สุลต่านอับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์
สุลต่านอับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์ (มลายู: Abdul Hamid Halim Shah; 4 มิถุนายน ค.ศ. 1864 – 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1943) หรือบรรดาศักดิ์ไทยว่า เจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดีศรีสุลต่าน (ฮามิด) เป็นสุลต่านแห่งรัฐเกอดะฮ์ องค์ที่ 25 นับเป็นเจ้าเมืองไทรบุรีองค์สุดท้ายภายใต้การปกครองของสยาม
อับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์ (อับดุลฮามิด) | |
---|---|
เจ้าพระยาไทรบุรี | |
![]() | |
สุลต่านแห่งรัฐเกอดะฮ์ | |
ครองราชย์ | 22 กันยายน ค.ศ. 1881 – 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1943 |
ก่อนหน้า | สุลต่านไซนัล ราชิด มูอัซซัม ชะฮ์ที่ 2 |
ถัดไป | สุลต่านบัดลีชะฮ์ |
คู่อภิเษก | เจปวน สปาเจนดรา เจลาราเซะฮ์ บินตี เลอไบ อิซฮัก ชารีฟะฮ์มาเรียม บินตี ไซยิด โมฮามัด อัลอิดรุซ ชารีฟะฮ์เซฮา บินตี ไซยิดฮุซเซน ตนกูไน โซเฟียะฮ์ อัลมาร์ฮุม ตุนกูไน ฮาจี ฮัซซัน เจเมินจาราลา ชารีฟะฮ์ฟาตีมะฮ์ บินตี ไซยิดอิดรุซ |
ราชวงศ์ | มหาวงศ์ |
พระราชบิดา | สุลต่านอะฮ์มัด ตาจุดดิน มูการ์รัม ชะฮ์ |
พระราชมารดา | วันฮาจาร์ บินตี วันอิสมาอิล |
ประสูติ | 4 มิถุนายน ค.ศ. 1864 อาโลร์เซอตาร์ มณฑลไทรบุรี ราชอาณาจักรสยาม |
สิ้นพระชนม์ | 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1943 (78 พรรษา) อาโลร์เซอตาร์ รัฐเกอดะฮ์ นิคมช่องแคบ |
ศาสนา | ศาสนาอิสลามนิกายซุนนี |
สุลต่านอับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์ มีพระนามเต็มว่า "สุลต่านอับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์ ที่ 2 อิบนี อะฮ์มัด ตัชอุดดิน อัลมุการ์รัม ชะฮ์" (Sultan Sir Abdu'l Hamid Halim Shah II ibni Ahmad Taj ud-din al-Mukarram Shah) มีบรรดาศักดิ์ทางฝ่ายสยามเป็นที่ "เจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดีศรีสุลต่าน มหมัดรัตนราชมุนินทร สุรินทรวิวงษ์ผดุง ทนุบำรุงเกดะนคร อมรรัตนาณาเขตร ประเทศราชราไชสวริยาธิบดี วิกรมสีหะ เจ้าพระยาไทรบุรี" ตำแหน่งเจ้าประเทศราชไทรบุรี เอกสารฝ่ายไทยมักเรียกอย่างย่อว่าเจ้าพระยาไทรบุรี (อับดุลฮามิด)
ประวัติแก้ไข
สุลต่านอับดุล ฮามิด ประสูติเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1864 (พ.ศ. 2407) เป็นพระราชโอรสของสุลต่านอะฮ์มัด ตาจุดดิน มูการ์รัม ชะฮ์ (เอกสารไทยเรียก เจ้าพระยาไทรอะหมัด) กับวันฮาจาร์ บินตี วันอิสมาอิล (เอกสารไทยเรียก หวันเต๊ะ) เป็นภรรยาเอก ในเอกสารไทยออกพระนามของพระองค์ว่า ตนกูอับดุลฮามิด[1] พระองค์สามารถตรัสเป็นภาษาไทยได้ และเมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยือนรัฐไทรบุรี เมื่อ พ.ศ. 2467 พบว่าสุลต่านอับดุล ฮามิด ทรงพระประชวรและเลือนพระสัญญาเกี่ยวกับภาษาไทยไปบ้าง ความว่า "...สังเกตดูออกจะลืม ๆ ภาษาไทยไปเสียมาก แต่ว่ากันว่าหากพูดด้วยซ้ำ ๆ นัยว่ายังพอเข้าใจได้ดี..."[2]
ในปี ค.ศ. 1876 (พ.ศ. 2419) ตนกูฮามิดได้ร่วมกองทัพเมืองไทรบุรี (เกอดะฮ์) และกองทัพหัวเมืองต่างๆ ในความปกครองของสยามขึ้นไปช่วยปราบปรามจีนอั้งยี่ที่เมืองภูเก็ต ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่ 5 วิจิตราภรณ์ เป้นบำเหน็จความชอบในครั้งนั้น
ในปี ค.ศ. 1879 (พ.ศ. 2422) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ตนกูฮามิดเป็นที่พระเสนีณรงค์ฤทธิ ตำแหน่งรายามุดา ต่อมาเมื่อสุลต่านไซนัล ราซิด มุดซัม ชาห์ที่ 2 หรือพระยาไทรบุรี (ตนกูไซนาระชิด) ผู้เป็นพระเชษฐาสิ้นพระชนม์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งพระเสนีณรงค์ฤทธิรายามุดา เป็นพระยาฤทธิสงครามรามภักดีศรีสุลต่าน มหะมัดรัตนราชมุนินทร์ สุรินทรวิวังษา พระยาไทรบุรี เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง ตรีศก จุลศักราช 1243 ตรงกับวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1881 (พ.ศ. 2424)
ภายหลังทรงมีพระราชดำริว่าพระยาไทรบุรีได้บังคับบัญชาราชการบ้านเมืองต่างพระเนตรพระกรรณมาช้านาน มีความชอบความดีมาก ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1895 (พ.ศ. 2438) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศพระยาฤทธิสงครามเป็น เจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดีศรีสุลต่าน ตำแหน่งเจ้าประเทศราชเมืองไทรบุรี พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า[3] และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกชั้นที่ 1 มหาวราภรณ์ เป็นเกียรติยศ ต่อมาในปี ค.ศ. 1897 (พ.ศ. 2440) จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งเจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดีศรีสุลต่านเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการเมืองปะลิส เมืองสตูล และเมืองไทรบุรี รวม 3 เมือง[4] นอกจากนี้พระองค์ยังทรงส่งพระโอรส 2 องค์ของสุลต่านอับดุลฮามิดไปศึกษาที่ทวีปยุโรป ได้แก่ ตนกู ยูซุฟ ซึ่งต่อมาได้กลับมารับราชการตำรวจที่ประเทศสยาม และตนกู บาดิร ชาห์ (สุลต่านบาดิร ชาฮ์) ซึ่งสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและได้กลับมาพำนักอยู่ที่ประเทศสยามในระยะเวลาสั้นๆ
พระองค์มีชายาหลายองค์ ได้แก่ เจ๊ะเมนเญราลา (คุณหญิงเนื่อง นนทนาคร), เจ๊ะโซฟิอะห์ (Che Sofiah), ชะรีฟะห์ บินติ ไซเอ็ด อิดรุส (Sharifah Fatimah Binti Syed Idrus), ชะรีฟะห์ เซหะ บินติ ไซเอ็ด ฮุซเซน (Sharifah Seha Binti Syed Hussein), เจ๊ะสปาเชนดรา (Che Spachendra), ชะรีฟะห์ มาเรียม (Sharifah Mariam) และเจ๊ะลาราเซห์ (Che Laraseh) โอรสองค์ที่สำคัญได้แก่ตนกู อับดุล ระห์มัน นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย และสุลต่านบาดิร ชาฮ์
สุลต่านอับดุล ฮามิดได้สร้างพระที่นั่งใหม่โดยจากคอนกรีดและโลหะในปี ค.ศ. 1906 นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นผู้นำในการสวดมนต์วันศุกร์
สุลต่าน อับดุล ฮามิด ฮาลิม ชาห์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1943 รวมพระชนม์ได้ 78 พรรษา อยู่ในราชสมบัติ 62 ปี
บรรดาศักดิ์แก้ไข
- ค.ศ. 1879 (พ.ศ. 2422) - พระเสนีณรงคฤทธิ์ รายามุดาเมืองไทรบุรี[5]
- ค.ศ. 1882 (พ.ศ. 2425) - พระยาฤทธิสงครามรามภักดี ศรีสุลต่าน มหะมัดรัตนราชมุนินทร์ สุรินทรวิวังษา พระยาไทรบุรี[6]
- ค.ศ. 1895 (พ.ศ. 2438) - เจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดีศรีสุลต่าน มหมัดรัตนราชมุนินทร สุรินทรวิวงษ์ผดุง ทนุบำรุงเกดะนคร อมรรัตนาณาเขตร ประเทศราชราไชสวริยาธิบดี วิกรมสีหะ เจ้าพระยาไทรบุรี
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยแก้ไข
- พ.ศ. 2451 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ (ป.จ.ว.)
- พ.ศ. 2438 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[7]
- พ.ศ. 2438 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. 2433 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[8]
- พ.ศ. 2419 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
- พ.ศ. 2436 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))[9]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศแก้ไข
- บริเตนใหญ่ : พ.ศ. 2454 - Knight Commander of the Order of St Michael and St George
- บริเตนใหญ่ : พ.ศ. 2454 - King George V Coronation Medal
- บริเตนใหญ่ : พ.ศ. 2478 - King George V Silver Jubilee Medal
- บริเตนใหญ่ : พ.ศ. 2480 - King George VI Coronation Medal
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ ณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม. ชีวิตและงานกงสุลไทยของพระยาอนุกูลสยามกิจ อุปนิกษิตสยามรัฐ (ตันกิมเจ๋ง) กงสุลเยเนอราลไทยคนแรก ณ เมืองสิงคโปร์. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือกรุงเทพ. 2525, หน้า 129
- ↑ จดหมายเหตุพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประพาสสหรัฐมะลายู พ.ศ. 2467. พระนคร : พระจันทร์, 2480, หน้า 13
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศในการเลื่อนยศพระยาไทรบุรีเปนเจ้าพระยาไทรบุรี เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 12, 1 กันยายน 2438, หน้า 190-191
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 7 เมษายน รัตนโกสินทรศก 116, เล่ม 14, ตอน 6, 9 พฤษภาคม 2440, หน้า 73-75
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรในปีเถาะเอกศก (หน้า ๖๙)
- ↑ ตั้งตำแหน่ง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, การเลื่อนยศพระยาไทรบุรีเปนเจ้าพระยาไทรบุรีแลพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 12, 1 กันยายน 2438, หน้า 189-190
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗, ตอน ๑๑, ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๓, หน้า ๑๐๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เก็บถาวร 2018-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๐, ตอน ๙, ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๖, หน้า ๑๑๕
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
วิกิซอร์ซ มีงานต้นฉบับเกี่ยวกับ: |
- Genealogy Data( เก็บถาวร 2009-10-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 2009-10-24)
- List of Kedah Sultans
- The Saintly King( เก็บถาวร 2009-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 2009-10-24)
- List of Sultans of Kedah เก็บถาวร 2016-10-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ก่อนหน้า | สุลต่านอับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สุลต่านไซนัล ราชิด มูอัซซัม ชะฮ์ที่ 2 | สุลต่านแห่งรัฐเกอดะฮ์ (ค.ศ. 1881–1943) |
สุลต่านบัดลีชะฮ์ |