รัฐพิหาร เขาละทิ้งทางโลกตอนอายุ 30 ปีและกลายเป็นนักบวช เขามีอายุแก่กว่าพระพุทธเจ้าเพียงเล็กน้อย[13]
- วิมาลากีรติ บุคคลหลักในวิมาลากีรติสูตรและผู้ปฏิบัติตามศาสนาพุทธ[15]
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Hoiberg, Dale; Indu Ramchandani (2000). Students' Britannica India, Volumes 1-5. Popular Prakashan. p. 208. ISBN 0-85229-760-2. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 May 2021. สืบค้นเมื่อ 28 June 2021.
- ↑ Kulke, Hermann; Dietmar Rothermund (2004). A history of India. Routledge. p. 57. ISBN 0-415-32919-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 June 2021. สืบค้นเมื่อ 28 June 2021.
- ↑ Fogelin, Lars (2015). An Archaeological History of Indian Buddhism. Oxford University Press. p. 85. ISBN 9780199948239.
- ↑ Lahiri, Nayanjot (2015). Ashoka in Ancient India. Harvard University Press. pp. 246–247. ISBN 9780674057777.
- ↑ Janice Leoshko (2017). Sacred Traces: British Explorations of Buddhism in South Asia. Taylor & Francis. p. 74. ISBN 978-1-351-55030-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 June 2021. สืบค้นเมื่อ 28 June 2021.
- ↑ Dilip Kumar (1986). Archaeology of Vaishali. Ramanand Vidya Bhawan. p. 36. ISBN 9788185205083. OCLC 18520132. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 June 2021. สืบค้นเมื่อ 28 June 2021.
- ↑ "Vaishali". tourism.bihar.gov.in (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 January 2021. สืบค้นเมื่อ 6 February 2021.
- ↑ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร . พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[1]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- ↑ สุนนท์ ปัทมาคม, รศ. . สมุดภาพแดนพุทธภูมิ ฉลองชนมายุ ๘๐ ปี พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๑.
- ↑ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต วัสสการสูตร . พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[2]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- ↑ ทรงแนะวัสสการพราหมณ์ ให้โจมตีเมืองเวสาลีจริงหรือ . เว็บไซต์ธรรมะไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก <[3][ลิงก์เสีย]>. เข้าถึงเมื่อ 4-6-52
- ↑ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต).พุทธสถานในอินเดีย - เวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์. กรุงเทพ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2541.
- ↑ Romesh Chunder Dutt (5 November 2013). A History of Civilisation in Ancient India: Based on Sanscrit Literature: Volume I. Routledge. pp. 382–383. ISBN 978-1-136-38189-8.
- ↑ Upinder Singh (2008). A History of Ancient and Early Medieval India: From the Stone Age to the 12th Century. Pearson Education India. pp. 260–263. ISBN 978-81-317-1677-9.
- ↑ The Holy Teaching of Vimalakīrti: A Mahāyāna Scripture. Motilal Banarsidass Publ. 1991. p. 20. ISBN 978-81-208-0874-4.
อ่านเพิ่ม
แก้- Kumar, Dilip (1986). Archaeology of Vaishali. Ramanand Vidya Bhawan.
- Singer, Noel.F. (2008). Vaishali and the Indianization of Arakan. APH Publishing. ISBN 978-81-313-0405-1.