วังบางขุนพรหม

วังบางขุนพรหม เป็นวังที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ต้นราชสกุลบริพัตร และ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี พระมารดา วังบางขุนพรหมอยู่ในเนื้อที่ 33 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทางทิศใต้ของวังเทวะเวสม์ วังบางขุนพรหม มีตำหนักรวม 2 ตำหนัก ได้แก่ ตำหนักใหญ่ และตำหนักสมเด็จ โดยตำหนักใหญ่ ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2444 โดยการออกแบบของคาร์ล ซันเดรสกี สถาปนิกชาวเยอรมัน แต่ไม่แล้วเสร็จ จึงได้มารีโอ ตามัญโญ สถาปนิกที่มีชื่อเสียงชาวอิตาลี มาดำเนินการออกแบบจนแล้วเสร็จ ส่วนตำหนักสมเด็จ เป็นตำหนักที่เพิ่มเติมติดกับตำหนักใหญ่ ได้รับการออกแบบโดยคาร์ล เดอห์ริง สถาปนิกชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ. 2454

วังบางขุนพรหม
Bang Khun Phrom Palace from Rama VIII Bridge.jpg
วังบางขุนพรหม มุมมองจากสะพานพระราม 8
Map
ข้อมูลทั่วไป
สถานะเปลี่ยนสภาพ
ประเภทวัง
สถาปัตยกรรม
ที่ตั้งแขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร
เมือง กรุงเทพมหานคร
ประเทศ ไทย
เริ่มสร้าง
  • ตำหนักใหญ่
    (พ.ศ. 2444 - 2449)
  • ตำหนักสมเด็จ
    (พ.ศ. 2454 - 2456)[1]
เจ้าของธนาคารแห่งประเทศไทย
ข้อมูลทางเทคนิค
โครงสร้างโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน ผนังรับน้ำหนัก มีโครงสร้างหลังคาไม้เนื้อแข็ง[2]
การออกแบบและการก่อสร้าง
สถาปนิกตำหนักใหญ่

ตำหนักสมเด็จ

  • คาร์ล เดอห์ริง
วิศวกร
  • เอมิลโย โจวันนี อูเจนโย กอลโล
  • คาร์โล อันเลกรี
ชื่อที่ขึ้นทะเบียนวังบางขุนพรหม (ธนาคารแห่งประเทศไทย)
ขึ้นเมื่อ14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544
เป็นส่วนหนึ่งของโบราณสถานในเขตกรุงเทพมหานคร
เลขอ้างอิง0000063
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารแห่งประเทศไทย

ภายหลังสร้างแล้วเสร็จได้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี จนถึงปี พ.ศ. 2470 จนการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 วังแห่งนี้ได้ตกเป็นของรัฐบาล กลายเป็นสถานที่ราชการต่างๆ ทั้ง กรมยุวชนทหารบก สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ และตั้งแต่ พ.ศ. 2488 จนถึงปัจจุบัน วังบางขุนพรหม เป็นที่ทำการของธนาคารแห่งประเทศไทย[3]

ภายในวังบางขุนพรหมมี ห้องสีชมพู และห้องสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นห้องที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา วิจิตร และมีชื่อเสียงที่สุด เดิมเป็นห้องรับแขกสำคัญ และบำเพ็ญพระกุศลของวังบางขุนพรหม ปัจจุบันจัดแสดง ภาพเขียน ภาพถ่ายเจ้านายในราชสกุลบริพัตร สิ่งของ เครื่องใช้ในวังบางขุนพรหม เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต[4]

ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมตามแบบตะวันตกทั้ง นีโอ-บารอก โรโกโก อาร์นูโว และ อาร์ตเดโค ทำให้วังบางขุนพรหม ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในวังที่สวยที่สุดเมืองไทย[5] และเป็นวังที่สถาปัตยกรรมบารอกและโรโคโค ที่สมบูรณ์ที่สุด

ประวัติแก้ไข

วังบางขุนพรหมนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมจัดซื้อที่ดินพระราชทานแด่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เมื่อ พ.ศ. 2442 ใช้เป็นที่ประทับ และยังเป็นสถานที่จัดงานสโมสรสันนิบาต ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองหลายครั้ง นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่จัดงานสังสรรค์ของพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นสถานที่ให้ครูชาวต่างประเทศใช้จัดสอนวิชาต่าง ๆ ให้กับพระธิดาและเจ้านายฝ่ายในของวังอื่น ๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีชื่อเรียกกันในสมัยนั่นว่า "บางขุนพรหมยูนิเวอร์ซิตี้"

ซึ่งวังบางขุนพรหม ได้รับการยอมรับว่าเป็นวังที่ประทับของเจ้านายชั้นเจ้าฟ้า ที่ถือว่าใหญ่โตที่สุด โอ่อ่าที่สุด ทำให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ผู้ที่ประทับ ได้รับสมัญญานามจากคนทั่วไปว่า "เจ้าฟ้าวังบางขุนพรหม" หรือ"จอมพลบางขุนพรหม"[6]

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ได้ย้ายออกจากวังบางขุนพรหม เสด็จฯไปประทับอยู่ที่ตำหนักประเสบัน เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย อย่างกะทันหันและประทับอยู่ที่นั่นจนสิ้นพระชนม์ ภายหลัง จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีแนวคิดจะคืนวังบางขุนพรหมให้แก่พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร ทายาทของเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ โดยจะให้พลโทประยูร ภมรมนตรี เป็นคนกลางถือจดหมาย แต่พลโทประยูรไม่เห็นด้วยและเอาจดหมายไปเก็บไว้เอง

วังบางขุนพรหม ได้ใช้เป็นที่ตั้งของกรมยุวชนทหาร สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ และหน่วยงานราชการอีกหลายแห่ง ต่อมาในปี พ.ศ. 2488 ธนาคารแห่งประเทศไทยเช่าวังบางขุนพรหมเป็นที่ทำการธนาคารจากกรมธนารักษ์ ใน พ.ศ. 2502 จึงได้จัดซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด โดยแลกกับบ้านมนังคศิลา ในราคา 39.185 ล้านบาท

เมื่อ พ.ศ. 2496 มีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ก็จัดตั้งสำนักงาน บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด และ ทำการถ่ายทอดจากที่นี่ เมื่อ พ.ศ. 2498 เรียกว่า สถานีโทรทัศน์ ไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหม ย้ายออกไปใน พ.ศ. 2520 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. และ โมเดิร์นไนน์ ทีวี ตามลำดับ

สถาปัตยกรรมแก้ไข

วังบางขุนพรหม ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ ผสมผสานกับลวดลายศิลปะแบบนีโอ-บารอก ประตูวังสร้างด้วยเหล็กดัดและเสาปูนประดับลวดลายปูนปั้นที่งดงาม กึ่งกลางสนามมีน้ำพุประดับขอบบ่อด้วยรูปเงือกฝรั่งชายหญิงและสัตว์น้ำต่างๆ

  • ตำหนักใหญ่ หรือ ตำหนักทูลกระหม่อม ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2449 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน นายมาริโอ ตามาญโญ ศิลปะสถาปัตยกรรมแบบ บาโรก และโรโกโก เป็นตึก 2 ชั้น ที่ปลายปีกอีกด้านหนึ่งเป็นหอกลม 3 ชั้น ความงามของตึกจะอยู่ที่ลักษณะเสาชนิดต่าง ๆ ทั้งเสากลม เสาเหลี่ยม เสาแบน เสาบิดเป็นเกลียว ตามหัวเสาประดับด้วยลวดลายปูนปั้น หน้าต่างมีหลายแบบ มีหน้าต่างรูปไข่ ล้อมด้วยลายปูนปั้นรูปดอกคัทลียา และหน้าต่างรูปครึ่งวงกลมมีรูปเครือไม้และผลไม้ หลังคาเป็นแบบทรงมังซาร์ด
  • ตำหนักสมเด็จ สร้างขึ้นภายหลังประมาณ พ.ศ. 2456 เพื่อเป็นที่ ประทับของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ออกแบบโดย นายคาร์ล เดอริง (Karl Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมัน ผู้ออกแบบพระราชวังบ้านปืน จังหวัดเพชรบุรี และวังวรดิศ ถนนหลานหลวง มีลักษณะ ศิลปะสถาปัตยกรรม แบบอาร์ตนูโว และอาร์ตเดโค มีจุดเด่นที่หลังคาเป็นแบบ จั่วสูงหัวตัด
  • ตำหนักหอ เป็นเรือน 2 ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูนเป็นผนัง ชั้นบนเป็นไม้สัก ชั้น 3 ใช้เป็นห้องประทับ หลังคามุงกระเบื้องสามเสน ก่อสร้างเป็นตำหนักแรก เพื่อให้ทรงใช้เป็นที่ประทับเมื่อทรงเดินทางกลับจากประเทศเยอรมนีใน พ.ศ. 2446 ออกแบบโดยพระสถิตย์นิมานการ ต่อมาได้สร้างห้องเครื่อง (ห้องครัว) เพิ่มเติม
  • ตำหนักน้ำ เป็นตำหนักไม้อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่ทรงพระอักษร ห้องบรรทม และเป็นที่เสด็จลงเรือเมื่อครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งอยู่กระทรวงทหารเรือ
  • ศาลาแตร เป็นศาลาวงกลม สร้างแบบยุโรปเรียกกันว่า "กระโจมแตร" ใช้เป็นที่ตั้งวงดนตรีแตรวงของทหารเรือ ทหารบก เมื่อมีการเลี้ยงต้อนรับแขก[7]

[8][9][10]

อ้างอิงแก้ไข

  1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรศรี โพวาทอง, เอกสารคำสอน รายวิชา 2501296 มรดกสถาปัตยกรรมไทย, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หน้าที่ 104 .สืบค้นเมื่อ 08/05/2560
  2. เยือนวังบางขุนพรหม ชมความงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุนับ 100 ปี, travel.kapook.com/ .วันที่ 3 เม.ย. 2557
  3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรศรี โพวาทอง, เอกสารคำสอน รายวิชา 2501296 มรดกสถาปัตยกรรมไทย, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หน้าที่ 100 .สืบค้นเมื่อ 08/05/2560
  4. วังบางขุนพรหม วังเทวะเวสม์ 2 สุดยอดพิพิธภัณฑ์“ไฮเทค” เก็บถาวร 2017-12-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ผู้จัดการออนไลน์ .วันที่ 16 ส.ค. 2549
  5. วังบางขุนพรหม อลังการงานศิลป์...สงบงามเหนือกาลเวลา, chillpainai.com .สืบค้นเมื่อวันที่ 08/05/2560
  6. นักการเมืองไร้แผ่นดิน, คอลัมน์ เรื่องเก่าเล่าใหม่ โดย โรม บุนนาค. หน้า 65-66 นิตยสาร all ฉบับเดือนมกราคม พ.ศ. 2550
  7. "วังบางขุนพรหม" 100 ปี แห่งความทรงจำ
  8. "พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-29. สืบค้นเมื่อ 2008-05-23.
  9. "วังบางขุนพรหม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-12. สืบค้นเมื่อ 2006-06-12.
  10. "บันทึกวัฒนธรรม: "วังบางขุนพรหม" ยูนิเวอร์ซิตี้...แห่งสยาม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-05-24. สืบค้นเมื่อ 2006-06-12.

แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข

พิกัดภูมิศาสตร์: 13°46′06″N 100°30′00″E / 13.768236°N 100.500022°E / 13.768236; 100.500022