ปีเอโตร กาวัลลีนี
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เปียโตร คาวาลลินิ (อังกฤษ: Pietro Cavallini) (ราว ค.ศ. 1250 - ราว ค.ศ. 1330) เป็นจิตรกรศิลปะกอธิคของยุคกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 13 และ 14 ผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนจิตรกรรมและออกแบบงานโมเสก ประวัติชีวิตของคาวาลลินิไม่เป็นที่ทราบกันเท่าใดนัก แต่ที่ทราบคือทำงานอยู่ที่กรุงโรม
ปีเอโตร กาวัลลีนี |
---|
งานชิ้นแรกที่สำคัญของคาวาลลินิคืองานโมเสกชุดสำหรับมหาวิหารเซนต์พอลนอกกำแพงในกรุงโรมที่เป็นเรื่องราวจาก with stories from the พันธสัญญาเดิม และ พันธสัญญาใหม่ที่สร้างระหว่าง ค.ศ. 1277 ถึง ค.ศ. 1285 แต่มาถูกทำลายไปในเพลิงไหม้ในปี ค.ศ. 1823
งาน “การตัดสินครั้งสุดท้าย” สำหรับวัดซานตาซิซิเลียอินทราสเทเวเรในกรุงโรมที่เขียนราวปี ค.ศ. 1293 ถือกันว่าเป็นงานชิ้นเอกของคาวาลลินิที่แสดงให้เห็นถึงลักษณการเขียนที่เรียกว่า “ธรรมชาตินิยมแบบโรมัน” (Roman naturalism) ความเป็นธรรมชาติที่เห็นในภาพมีอิทธิพลต่อศิลปินที่ทำงานในเมืองอื่นๆ ในอิตาลีเช่นฟลอเรนซ์และเซียนา
ในตระกูลการเขียนภาพแบบเซียนาอิทธิพลจากลักษณะการเขียนของศิลปะโรมันรวมกับลักษณะการเขียนแบบศิลปะไบแซนไทน์ดั้งเดิมของเซียนาและอิทธิพลจากศิลปะกอธิคจากทางตอนเหนือก็ทำให้งานที่ออกมามีลักษณะเป็นธรรมชาติและเป็นต้นตอของศิลปะตระกูลที่เรียกว่าศิลปะกอธิคนานาชาติ
ในฟลอเรนซ์อิทธิพลของลักษณะการเขียนของศิลปะโรมันที่มาผสานกับลักษณะการเขียนแบบศิลปะไบแซนไทน์ดั้งเดิมของฟลอเรนซ์ทำให้เกิดศิลปะที่มีลักษณะที่มีความใหญ่โต เป็นธรรมชาติ และมีความสง่างาม ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างเป็นอย่างมากจากการเขียนภาพแบบกอธิคที่ราบและเต็มไปด้วยการตกแต่งแบบวิจิตรของศิลปะกอธิคนานาชาติและศิลปะไบแซนไทน์
ความเป็นธรรมชาตินี้เห็นได้ชัดในงานภายในมหาวิหารเซนต์ฟรานซิสแห่งอาซิซิ ที่สร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นเกียรติแก่ฟรานซิสแห่งอาซิซิผู้ที่เพิ่งได้รับการสถาปนาให้เป็นนักบุญ ภาพที่ตกแต่งภายในมหาวิหารเป็นภาพที่เขียนแบบการเขียนของโรมัน ผู้ที่เขียนภาพส่วนใหญ่ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นผู้ใดและอย่างน้อยก็มีจิตรกรผู้หนึ่งที่มาจากโรม ลักษณะการเขียนภาพของจิตรกรที่ว่านี้คล้ายกับลักษณะการเขียนของจอตโต ดี บอนโดเนผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เขียนภาพนี้แต่เดิม แต่ความเห็นใหม่ของนักวิชาการส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่เชื่อว่าเป็นงานของจอตโต
งานของจอตโตในชาเปลสโครวินยีที่ปาดัวแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลเป็นอันมากของการเขียนแบบธรรมชาติแบบประดิษฐ์ของโรมันซึ่งเป็นลักษณะการเขียนเฉพาะตัวที่มามีอิทธิพลต่อการเขียนภาพของจิตรกรชาวฟลอเรนซ์ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาต่อมา
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1308 คาวาลลินิก็ไปทำงานที่เนเปิลส์ในราชสำนักของ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลที่ 2 แห่งอองชู ส่วนใหญ่ที่วัดซานโดเมนนิโคมายอเร (ค.ศ. 1308) และวัดซานตามาเรีย ดอนนาเรจินา (ค.ศ. 1317) พร้อมกับจิตรกรโรมันฟิลิปโป รูซูติ คาวาลลินิกลับมากรุงโรมก่อนปี ค.ศ. 1325 และเริ่มงานตกแต่งภายนอกมหาวิหารเซนต์พอลนอกกำแพง ในปี ค.ศ. 1321 ด้วยงานโมเซอิกแบบไบแซนไทน์
ลูกศิษย์ของคาวาลลินิก็รวมทั้งจิโอวานนิ ดิ บาร์โทโลมเมโอ (Giovanni di Bartolommeo)
ผลงาน
แก้- “จาเอลและทิสเซอรัน” สีน้ำ
- “ฉากชีวิตพระแม่มารี” (ค.ศ. 1291) โมเสอิก บาซิลิกาซานตามาเรียทราสเทเวเร เป็นงานที่ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นงานที่แสดงลักษณะที่เหมือนจริงและมีทัศนมิติ งานเขียนในวัดนี้ก็รวมทั้ง
- “การประสูติของพระแม่มารี”
- “การประกาศของเทพ”
- “การประสูติของพระเยซู”
- “การชื่นชมของแมไจ”
- “การนำพระเยซูเข้าวัด”
- “การนำพระเยซูเข้าวัด”
- “การสิ้นพระชนของพระแม่มารี”
- “การตัดสินครั้งสุดท้าย” (ค.ศ. 1295-1300) ส่วนหนึ่งของจิตรกรรมฝาผนังในวัดซานตาซิซิเลียอินทราสเทเวเรในกรุงโรม
งานจิตรกรรมฝาผนังบนมุขตะวันออกของวัดซานจอร์โจอัลเวลาโบรในกรุงโรมเชื่อกันว่าเป็นงานเขียนของคาวาลลินิเนื่องจากมีลักษณะการเขียนที่คล้ายคลึงกับงานเขียนของคาวาลลินิที่ทราสเทเวเร
งานโมเสกบนมุขตะวันออกของวัดซานคริโซโจโนในดิสตริคท์ทราสเทเวเรเป็นภาพพระแม่มารีกับนักบุญเซบาสเตียนและนักบุญคริโซโจโนก็เชื่อกันว่าเป็นงานของคาวาลลินิ
อ้างอิง
แก้ดูเพิ่ม
แก้แหล่งข้อมูลอื่น
แก้วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เปียโตร คาวาลลินิ
- ชีวประวัติของเปียโตร คาวาลลินิที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเว็บ
- ภาพเขียนของเปียโตร คาวาลลินิที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเว็บ
- Pietro Cavallini Works at Artst.Org เก็บถาวร 2012-02-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน