ปืนกลเอ็ม1917 บราวนิง

เอ็ม1917 ปืนกลบราวนิง เป็นปืนกลหนักที่ถูกใช้งานโดยกองทัพสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามเกาหลี มันยังได้ถูกใช้โดยประเทศอื่นๆ มันเป็นปืนกลที่ต้องใช้พลประจำปืนสามคนคือคนยิง คนถือขาตั้งปืน และถือสายกระสุน(ซึ่งตัวปืนนั้นมีน้ำหนักมากจึงต้องใช้กำลังในการยกปืนไปไหนมาไหนได้) นอกจากนั้นจะต้องใช้น้ำราดบนตัวปืนเพื่อระบายความร้อน มีการทำงานที่ใกล้เคียงกับบราวนิง เอ็ม1919 ที่มีน้ำหนักเบาและระบายความร้อนได้ดีกว่า มันได้ถูกใช้ในระดับกองพันและมักจะติดตั้งบนยานพาหนะ(เช่น รถจิป) มีการกล่าวถึงปืนสองรุ่นหลัก: เอ็ม1917 ซึ่งถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และเอ็ม1917เอ1 ซึ่งถูกใช้ในช่วงเวลาหลังจากนั้น เอ็ม1917 ซึ่งได้ถูกใช้ในเครื่องบินบางลำเช่นเดียวกันบทบาททางภาคพื้นดิน มีอัตราเร็วในการยิงตามวงรอบ(CYCLIC RATE)อยู่ที่ 450 นัดต่อนาที ส่วนเอ็ม1917เอ1 จะมีอัตราเร็วในการยิงตามวงรอบอยู่ที่ 450 ถึง 600 นัดต่อนาที

บราวนิง โมเดล 1917
บราวนิง โมเดล เอ็ม1917เอ1 ปืนกลแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
ชนิดปืนกลหนัก
แหล่งกำเนิดสหรัฐอเมริกา
บทบาท
ประจำการ1917 – late 1960s (U.S.)
ผู้ใช้งานSee Users
สงครามสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
การปฏิวัติแม็กซิโก
สงครามบานานา
Chaco War
สงครามโลกครั้งที่สอง
สงครามเกาหลี
สงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง
วิกฤตการณ์คองโก
สงครามเวียดนาม[ต้องการอ้างอิง]
ประวัติการผลิต
ผู้ออกแบบจอห์น เอ็ม. บราวนิง
ช่วงการออกแบบ1917
จำนวนที่ผลิต128,369 [1]
แบบอื่นM1917, M1917A1, Colt models
ข้อมูลจำเพาะ
มวล103 lb (47 kg) (gun, tripod, water, and ammunition)
ความยาว980 mm
ความยาวลำกล้อง24 in (609 mm)

กระสุน.30-06 Springfield
การทำงานRecoil-operated automatic
อัตราการยิง450 round/min, 600 round/min for M1917A1
ความเร็วปากกระบอก2,800 ft/s (853.6 m/s)
ระบบป้อนกระสุน250 round fabric belt

ผู้ใช้

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "The Browning Model 1917 Water-Cooled Machine Gun". Small Arms Defense Journal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-18. สืบค้นเมื่อ 2019-07-04.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 Rottman, Gordon L. (20 February 2014). Browning .30-caliber Machine Guns. Weapon 32 (Paper ed.). Osprey Publishing. ISBN 9781780969213.
  3. 3.0 3.1 Huon, Jean (September 2013). "The Chaco War". Small Arms Review. Vol. 17 no. 3. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-08-19. สืบค้นเมื่อ 2019-07-04.
  4. Shih, Bin (2018). China's Small Arms of the Second Sino-Japanese War (1937-1945).
  5. Jowett, Philip (28 Jun 2018). Latin American Wars 1900–1941: "Banana Wars," Border Wars & Revolutions. Men-at-Arms 519. Osprey Publishing. p. 38. ISBN 9781472826282.
  6. Jenzen-Jones, N.R. (30 September 2018). "Ethiopian .30-06, 7.62 × 51 mm & 7.92 × 57 mm cartridges". armamentresearch.com.
  7. Rossi, Michel (November 1992). "Le bataillon de Corée (1950/1953)". La Gazette des Armes (ภาษาฝรั่งเศส). No. 227. pp. 10–15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-21. สืบค้นเมื่อ 2019-07-04.
  8. Dunstan, Simon (21 February 2019). French Armour in Vietnam 1945–54. New Vanguard 267. Osprey Publishing. p. 26. ISBN 9781472831828.
  9. "Nov. 07, 1951 - Japan's Police: Arms And The Men Trainees at Japan's National Police Reserve Academy in Etchujima pose behind their varied weapons on one of the school's firing ranges. About 950 trainees are at the academy undergoing a nine-week training course. Their weapons include the M-1 rifle, the carbine, 30-caliber and 50-caliber machine guns, the 2.36 bazooka, the 60mm mortar, the Browning automatic rifle. Mortars and bazooka are recent additions to the police arsenal". alamy. 7 November 1951.