กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์

(เปลี่ยนทางจาก เคปเลอร์ (ยานอวกาศ))

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ (อังกฤษ: Kepler space telescope) เป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศของ นาซา ที่ค้นพบดาวเคราะห์คล้ายโลกโคจรอยู่รอบ ๆ ดาวฤกษ์ดวงอื่น[5] การตั้งชื่อกล้องโทรทรรศน์อวกาศนำมาจากนักดาราศาสตร์ในศตวรรษที่ 17 โยฮันเนส เคปเลอร์[6] ขึ้นสู่อวกาศในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2009[7] หลังจากการปฏิบัติงานมากว่า 9 ปี เชื้อเพลิงของยานอวกาศเคปเลอร์ก็หมดลงทำให้นาซาประกาศปลดระวางภารกิจในวันที่ 30 ตุลาคม 2018[8][9]

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์
Kepler in orbit
ภาพวาดในจินตนาการของกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์
ประเภทภารกิจกล้องโทรทรรศน์อวกาศ
ผู้ดำเนินการนาซา / LASP
COSPAR ID2009-011A
SATCAT no.34380
เว็บไซต์www.nasa.gov/kepler
ระยะภารกิจวางแผน: 3.5 ปี
สิ้นสุด: 9 ปี, 7 เดือน, 23 วัน
ข้อมูลยานอวกาศ
ผู้ผลิตBall Aerospace & Technologies
มวลขณะส่งยาน1,052.4 กิโลกรัม (2,320 ปอนด์)[1]
มวลแห้ง1,040.7 กิโลกรัม (2,294 ปอนด์)[1]
มวลบรรทุก478 กิโลกรัม (1,054 ปอนด์)[1]
ขนาด4.7 โดย 2.7 เมตร (15.4 โดย 8.9 ฟุต)[1]
กำลังไฟฟ้า1100 วัตต์[1]
เริ่มต้นภารกิจ
วันที่ส่งขึ้น7 มีนาคม 2009, 03:49:57 UTC[2]
จรวดนำส่งเดลต้า II (7925-10L)
ฐานส่งสถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล SLC-17B
ผู้ดำเนินงานUnited Launch Alliance
เริ่มปฎิบัติงาน12 พฤษภาคม 2009, 09:01 UTC
สิ้นสุดภารกิจ
ปิดการทำงาน15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 (2018-11-15)
ลักษณะวงโคจร
ระบบอ้างอิงวงโคจรรอบดวงอาทิตย์
ระบบวงโคจรตามโลก
กึ่งแกนเอก1.0133 AU
ความเยื้อง0.036116
ระยะใกล้สุด0.97671 AU
ระยะไกลสุด1.0499 AU
ความเอียง0.4474 องศา
คาบการโคจร372.57 วัน
มุมของจุดใกล้ที่สุด294.04 องศา
มุมกวาดเฉลี่ย311.67 องศา
การเคลื่อนไหวเฉลี่ย0.96626 องศาต่อวัน
วันที่ใช้อ้างอิง1 มกราคม 2018 (J2000: 2458119.5)[3]
กล้องโทรทรรศน์หลัก
ชนิดแบบชมิท
เส้นผ่านศูนย์กลาง0.95 เมตร (3.1 ฟุต)
พื่นที่รับแสง0.708 ตารางเมตร (7.62 ตารางฟุต)[A]
ความยาวคลื่น430–890 nm[3]
อุปกรณ์ส่งสัญญาณ
แบนด์วิดท์เอกซ์แบนด์ บน: 7.8 บิตต่อวินาที – 2 กิโลบิตต่อวินาที[3]
เอกซ์แบนด์ ล่าง: 10 บิตต่อวินาที – 16 กิโลบิตต่อวินาที[3]
Ka band ล่าง: จนถึง 4.3 เมกะบิตต่อวินาที[3]
 

กล้องโทรทรรศน์อวกาศอันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบที่คล้ายโลกที่โครจรอยู่ในเขตอาศัยได้และทำการประมาณค่าว่าดาวฤกษ์หลายพันล้านดาวในทางช้างเผือกมีดาวเคราะห์ดังกล่าวกี่ดวง[10][11][12] อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ติดไปกับตัวกล้องนั้นคือเครื่องวัดความเข้มแสงที่คอยตรวจสอบความต่อเนื่องของแสงสว่างของดาวฤกษ์ประมาณ 150,000 ดวงในแถบลำดับหลัก[13] จากนั้นกล้องนจะส่งข้อมูลกลับไปยังสถานีเพื่อทำการตรวงสอบการบังแสงของดาวเคราะห์ในขณะที่มันโคจรผ่านดาวฤกษ์ ช่วงตลอดเวลา 9 ปีของภาระกิจมันทำการสังเกตดาวฤกษ์กว่า 530,506 ดาวและค้นพบดาวเคราะห์อีก 2,662 ดวง[14]

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "Kepler: NASA's First Mission Capable of Finding Earth-Size Planets" (PDF). NASA. February 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-03-10. สืบค้นเมื่อ March 13, 2015.
  2. "KASC Scientific Webpage". Kepler Asteroseismic Science Consortium. Aarhus University. March 14, 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 5, 2012. สืบค้นเมื่อ March 14, 2009.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 "Kepler (spacecraft)". JPL Horizons On-Line Ephemeris System. NASA/JPL. January 6, 2018. สืบค้นเมื่อ January 6, 2018.
  4. "Kepler Spacecraft and Instrument". NASA. June 26, 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 19, 2014. สืบค้นเมื่อ January 18, 2014.
  5. Koch, David; Gould, Alan (March 2009). "Kepler Mission". NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-06. สืบค้นเมื่อ 2009-03-14.
  6. DeVore, Edna (9 June 2008). "Closing in on Extrasolar Earths". space.com. สืบค้นเมื่อ 2009-03-14.
  7. NASA Staff. "Kepler Launch". NASA. สืบค้นเมื่อ 2009-09-18.
  8. Chou, Felicia; Hawkes, Alison; Cofield, Calia (October 30, 2018). "NASA Retires Kepler Space Telescope". NASA. สืบค้นเมื่อ October 30, 2018.
  9. Overbye, Dennis (October 30, 2018). "Kepler, the Little NASA Spacecraft That Could, No Longer Can". The New York Times. สืบค้นเมื่อ October 30, 2018.
  10. "Kepler: About the Mission". NASA / Ames Research Center. 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-08. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
  11. Overbye, Dennis (May 12, 2013). "Finder of New Worlds". The New York Times. สืบค้นเมื่อ May 13, 2014.
  12. Overbye, Dennis (January 6, 2015). "As Ranks of Goldilocks Planets Grow, Astronomers Consider What's Next". The New York Times. สืบค้นเมื่อ January 6, 2015.
  13. Borucki, William J.; Koch, David; Basri, Gibor; และคณะ (February 2010). "Kepler Planet-Detection Mission: Introduction and First Results". Science. 327 (5968): 977–980. Bibcode:2010Sci...327..977B. doi:10.1126/science.1185402.
  14. Overbye, Dennis. "Kepler, the Little NASA Spacecraft That Could, No Longer Can". New York Times. สืบค้นเมื่อ 31 October 2018.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

Extrasolar planet catalogs and databases



อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "upper-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="upper-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน