รถไฟรางเดี่ยว
รถไฟรางเดี่ยว หรือ โมโนเรล (อังกฤษ: monorail) เป็นระบบขนส่งทางรางชนิดหนึ่ง ต่างจากระบบเดิมแทนที่จะมีราวเหล็กสองราวประกอบเป็นราง กลับมีลักษณะเป็นคานเหล็กหรือคอนกรีตเส้นเดียวให้รถวิ่งผ่าน คำว่า monorail มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2440[1] โดยอ็อยเกิน ลังเงิน (Eugen Langen) วิศวกรชาวเยอรมัน โดยประสมคำว่า mono (เดี่ยว) และ rail (ราวเหล็กสำหรับประกอบรางรถไฟ) เข้าด้วยกัน
รถที่ใช้รางเดี่ยวจะวิ่งบนทางที่มีขนาดแคบกว่าตัวรถ[2] โดยอาจมีครีบสำหรับกอดรัดให้ตัวรถติดกับทางไว้ก็ได้ นิยมใช้เป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดกลาง จำนวนคนไม่มาก ต่างจากระบบรถรางหนัก (heavy rail) ซึ่งขนส่งคนได้ในปริมาณที่มากกว่า
ความแตกต่างจากระบบขนส่งรูปแบบอื่น
แก้ความแตกต่าง
แก้รถรางเดี่ยวแตกต่างจากรถรางและระบบรางเบา รางเดี่ยวสมัยใหม่มักจะมีการแบ่งพื้นที่จากช่องทางอื่นและคนเดินเท้าอย่างชัดเจน รางเดี่ยวสามารถเคลื่อนและรองรับได้ด้วยที่รองรับน้ำหนักเพียงส่วนเดียวแตกต่างจากระบบอื่น นอกจากนี้รางเดี่ยวยังไม่ต้องมีการรับไฟฟ้าจากเสาสาลี่อีกด้วย
รถไฟพลังแม่เหล็ก
แก้รถไฟพลังแม่เหล็กบางส่วนใช้ในรูปแบบรางเดี่ยวเช่น Transrapid และ Linimo แต่มีความแตกต่างจากรถรางเดี่ยวรูปแบบอื่นที่รถไฟพลังแม่เหล็กจะไม่มีการสัมผัสกับรางโดยตรง
ประวัติ
แก้ในปี พ.ศ. 2363 อีวาน เอลมานอฟ (Ivan Elmanov) นักประดิษฐ์ชาวรัสเซีย ได้คิดดัดแปลงรางรถไฟธรรมดาที่เคยมีราวเหล็กสองราวให้เหลือราวเหล็กเพียงเส้นเดียว ในเวลาต่อมา แนวคิดดังกล่าวได้รับการนำไปปรับใช้ที่อังกฤษในปีต่อมา โดยได้นำไปใช้ที่ท่าเรือเด็ตเฟิร์ด (Deptford Dockyard) กรุงลอนดอน และทางรถไฟสายเช็สซันต์ (Chesthunt) ซึ่งใช้สำหรับขนส่งหินจากเหมืองขุดหิน พร้อมไปกับการขนส่งคนโดยสารอีกด้วย ทางรถไฟสายเช็สซันต์ ถือเป็นทางรถไฟราวเดี่ยวสายแรกที่ขนส่งคนโดยสารสายแรกของโลก[3][4]
ในยุคแรก ๆ ทางรถรางเดี่ยวเป็นราวเหล็กรูปปากแตรคู่สำหรับให้ครีบล้อเกาะ แทนระบบเดิมที่ให้ล้อวางบนราวเหล็กสองเส้น บางทีอาจนำตู้โดยสารลงไปแขวนไว้กับล้อที่ติดบนราว แล้วให้ไหลไปตามราวก็ได้ เช่น ที่เมืองวุพเพอร์ทาล (Wuppertal) ประเทศเยอรมนี ในเวลาต่อมา รถรางเดี่ยวได้มีการพัฒนาให้มีล้อสองชุด ชุดหนึ่งทำหน้าที่ประคองตัวรถ อีกชุดทำหน้าที่ขับเคลื่อน รถรางเดี่ยวได้มีการใช้แพร่หลายมากขึ้นโดยลำดับ โดยในปี พ.ศ. 2499[5] ได้มีการทดสอบรถรางเดี่ยวที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ให้หลังจากนั้นก็มีการนำไปติดตั้งที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์[6] รวมไปถึงใช้เป็นระบบขนส่งมวลชนในกรุงโตเกียวอีกด้วย
ชนิดและลักษณะทางเทคนิค
แก้รถรางเดี่ยว สามารถจำแนกตามการจัดวางได้สองแบบคือแบบวางคร่อมราว (straddle-beam) กับแบบแขวนไว้กับราว (suspended)
รูปแบบรางเดี่ยวที่นิยมใช้มากที่สุดในทุกวันนี้คือแบบวางคร่อมราว ซึ่งล้อยางจะติดตั้งไว้ที่ด้านใต้ท้องรถและกะบังข้างตัวรถ เพื่อให้ตัวรถสามารถหนีบยึดไว้กับราวคอนกรีตที่มีความกว้างราว 0.6-0.9 เมตรได้ โดยรางเดี่ยวรูปแบบนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจากการนำไปใช้โดยบริษัทของเยอรมนีอย่างอัลเวก
สำหรับรถแบบแขวนไว้กับราว จะมีแคร่ล้อเหล็กซึ่งวิ่งบนราวเหล็ก ใต้แคร่จะแขวนตู้โดยสารไว้ ระบบดังกล่าวถูกบุกเบิกและนำไปใช้แพร่หลายโดยกลุ่มองค์กรเพื่อการศึกษาธุรกิจแห่งฝรั่งเศส (SAFEGE) และมีการใช้ที่เมืองแฝดบาร์เมินและเอ็ลเบอร์เฟ็ลท์ในหุบเขาวุพเพอร์ ประเทศเยอรมนี
พลังงาน
แก้รถรางเดี่ยวขับเคลื่อนด้วยกระแสไฟฟ้าที่ส่งผ่านรางที่สามหรือรางไฟ (third rail) แต่บางครั้งอาจใช้เครื่องยนต์ดีเซลขับเคลื่อน[7] นอกจากนี้บางระบบในอดีตยังมีการใช้พลังงานในรูปแบบของรถจักรไอน้ำเช่น Lartigue Monorail
แรงแม่เหล็ก
แก้ในรถรางเดี่ยวที่ทันสมัยขึ้นอาจใช้สนามแม่เหล็กยกรถให้ลอยเหนือราวแล้วผลักให้วิ่งไป เรียกว่ารถไฟพลังแม่เหล็กหรือแมกเลฟ (MAGLEV) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นระบบรางที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลก โดย JR-Maglev ของญี่ปุ่นเป็นเจ้าของสถิติอยู่ที่ 581 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ราวเกาะสำหรับรถไฟแมกเลฟอาจจะกว้างมากจนไม่อาจเรียกว่าราวเกาะแบบรางเดี่ยวก็ได้[8][9] นอกจากนี้รถไฟพลังแม่เหล็กที่มีความเร็วต่ำกว่านี้มักจะถูกใช้ในเมืองเป็นหลักเช่น Linimo ของญี่ปุ่น
สถิติที่น่าสนใจ
แก้- สายรถรางเดี่ยวที่มีคนโดยสารมากที่สุด: กรุงโตเกียว มีผู้โดยสาร 311,856 คนต่อวันทำงาน (ปี 2553)[10]
- สายรถรางเดี่ยวที่ยาวที่สุด: เมืองฉงชิ่ง (สาย 2 และ 3) ระยะทาง 55.6 กิโลเมตร
- สายรถไฟพลังแม่เหล็กที่ยาวที่สุด: เมืองเซี่ยงไฮ้ ระยะทาง 30.5 กิโลเมตร
- สายรถรางเดี่ยวแบบคร่อมราวที่ยาวที่สุด: เมืองฉงชิ่ง สาย 3 ระยะทาง 39.1 กิโลเมตร
- สายรถรางเดี่ยวแบบแขวนที่ยาวที่สุด: เมืองชิบะ, ระยะทาง 15.2 กิโลเมตร
- สายรถรางเดี่ยวที่เก่าแก่ที่สุดและยังใช้งานอยู่: ชเวเบอบานวุพเพอร์ทาล (Schwebebahn Wuppertal) สร้าง พ.ศ. 2444
โครงการรถรางเดี่ยวในประเทศไทย
แก้- โครงการในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
- รถไฟฟ้าสายสีเหลือง
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู
- รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (โครงการ)
- รถไฟฟ้าสายสีเทา (โครงการ)
- รถไฟฟ้าสายสีฟ้า (โครงการ)
- รถไฟฟ้าโมโนเรล สายบางปู-สุวรรณภูมิ (โครงการ)
- โครงการในต่างจังหวัด
- โมโนเรลพัทยา จ.ชลบุรี
- โมโนเรล อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี[11]
- โมโนเรลหาดใหญ่ จ.สงขลา
- โครงการในอดีต
- รถรางลอยฟ้า ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ (ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้)
- รถรางลอยฟ้า สวนสนุกลีโอแลนด์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลซิตี้ บางนา (เซ็นทรัลพลาซา บางนา ในปัจจุบัน) (ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้)
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "Etymology Online entry for monorail". Etymonline.com. สืบค้นเมื่อ 2010-09-11.
- ↑ "Monorail Society, What is a monorail?". Monorails.org. สืบค้นเมื่อ 2010-09-11.
- ↑ Finchley Society (1997-06-26). "Finchley Society Annual General Meeting Minutes" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-09-23. สืบค้นเมื่อ 2009-04-03.
- ↑ Today in Science History. "June 25 - Today in Science History". สืบค้นเมื่อ 2009-04-03.
- ↑ "First U.S. Monorail Has Trial Run." Popular Mechanics, June 1956, p. 77.
- ↑ "Disneyland Adds Submarine and Monorail". Popular Mechanics. July 1959. สืบค้นเมื่อ 21 December 2010.
- ↑ "Metrail Test Track Photo Essay - page one of three". Monorails.org. 2002-10-18. สืบค้นเมื่อ 2010-09-11.
- ↑ Svensson, Einar. "Definition and Description of Monorail" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-06-24. สืบค้นเมื่อ 16 August 2012.
- ↑ society, monorail. "definition of monorail". monorail society. สืบค้นเมื่อ 16 August 2012.
- ↑ http://www.tokyo-monorail.co.jp/company/profile.html
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-11. สืบค้นเมื่อ 2022-02-01.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่า|url=
(help)