สันนิบาตเสรีภาพประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์
สันนิบาตเสรีภาพประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ (อังกฤษ: Anti-Fascist People’s Freedom League) เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งโดยกลุ่มชาตินิยมในพม่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีนโยบายขับไล่ญี่ปุ่นและเรียกร้องเอกราชให้พม่า กลุ่มนี้ได้บริหารประเทศหลังจากพม่าได้รับเอกราช จนถึง พ.ศ. 2505 จึงถูกทหารยึดอำนาจการปกครอง
สันนิบาตเสรีภาพประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ ဖက်ဆစ်ဆန့်ကျင်ရေး ပြည်သူ့လွတ်လပ်ရေး အဖွဲ့ချုပ | |
---|---|
ประธาน | อู้นุ |
ก่อตั้ง | 1–3 มีนาคม ค.ศ. 1945 |
ถูกยุบ | มิถุนายน ค.ศ. 1958 |
ก่อนหน้า | องค์กรต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ |
ถัดไป | Clean AFPFL, Stable AFPFL |
อุดมการณ์ | Pro-independence movement ชาตินิยมพม่า สังคมนิยมแบบประชาธิปไตย ต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ |
จุดยืน | ซ้าย |
สี | สีแดง |
ธงประจำพรรค | |
การเมืองพม่า รายชื่อพรรคการเมือง การเลือกตั้ง |
การก่อตัว
แก้กลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2487 โดยคนหนุ่มที่นิยมลัทธิชาตินิยมและเรียกตนเองว่า “ทะขิ่น” ทะขิ่นที่สำคัญได้แก่ อองซาน ถิ่นทุน เท่งเป บะส่วย ชูเมา (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเนวิน) ทะขิ่นส่วนใหญ่เคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง
ความร่วมมือกับญี่ปุ่น
แก้ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อองซานร่วมมือกับดร.บามอร์ตั้งกลุ่มเสรีภาพเพื่อเรียกร้องเอกราช เมื่อถูกอังกฤษกวาดล้าง อองซานหนีไปญี่ปุ่นและดำเนินการแบบใต้ดินนำทะขิ่นจำนวน 30 คนไปฝึกอาวุธในญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2484 ทะขิ่นเหล่านี้กลับเข้าประเทศพร้อมกองทัพญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2485 และได้จัดตั้งกองทหารร่วมกับญี่ปุ่นเพื่อขับไล่อังกฤษออกจากพม่า
จากจุดนี้ แนวคิดทางการเมืองของทะขิ่นเริ่มแตกต่างกันไป กลุ่มของอองซานสนับสนุนญี่ปุ่น ในขณะที่บางส่วนหันไปนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์และจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์พม่าขึ้น ต่อมาเมื่อฝ่ายอองซานเรื่มแน่ใจว่าญี่ปุ่นไม่ได้จริงใจในการให้เอกราชแก่พม่า อองซานจึงเป็นศูนย์กลางประสานงานระหว่างกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นทั้งหมดเข้าเป็นสันนิบาตเสรีภาพประชาชนต่อต้านฟาสซิสต์ โดยมีหน่วยงานหลักคือ กองทัพแห่งชาติพม่า พรรคปฏิวัติพม่า และพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ภายหลังเมื่อทางญี่ปุ่นเริ่มไหวตัว สันนิบาตฯจึงจึงเปิดรับกลุ่มอื่น ๆ รวมทั้งชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ เข้าร่วมอีกมาก ดังนั้น เมื่อสงครามโลกยุติลง สันนิบาตฯจึงประกาศเป็นตัวแทนชาวพม่าทั้งหมดในการเรียกร้องเอกราช
การเรียกร้องเอกราช
แก้อังกฤษไม่พอใจบทบาทของสันนิบาตฯในช่วงสงครามมากนักเพราะเคยร่วมมือกับญี่ปุ่นมาก่อน ดังนั้นเมื่อสงครามยุติลง อังกฤษจึงประกาศจะกลับมาปกครองพม่าต่อไป สันนิบาตฯจึงประกาศต่อต้านอังกฤษและจัดการชุมนุมอย่างสงบที่พระเจดีย์ชเวดากองเมื่อ พ.ศ. 2489 และไม่ให้ความร่วมมือกับตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ อย่างไรก็ตามแนวทางการต่อสู้ของผู้นำสันนิบาตฯก็มีความขัดแย้งกันเอง อองซานต้องการต่อสู้ด้วยสันติวิธีแต่พรรคคอมมิวนิสต์ต้องการสู้ด้วยอาวุธ พรรคคอมมิวนิสต์จึงถูกขับออกจากสันนิบาตฯในที่สุด
การเจรจาระหว่างพม่ากับอังกฤษส่งผลให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญในพม่าเมื่อ พ.ศ. 2490 และมีการลวนามในสนธิสัญญาเวียงปางหลวงกับชนกลุ่มน้อย ในระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญ อูเซย์วางแผนยึดอำนาจโดยส่งมือปืนเข้าไปสังหารอองซานและรัฐมนตรีอื่น ๆ เมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 หลังจากนั้น อังกฤษตั้งให้อูนุเป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญและดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญต่อไปจนแล้วเสร็จ อังกฤษให้เอกราชแก่พม่าเมื่อ 4 มกราคม พ.ศ. 2491 สันนิบาตฯได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อมา
หลังได้รับเอกราช
แก้การบริหารประเทศของสันนิบาตฯเต็มไปด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมายทั้งความขัดแย้งกับพรรคคอมมิวนิสต์ และการก่อกบฏของรัฐกะเหรี่ยงและยะไข่ ฝ่ายของผู้นำเอง มีการแตกแยกเป็นสองฝ่ายชัดเจนคือฝ่ายของนายกรัฐมนตรีอูนุ ทะขิ่นทิน และอูจอดุนฝ่ายหนึ่งกับฝ่ายสังคมนิยมของบะส่วยกับจอเย่ง ความพยายามผ่อนปรนให้ชนกลุ่มน้อยและการส่งเสริมศาสนาพุทธที่ทำให้ผู้นับถือศาสนาอื่นไม่พอใจ เป็นเหตุให้นายพลเนวินทำการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2505 บทบาทของสันนิบาตฯจึงยุติลง
อ้างอิง
แก้- สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B. กทม. ราชบัณฑิตยสถาน. 2539