เคียร์ สตาร์เมอร์

นักการเมืองและนักกฎหมายชาวบริติช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรตั้งแต่ ค.ศ. 2024

เซอร์ เคียร์ รอดนีย์ สตาร์เมอร์ KCB KC (อังกฤษ: Sir Keir Rodney Starmer; เกิด 2 กันยายน ค.ศ. 1962) เป็นนักการเมืองชาวบริติชและเนติบัณฑิต ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรตั้งแต่กรกฎาคม ค.ศ. 2024 และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแรงงานตั้งแต่ค.ศ. 2020 สตาร์เมอร์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาเขตฮอลบอร์นและเซนต์แพนคราสตั้งแต่ ค.ศ. 2015 และก่อนหน้านั้นเขาดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านระหว่างปี 2020 ถึง 2024 และเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอัยการระหว่างปี 2008 ถึง 2013 สตาร์เมอร์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากริชี ซูแน็ก หลังจากพรรคแรงงานชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 2024[1]

เคียร์ สตาร์เมอร์
ภาพถ่ายทางการ ค.ศ. 2024
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร
เริ่มดำรงตำแหน่ง
5 กรกฎาคม ค.ศ. 2024
(0 ปี 17 วัน)
กษัตริย์สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3
รองแอนเจลา เรย์เนอร์
ก่อนหน้าริชี ซูแน็ก
ผู้นำฝ่ายค้าน
ดำรงตำแหน่ง
4 เมษายน ค.ศ. 2020 – 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2024
กษัตริย์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน
ลิซ ทรัสส์
ริชี ซูแน็ก
ก่อนหน้าเจเรมี คอร์บิน
ถัดไปริชี ซูแน็ก
หัวหน้าพรรคแรงงาน
เริ่มดำรงตำแหน่ง
4 เมษายน ค.ศ. 2020
รองแอนเจลา เรย์เนอร์
ก่อนหน้าเจเรมี คอร์บิน
ตำแหน่งรัฐมนตรีเงา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเงา
2016–2020การออกจากสหภาพยุโรป
รัฐมนตรีเงา
2015–2016การตรวจคนเข้าเมือง
สมาชิกรัฐสภา
เขตฮอลบอร์นและเซนต์แพนคราส
เริ่มดำรงตำแหน่ง
7 พฤษภาคม ค.ศ. 2015
ก่อนหน้าแฟรงก์ ด็อบสัน
คะแนนเสียง27,763 (48.9%)
ผู้อำนวยการสำนักอัยการ
ดำรงตำแหน่ง
1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 – 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013
แต่งตั้งโดยบารอเนสสกอตแลนด์แห่งอัสธาล
ก่อนหน้าเคน แม็คโดนัลด์
ถัดไปแอลลิสัน ชอนเดอรส์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
เคียร์ รอดนีย์ สตาร์เมอร์

(1962-09-02) 2 กันยายน ค.ศ. 1962 (61 ปี)
เซาธ์วาร์ก, ลอนดอน, อังกฤษ
พรรคการเมืองพรรคแรงงาน
คู่สมรสวิกตอเรีย อาเล็กซานเดอร์ (สมรส 2007)
บุตร2
การศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาไรเกต
โรงเรียนดนตรีและการแสดงกิลด์ฮอลล์
ศิษย์เก่า
ลายมือชื่อ
เว็บไซต์เว็บไซต์ทางการ

สตาร์เมอร์เกิดที่กรุงลอนดอน และเติบโตขึ้นที่เซอร์รีย์ โดยจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาของรัฐที่โรงเรียนรีเกตแกรมมาสคูลซึ่งต่อมาในระหว่างที่ศึกษาอยู่นั้นได้เปลี่ยนเป็นโรงเรียนเอกชนแทน เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลีดส์เมื่อ ค.ศ.​ 1985 และต่อมาได้จบการศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์ที่เซนต์ เอ็ดมันด์ ฮอลล์ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ใน ค.ศ. 1986

ภายหลังจากสำเร็จการศึกษาทางเนติบัณฑิตแล้ว สตาร์เมอร์ได้เริ่มทำงานเป็นทนายความเฉพาะทางด้านจำเลยคดีอาญาซึ่งเน้นคดีความด้านสิทธิมนุษยชน โดยได้เข้าเป็นสมาชิกประจำสำนักงานเนติบัณฑิตโดท์ตีสตรีทก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากฎหมายในพระราชินีฯ (Queen's Counsel) ใน ค.ศ. 2002 ใน ค.ศ. 2008 สตาร์เมอร์ได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักอัยการจนถึง ค.ศ. 2013 โดยภายหลังจากเสร็จสิ้นวาระการทำงานในสำนักอัยการแล้วเขาได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์บาร์ธชั้นอัศวิน (KCB) ใน ค.ศ. 2014

สตาร์เมอร์ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาสามัญชนใน ค.ศ.​ 2015 และได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีการอพยพเงาในปึค.ศ. ​2015 และต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีเงาในเดือนตุลาคม ค.ศ.​ 2016 ในตำแหน่งรัฐมนตรีการออกจากสหภาพยุโรปเงาซึ่งมีขึ้นในภายหลังจากเหตุการณ์เบร็กซิต โดยเขาได้เสนอให้มีการทำประชามติครั้งที่สองในเรื่องนี้โดยเขาได้ลงความเห็นว่าจะตัดสินใจเลือกลงคะแนนเพื่อที่จะคงอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป ภายหลังจากการพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ.​ 2019 เขาได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแรงงานแทนเจเรมี คอร์บิน เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2020

สตาร์เมอร์นำพรรคแรงงานสู่ชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 2024 ทำให้วาระของรัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมที่ดำเนินมา 14 ปีสิ้นสุดลง โดยพรรคแรงงานเป็นพรรคที่มีจำนวนที่นั่งมากที่สุดในสภาสามัญชน สตาร์เมอร์กล่าวว่านโยบายภายในประเทศจะให้ความสำคัญกับการทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น ปฏิรูประบบการขออนุญาตก่อสร้าง โครงสร้างพื่นฐาน พลังงาน การศึกษา การดูแลเด็กและเยาวชน และการทำให้สิทธิแรงงานเข้มแข็งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กล่าวถึงในคำแถลงนโยบายทางการเมืองของพรรคแรงงานที่เปิดเผยก่อนการเลือกตั้ง สตาร์เมอร์ยังมีนโยบายจัดตั้งกองรักษาความมั่นคงชายแดนเพื่อมาแทนที่แผนการส่งผู้ลี้ภัยไปประเทศรวันดาอีกด้วย ในทางการต่างประเทศ สตาร์เมอร์สนับสนุนยูเครนในการต้านการรุกรานของรัสเซีย และสนับสนุนอิสราเอลในสงครามอิสราเอลฮามาส แต่ก็สนับสนุนให้มีการทำข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาทันทีตั้งแต่กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 เช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้ปฏิเสธที่จะสนับสนุนการหยุดยิง

อ้างอิง

แก้
  1. "Results: parties by seats". BBC News.