อิลยาส (อาหรับ: إلياس) เป็นนบีและเราะซูลของอัลลอฮ์ ที่ได้รับการส่งมาเพื่อนำทางชาวอิสราเอล ท่านได้รับภารกิจให้มาเป็นนบีเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนกราบไหว้รูปเคารพ[1] นบีอิบาสเป็นนบีก่อนนบีอัลยะสะอ์[2] นักวิชาการอิสลามบางคนเชื่อว่า นบีอิลยาสมาจากบุตรหลานของนบีฮารูน (อาโรน)[3]


อิลยาส
إلياس
เอลียาห์
อิลยาส ในการประดิษฐ์ตัวอักษรอิสลาม ตามด้วยอะลัยฮิสสะลาม (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)
มีชื่อเสียงจากการเป็นนบีตามความศรัทธาของอิสลาม
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนซุลัยมาน
ผู้สืบตำแหน่งอัลยะสะอ์

ชาวมุสลิมบางคนเชื่อว่า นบีอิลยาสยังมีชีวิตอยู่และเข้าร่วมฮัจญ์ทุกปีพร้อมกับนบีคิฎิร[4] ชาวมุสลิมบางคนเชื่อว่า นบีอิลยาสจะกลับมาในวันโลกาวินาศ[5]

ชื่อ และสายตระกูล แก้

ชื่อของท่านนบีอิลยาสปรากฏอยู่ 2 ครั้งในพระคัมภีร์อัลกุรอาน คือในกุรอาน 37:123 และกุรอาน 6:85 และอิบน์ กะษีร กล่าวว่า อิลยาส และ อิลยาซีน เป็นสองชื่อสำหรับชายคนเดียว ดังนั้นชาวอาหรับจึงต่อท้าย "นูน" ในหลายชื่อและแทนที่ด้วยชื่ออื่น[6] โดยคำว่า อิลยาซีน (อาหรับ: إلياسين หรือ إل ياسين) มีกล่าวไว้ในกุรอาน 37:130 (ป.ล. นักแปลอัลกุรอานชาวไทยมักแปล “อิลยาซีน” ว่า “วงศ์วานของยาซีน” และนักตัฟซีรบางคนก็อรรถธิบายอย่างเดียวกัน)[ต้องการอ้างอิง] ส่วนในเรื่องเชื้อสาย หรือตระกูลของท่านนบีอิลยาส อิบน์ อิสฮาก และอัฏเฏาะบารี กล่าวว่า แท้จริงแล้วอิลยาส บุตรยาซีน สืบเชื้อสายจากฟันฮาศ (เฟเนหัส) บุตรอัลยะอาซัร (เอเลอาซาร์) บุตรฮารูน (อะลัยฮิมัสสะลาม)[7] และอิบน์ อับบาส กล่าวว่า อิลยาส เป็นลุงของอัลยะสะอ์[8]

ช่วงชีวิต แก้

ในแหล่งที่มาของอิสลาม ชื่อเต็มของ นบีอิลยาส คือ อิลยาส อิบน์ ยาซีน[9] เหนื่องจากใน กุรอาน 37:130 นบีอิลยาส ถูกเรียกว่า อิลยาซีน[10] เรื่องราวของนบีอิลยาส บางส่วนยังกล่าวถึงในหะดีษของอิสลามด้วย เช่นการสาปแช่งชาวอิสราเอลด้วยความแห้งแล้งโดย นบีอิลยาส,[11] การรักษานบีอัลยะสะอ์,[12] และการต่อสู้กับกษัตริย์อาหับ[13]

ตามแหล่งที่มาของอิสลามและคัมภีร์ไบเบิลมากมาย นบีอิลยาส (อ.) ยังมีชีวิตอยู่และขึ้นไปบนท้องฟ้า[14] อย่างไรก็ตาม อิบน์ กะษีร ไม่ยอมรับหะดีษเหล่านี้และถือว่าหะดีษเหล่านี้อยู่ในหมู่อิสรออีลลียาต[15] ใน มุอ์ญัม อัลบุลดาน, ยากูต อัลหะมะวีย์ กล่าวถึงหลุมฝังศพของนบีอิลยาส (อ.) ในบะอ์ลาบัก[16]ต่อมามีการสร้างศาลเจ้าเหนือหลุมฝังศพนี้ แต่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ "ไอลา" แม้ว่าชาวบ้านจะเชื่อว่าเป็นหลุมฝังศพของนบีอิลยาส (อ.)[17]

ความเป็นนบี แก้

นบีอิลยาสได้รับการกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในฐานะนบี ในอัลอันอาม 6:85[18] ท่านเชิญชวนกลุ่มชนของท่านที่อาศัยอยู่ในบะอ์ลาบัก ให้นับถือพระเจ้าองค์เดียว เชื่อฟังอัลลอฮ์ และละทิ้งบาป[19] งานหลักของท่านคือป้องกันการบูชารูปเคารพ[20] หลังจากที่ท่านทรงเผชิญกับความอดอยากของประชาชาติของท่านเป็นเวลาหลายปี ท่านสาปแช่งพวกเขาด้วยความแห้งแล้งและประชาชาติอดอยาก[21] เรื่องเล่าของนบีอิลยาสในคัมภีร์อัลกุรอาน และความเชื่อของชาวมุสลิม ยุคหลังนั้นคล้ายคลึงกันอย่างใกล้ชิดกับในคัมภีร์ฮีบรู และวรรณกรรมมุสลิมที่บันทึกสาส์นเบื้องต้นของนบีอิลยาสว่าเกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของอาหับ และ เยเซเบล เช่นเดียวกับอาหัสยาห์ [a] ร่างของนบีอิลยาสได้รับการระบุร่วมกับนบี และ นักบุญ อื่น ๆ รวมทั้ง นบีอิดรีส ซึ่งนักวิชาการ บางคนเชื่อว่าเป็นอีกชื่อหนึ่งของนบีอิลยาส[24] และคิดร์[25] ต่อมา ตำนานของอิสลาม ได้พัฒนาการของนบีอิลยาส ซึ่งเสริมแต่งคุณลักษณะของท่านอย่างมาก และวรรณกรรมที่ไม่มีหลักฐานบางอย่างทำให้นบีอิลยาสมีสถานะเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งมะลาอิกะฮ์[26] นบีอิลยาสยังปรากฏในงานวรรณกรรมยุคต่อมา รวมทั้ง ฮัมซะนะมะ[27]

อัลกุรอาน แก้

นบีอิลยาสได้รับการกล่าวถึงในอัลกุรอาน ซึ่งเล่าถึงคำเทศนาของท่านอย่างรวบรัด อัลกุรอานบรรยายว่า นบีอิลยาสบอกให้กลุ่มชนของท่านมาสักการะบูชาอัลลอฮ์และเลิกนับถือบะอ์ลา ซึ่งเป็นเทวรูปหลักของพื้นที่ อัลกุรอานกล่าวว่า:[1]

และแท้จริง อิลยาสนั้นเป็นคนหนึ่งในบรรดาเราะซูล เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า พวกท่านไม่ยำเกรงอัลลอฮ์ดอกหรือ? พวกท่านเคารพสักการะบะอ์ลา และพวกท่านทอดทิ้งผู้ทรงเลิศยิ่งแห่งปวงผู้สร้างกระนั้นหรือ? อัลลอฮ์คือพระเจ้าของพวกท่าน และพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านแต่เก่าก่อน

คัมภีร์กุรอานระบุชัดเจนว่าคนในกลุ่มชนส่วนใหญ่ของนบีอิลยาส ปฏิเสธนบีและยังคงปฏิบัติตามรูปเคารพ อย่างไรก็ตาม กล่าวถึงว่ามีผู้รับใช้ที่อุทิศตนของอัลลอฮ์ จำนวนน้อยในหมู่พวกเขาที่ติดตามนบีอิลยาส ศรัทธาในอัลลอฮ์และสักการะพระเจ้า อัลกุรอานกล่าวว่า "แต่พวกเขาได้ปฏิเสธเขา ดังนั้น พวกเขาจะถูกนำมาลงโทษอย่างแน่นอน นอกจากปวงบ่าวของอัลลอฮ์ผู้บริสุทธิ์ใจ และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ) แก่เขาในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ "[28][29] ในอัลกุรอาน อัลลอฮ์ทรงยกย่องนบีอิลยาสใน 2 ประการ:

ศานติจงมีแด่อิลยาซีน (หรือบ้างว่า วงศ์วานของยาซีน) แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย แท้จริง เขาเป็นคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา

— อัลกุรอาน, ซูเราะฮ์ที่ 37 (อัศศ็อฟฟาต), อายะฮ์ที่ 129–132[30]

นักตัฟซีรหลายคน รวมทั้ง อับดุลลอฮ์ ยูซุฟ อะลี ได้เสนอความเห็นในอายะฮ์ที่ 85 โดยกล่าวว่า อิลยาส, ซะกะรียา, ยะฮ์ยา และ อีซา ล้วนเชื่อมโยงกันทางจิตวิญญาณ อับดุลลอฮ์ ยูซุฟ อะลี กล่าวว่า "กลุ่มที่สามไม่ได้ประกอบด้วยผู้ลงมือปฏิบัติ แต่เป็นผู้ประกาศความจริง ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตอย่างสันโดษ ฉายาของพวกเขาคือ: "ผู้ชอบธรรม" พวกเขาสร้างกลุ่มที่เชื่อมต่อกันรอบนบีอีซา นบีซะกะรียาเป็นบิดาของนบียะฮ์ยาซึ่งถูกเรียกว่า "อิลยาส ซึ่งจะมาจาก" (มธ. 11:14); และกล่าวกันว่าอิลยาสได้อยู่และพูดคุยกับนบีอีซาที่การแปลงร่างบนภูเขา (มธ. 17:3)"[31]

แม้ว่านักวิชาการมุสลิม ส่วนใหญ่เชื่อว่า นบีอิลยาสเทศนาในอิสราเอล แต่ผู้วิจารณ์อัลกุรอานในยุคแรก ๆ บางคนระบุว่านบีอิลยาสถูกส่งไปยังบะอ์ลาบัก ในเลบานอน[32] นักวิชาการสมัยใหม่ปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ โดยระบุว่าความเชื่อมโยงของเมืองนี้กับนบีอิลยาสน่าจะเกิดจากครึ่งแรกของชื่อเมืองว่า บะอ์ลา ซึ่งเป็นเทพที่นบีอิลยาสเตือนให้คนของเขาหยุดบูชา นักวิชาการที่ปฏิเสธการระบุเมืองของนบีอิลยาสกับเมืองบะอ์ลาบัก ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าเมืองบะอ์ลาบัก ไม่ได้กล่าวถึงพร้อมกับคำบรรยายของนบีอิลยาส ในคัมภีร์กุรอานหรือคัมภีร์ฮีบรู[33]

ความตาย แก้

เมื่อเวลาผ่านไปภัยแล้งก็ลุกลามและล้มตายเป็นอันมาก เมื่อพวกเขาเห็นว่าตนเองถูกทำร้าย เสียใจกับการกระทำที่ผ่านมา จึงหันไปหานบีอิลยาส (อ.) และตอบรับคำเชิญของท่าน[34] จากนั้นเนื่องจากดุอาอ์ของนบีอิลยาส (อ.) เกิดฝนตกหนักและแผ่นดินก็อิ่ม อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนก็ลืมพันธสัญญากับ พระเจ้า และกลับไปกราบไหว้รูปเคารพ เมื่อนบีอิลยาสเห็นเช่นนี้ ท่านทูลขอต่ออัลลอฮ์ถึงความตายของท่านเอง แต่อัลลอฮ์ได้ส่งราชรถเพลิงมาให้ท่านและท่านก็ขึ้นไปบนท้องฟ้าและเลือกนบีอัลยะสะอ์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านเป็นรอง[35] นบีอิลยาส ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับวันกิยามะฮ์[36] อย่างไรก็ตาม ชาวมุสลิมบางคนเชื่อว่า นบีอิลยาส จะกลับมาพร้อมกับนบีคิฎิร ในช่วงท้ายของเวลา[5]

มรดก แก้

วรรณกรรม และ ประเพณีของชาวมุสลิมเล่าว่า นบีอิลยาสเผยแพร่ศาสนาที่อาณาจักรอิสราเอล ซึ่งปกครองโดย อาหับ และต่อมาคือ อาหัสยาห์ บุตรชายของเขา ท่านถูกเรียกว่า "นบีแห่งทะเลทราย—เหมือนนบียะฮ์ยา " [37] เชื่อกันว่านบีอิลยาสเผยแพร่ศาสนาด้วยความกระตือรือร้นต่ออาหับและเยเซเบล ภรรยาของเขา ซึ่งตามความเชื่อของชาวมุสลิมมีส่วนรับผิดชอบต่อการบูชารูปเคารพเท็จ ในบริเวณนี้ ชาวมุสลิมเชื่อว่าเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะฟังนบีอิลยาส นบีอัลยะสะอ์จึงต้องประกาศสาส์นจากอัลลอฮ์ แก่ชาวอิสราเอลต่อไปหลังจากท่าน [38]

นบีอิลยาส กลายเป็นเรื่องตำนานและนิทานพื้นบ้านในวัฒนธรรมมุสลิม ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการพบปะกับนบีอัลคิฎิร ตามรายงานของมุสลิม นบีมุฮัมมัด ได้พบกับนบีอิลยาสในมักกะฮ์ [39] ในเวทย์มนต์ของอิสลาม นบีอิลยาส มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับนบีอัลคิฎิร หะดีษบทหนึ่งรายงานว่าอิลยาสและนบีคิฎิร พบกันทุกปีในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อเดินทางไปฮัจญ์ที่มักกะฮ์ [40] นบีอิลยาส ปรากฏตัวใน ฮัมซะนะมะ หลายครั้งเช่นกัน ซึ่งท่านถูกพูดถึงว่าเป็นพี่ชายของนบีคิฎิร เช่นเดียวกับผู้ที่ดื่มจากน้ำทิพย์แห่งความเยาว์วัย [41]

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 อัลกุรอาน 37:123–126
  2. Ibn Kathir, Stories of the Prophets, p. 474
  3. Ṣadīq Ḥasan Khān, Fatḥ al-bayān, vol. 5, p. 594.
  4. "The relationship between Hazrat Khidr & Hazrat Ilyas". www.thesunniway.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-08-11.
  5. 5.0 5.1 "Islamic View of the Coming/Return of Jesus". islamicperspectives.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 September 2015. สืบค้นเมื่อ 14 September 2015.
  6. ตัฟซีร อิบน์ กะษีร
  7. แม่แบบ:استشهاد ويب
  8. ตัฟซีร อิบน์ อับบาส
  9. Ṭabarī, Tārīkh al-umam wa l-mulūk, vol. 1, p. 273.
  10. "Surah As-Saffat - 130". quran.com. สืบค้นเมื่อ 2021-08-11.
  11. Kings 1, chapter 17.
  12. Kings 2, Chapter 2.
  13. Kings 1, chapter 18.
  14. Kings 2, Chapter 2; Quṭb al-Dīn al-Rāwandī, Qiṣaṣ al-anbīyāʾ, vol. 2, p. 119; Ṭabarī, Tārīkh al-umam wa l-mulūk, vol. 1, p. 274.
  15. Ibn Kathīr, Qiṣaṣ al-anbīyāʾ, vol. 2, p. 243.
  16. Yāqūt al-Ḥamawī, Muʿjam al-buldān, vol. 1, p. 454.
  17. "Religious Shrines in Lebanese Bekaa (Part 2)". Nour Al Islam (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2018-12-07. สืบค้นเมื่อ 2022-05-22.
  18. "Surah Al-An'am - 85". quran.com. สืบค้นเมื่อ 2021-08-11.
  19. Ashʿarī, al-Maqālāt wa l-firaq, p. 173.
  20. Maqdisī, al-Bidaʾ wa l-tārīkh, vol. 3, p. 99; Ṭabrisī, Majmaʿ al-bayān, vol. 8, p. 713.
  21. Ṭabarī, Jāmiʿ al-bayān, vol. 23, p. 59-60; Thaʿlabī, Qiṣaṣ al-anbīyāʾ, p. 223.
  22. 4 Kings, 2:11
  23. Abdullah Yusuf Ali, The Holy Qur'an: Text, Translation and Commentary, Note 4112
  24. Message of the Qur'an, M. Asad, Commentary on 19: 56–57
  25. Dimensions of Islam, F. Schuon, index. Sayyidna Khizr
  26. Encyclopedia of Islam, Vol. III, H-Iram
  27. Adventures of Amir Hamza, J. Seyller, p. 240
  28. Quran 37:127–128
  29. อัลกุรอาน 37:127–128
  30. อัลกุรอาน 37:129–132
  31. Abdullah Yusuf Ali, The Holy Qur'an: Text, Translation and Commentary, Note. 905"
  32. Stories of the Prophets, Ibn Kathir, Story of Elias and Elisha
  33. Historical Dictionary of Prophets in Islam, B. M. Wheeler, Baalbek
  34. Ṭabarī, Jāmiʿ al-bayān, vol. 23, p. 59-60. Thaʿlabī, Qiṣaṣ al-anbīyāʾ, p. 223.
  35. Ṭabarī, Jāmiʿ al-bayān, vol. 23, p. 59-60. Thaʿlabī, Qiṣaṣ al-anbīyāʾ, p. 223.
  36. C. Glasse. "Elijah". Concise Encyclopedia of Islam
  37. Abdullah Yusuf Ali, Holy Qur'an: Text, Translation, Commentary, Note on Elijah
  38. Stories of the Prophets, Ibn Kathir, Stories of Elias and Elisha
  39. Historical Dictionary of Prophets in Islam and Judaism, B. M. Wheeler, Elijah: "Muslim exegetes report that the prophet Muhammad and a band of followers once met Elijah on a journey outside Mecca. Elijah served the prophet with food from heaven and then left on a cloud heading for the heavens"
  40. Historical Dictionary of Prophets in Islam and Judaism, B. M. Wheeler, Elijah: "It is reported by Ibn Kathir that every year during the month of Ramadan in Jerusalem, the prophets Elijah and Khidr meet..."
  41. The Adventures of Amir Hamza, trans. M. A. Farooqi, cf. List of Characters: Ilyas or Prophet Elias


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน