ซิธ (อังกฤษ: Sith) เป็นศัตรูตัวหลักของผลงานมากมายในจักรวาลที่ถูกสมมุติขึ้นของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส พวกเขาเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามและเป็นศัตรูโบราณของเจได นิกายซิธได้ถูกอธิบายว่า เป็นนักพรตนับแต่โบราณและองค์กรลัทธิคราเตโรเครติก(ลัทธิที่พวกเขามีความเชื่อว่าอำนาจทำให้เกิดความชอบธรรม) ของเหล่าผู้ใช้ฟอร์ซที่มีพรสวรรค์ด้านเหนือธรรมชาติซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยกำหนดการของมาเกียเวลลี-จักรวรรดินิยม ของการครอบงำกาแลกติกและการแก้แค้นต่อนิกายเจได กลุ่มต่าง ๆ ที่เป็นฝ่ายร้ายในแฟรนไชส์นี้ ได้แก่ พันธมิตรแบ่งแยกดินแดน ปฐมจักรวรรดิกาแลกติก เศษซากจักรวรรดิ และปฐมภาคี มีต้นกำเนิดทั้งหมดมาจากซิธโดยตรงหรือทางอ้อม

ซิธ
Emblem of the Sith Order
ตราของซิธ
จักรวาลสตาร์ วอร์ส
ประเภท
ก่อตั้งป. 5,000 ปีก่อนยุทธการยาวินหรือก่อนหน้านั้น (เนื้อเรื่อง)
ป. 6,900 ปีก่อนยุทธการยาวิน (ตำนาน)
สถานที่ตั้ง

ตำนาน

ผู้นำ
บุคคลสำคัญ
ภาษาทางการเบสิก

ซิธเป็นผู้ที่มีความโหดเหี้ยมและเผด็จการโดยถูกออกแบบมาซึ่งอำนาจเผด็จการสูงสุดจะกระจุกตัวอยู่ในบุคคลเดียวที่ได้รับการขนานนามว่า ดาร์ก ลอร์ด ออฟ เดอะซิธ วัฒนธรรมซิธคือการทำลายตนเองและการสร้างขึ้นมาใหม่อย่างถาวร การโอนอำนาจจะดำเนินการผ่านทางรัฐจะทำการลงโทษด้วยการลอบสังหาร: เมื่อซิธลอร์ด เริ่มอิ่มเอมพอใจและแสดงถึงความอ่อนแอออกมา พวกเขาก็ถูกสังหารในที่สุด ซึ่งทรัพย์สินและอำนาจของพวกเขาได้โอนไปยังลูกศิษย์ที่สังหารพวกเขา การปล้น การทรยศหักหลัง และการก่อวินาศกรรมเป็นเรื่องธรรมดา การฆาตกรรมเป็นที่ยอมรับได้ตราบเท่าที่ผู้กระทำผิดยังไม่ถูกจับกุม ซิธสอนลูกศิษย์ของพวกเขาให้เคารพด้านมืดของพลังและเชื่อว่ากาแลกซีเป็นของพวกเขาที่จะปกครองโดยสิทธิ์จักรวาล ระบบคราเตโรเครติกนี้ทำให้แน่ใจแล้วว่า สังคมของซิธจะหล่อเลี้ยงบุคคลที่ดุร้ายและแข่งขันได้มากที่สุดในกาแลกซีและถูกควบคุมโดยผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพอที่จะควบคุมได้

อาวุธดั้งเดิมของซิธคือ กระบี่แสง ซึ่งเป็นอุปกรณ์สร้างพลาสมาแบบใบมีดซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยไคเบอร์คริสตัล และใช้วงจรมอดูเลตและประตูพลังงานหรืออุปกรณ์โฟกัสอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับไคเบอร์คริสตัล กระบี่แสงของซิธสามารถส่องแสงเป็นสีแดงเท่านั้น สีอื่น ๆ สามารถเปลี่ยนเป็นสีแดงได้ เช่น กระบี่แสงสีแดงของไคโล เร็น หลังจากที่วิหารเจไดของลุค สกายวอล์คเกอร์ถูกทำลาย ไคเบอร์คริสตัลของเขาแต่เดิมเป็นสีน้ำเงินจนกระทั่งเลือดออกกลายเป็นสีแดง

วิชาและธรรมเนียม

แก้

หากเจ้าไร้ซึ่งการต่อสู้, ชัยชนะของเจ้าก็ไร้ความหมาย หากเจ้าไร้ซึ่งการต่อสู้, เจ้าก็ไม่มีความก้าวหน้า หากเจ้าไร้ซึ่งการต่อสู้, มันก็มีแต่ความอ่อนแอ

ถูกหล่อหลอมโดยไฟ

แก้

วิชาของซิธนั้นเน้นหนักไปในทางต่อสู้ เป็นปรปักษ์หรือสร้างศัตรู ซิธเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะเพิ่มพูนพลังให้คนๆเดียวหรือคนหมู่มากด้วยการทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลง,เติบใหญ่,และวิวัฒนาการ ในความขัดแย้งแน่นอนว่าผู้ที่แข็งแรงเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด ด้วยเหตุนี้มันจะนำพวกซิธเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบ ตัดสินที่ว่าพวกเขาแกร่งพอไหมและอ่อนแอเกินไปที่จะปกป้องตัวเองหรือเปล่า ซึ่งมันเป็นเกมที่ยุติธรรม การสอนให้ใช้ความสงบในแบบของเจไดถูกมองว่าผิดและไม่สมควรทำเช่นนั้น;ไร้ซึ่งการต่อสู้มีเพียงแค่ความเฉื่อยชาและความเสื่อม การเทศนาเป็นการปฏิบัติเช่นเดียวอุปสรรคที่ต้องควบคุมให้ได้ มันต้องเป็นไปในทางความสามารถของซิธเพื่อจดจำและคว้าเอาโอกาสเอาไว้เพื่อความก้าวหน้า

มีอำนาจจากความโลภ

แก้

อะไรเล่าจะเป็นเชื้อเพลิงให้กับพลังของเจ้าหากไม่ใช่ความปรารถนา แข็งแกร่งกว่า, ความรู้สึกที่มืดกว่า ความโกรธ, ความเกลียด, ความกลัว… เหล่านี้สร้างพลังให้พวกเรา

แก่นแท้ของพลังของซิธมาจากพื้นฐานของความรู้สึก เจไดคิดว่าความกลัวและโกรธคือด้านลบที่ต้องควบคุมเอาไว้,แต่ซิธเข้าใจว่าทุสรรพสิ่งที่มีชีวิตถูกปล่อยให้ตกอยู่ภายใต้กิเลส พวกเขาเชื่อที่จะควบคุมมากกว่าการที่จะระงับแรงกระตุ้นทางธรรมชาติ พวกซิธไม่ได้พยายามที่จะออกห่างจากความโลภเหมือนที่เจไดทำ ตรงกันข้ามพวกเขาเชื่อว่าความรู้สึกเป็นคุณสมบัติที่จะเรียนรู้ถึงพลังที่ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตาม,ไม่ใช่ว่าความรู้สึกทั้งหมดจะถูกรวบรวมโดยซิธ พวกเขาเหมือนเจไดที่ตระหนักว่า"รัก"คือความรู้สึกที่อันตราย,แต่เหตุผลต่างกันออกไป เจไดห้ามปรามความรักเพราะมันจะนำไปสู่ข้อยึดติด,แต่ซิธ คิดว่าความรักคือความปราณีซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาเกลียดชัง อาจเป็นเพราะความปราณีทำให้คนหลีกเลี่ยงการต่อสู้

หลักเกณฑ์ของซิธ สันติคือสิ่งลวงตา กิเลศคือสัจจธรรม จากกิเลศสู่ความแข็งแกร่ง จากความแข็งแกร่งสู่กำลัง จากกำลังสู่ชัยชนะ จากชัยชนะ ข้าไร้ซึ่งพันธนาการ พลังจะปลดปล่อยข้าให้เป็นอิสระ

รอยสักซิธ

แก้
 
ดาร์ธ มอลกำลังรับการสัก

ซิธลอร์ดหลายคนประดับตัวพวกเขาเองด้วยรอยสักซิธ,เพื่อถึงความภักดีของพวกเขาต่อลัทธิ รอยสักนั้นจะเป็นรูปแบบทีสลับกันระหว่างสีแดงและดำ,รวมถึงเป็นเหมือนการไหลของกระแสน้ำอีกด้วย การสักนี้จะสร้างความเจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อและอาจปกคลุมทั้งร่างกาย ตัวอย่างรอยสัก เช่น ดาร์ธมอล,ดาร์ธทาลอน,ดาร์ธวีรลอค,ดาร์ธรียูร และหลายคนที่เป็นสมาชิกนิกายซิธใหม่ของดาร์ธไครต์

กระบี่แสง

แก้

ซิธใช้กระบี่แสงก็ในอดีต, แต่เราก็ยังคงใช้มันต่อมา, ก็แค่เพื่อปราบพวกเจไดเท่านั้น

ซิธและเจไดมืดหลายมากมายใช้คริสตัลที่สร้างขึ้นมาใหม่ในกระบี่แสง เพื่อเน้นรูปดาบของพวกเขา คริสตัลนั้นเป็นสีแดง ดาบจึงเป็นสีแดงตาม คริสตัลแบบนี้ทรงพลังแต่ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ทำให้มันมีขนาดสั้นเกินไปหรือไม่ก็พังลงไม่นานซึ่งเร็วกว่าคริสตัลแบบอื่น

ประวัติศาสตร์

แก้

พวกซิธและพวกเจไดมีความคล้ายคลึงในแทบจะทุกทาง...รวมทั้งการแสวงหาอำนาจยิ่งใหญ่ขึ้น แตกต่างก็ตรงที่ว่าพวกซิธไม่หวาดกลัวด้านมืดของพลัง นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาแข็งแกร่งกว่า"
"พวกซิธพึ่งพาแต่แรงปรารถนาของตนเพื่อให้แข็งแกร่ง พวกเขามักจะคิดแต่เฉพาะเรื่องของตนเอง

— อนาคิน สกายวอล์คเกอร์กับพัลพาทีน, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น

ช่วงเวลาที่สำคัญ์ในประวัติศาสตร์ของซิธ

แก้

* '3,681 - 3,653 ปีก่อนยุทธากรยาวิน ดาร์ธ แมลกัส นำซิธบุกสู่วิหารเจได,สังหาร เวน เซลโลว์และก่อมหาสงครามกาแลกติก * '3,653 - 3,623 ปีก่อนยุทธากรยาวิน ผลพวงจากมหาสงครามกาแลกติก จักรวาลแบ่งเป็น 2 ฝ่ายคือจักรวรรดิซิธและสาธารณรัฐกาแลกติกและเกิดสงครามเย็น

  • 2,000 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ดาร์ธรูน,เจไดที่หลงผิดอีกคน,สร้างนิกายซิธใหม่และเริ่มต้นสงครามซิธใหม่ หลังจากผ่านไปเป็นพันปี,โดย1,466 ก่อนยุทธการยาวิน จักรวรรดิซิธใหม่มีอำนาจเหนืออวกาสทุกที่ที่เป็นที่รู้จักนอกอาณานิคม
  • 2,000 – 1,000 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ซิธมีปรากฏการณ์ที่ทำลายตัวเอง, โดยพลังที่ฝังอยู่ภายในเริ่มทำลายนิกายของพวกเขา ลอร์ดคานน์รวบรวมผู้รอดชีวิตภายใต้ชื่อภราดรภาพแห่งความมืดและเริ่มใช้ตำแหน่งลอร์ดมืดในหลายๆครั้ง
  • 1,000 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ทั้งกองกำลังของเจไดและซิธถูกทำลายในสงครามรูซาน, มีเพียงดาร์ธเบนเท่านั้นที่รอดชีวิต เพื่อแน่ใจว่านิกายซิธจะอยู่รอดต่อไป,จัดให้มีกฎแห่งสอง
  • 1,000 – 33 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- กฎแห่งสองดำเนินต่อมา ดาร์ธมิลเลนเนียละทิ้งอาจารย์ของเขา, ดาร์ธคอกนัส, และสร้างผู้ทำนายแห่งด้านมืด ดาร์ธวิคทิวัสกลายมาเป็นผู้ควบคุมจิตบนดาวเคราะห์น้อยใกล้กับบิมเมลและสร้างที่อยู่ที่นั่น, ที่หัวใจของด้านมืดของพลัง, ที่ซึ่งเขาใช้ชีวิตที่เหลือกับเพื่อนและครอบครัวของเขา, และสันนิษฐานว่าเขาอาจฝึกฝนศิษย์ศิษย์ของเขาเอง มูนซิธลอร์ด,ดาร์ธเพลกัสถูกฝึกฝนโดยอาจารย์ที่ไม่มีใครรู้ พัลพาทีนถูกสอนโดยดาร์ธเพลกัสและให้ชื่อว่าดาร์ธซีเดียส พัลพาทีนสังหารอาจารย์ของเขาขณะหลับ และมีศิษย์ชื่อว่าดาร์ธมอล
  • 33 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ดาร์ธมอลสังหารผู้นำของกลุ่มแบล็คซัน, อเลคซิ การีน, เปิดทางให้เจ้าชายไซซอร์
  • 32.5 ก่อนยุทธการยาวิน -- เมื่อฮาร์ท มอนคาร์ขโมยแบบแผนของดาร์ธซีเดียสที่จะปิดกั้นนาบูและพยายามที่จะขายมัน ดาร์ธมอลตามล่าเขาและฆ่าเขา ท้ายสุด, แผนถูกส่งคืนสู่พัลพาทีนและมอลฆ่าพยานคนสุดท้ายที่เห็นแผน
  • 32 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ซิธ, ผู้ที่ซ่อนตัวมาเป็นพันๆปี,เผยตัวตนอีกครั้งเมื่อดาร์ธซีเดียสบรรเลงสงครามแห่งนาบู
  • 27 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- เอาท์บอนด์ไฟลท์ถูกทำลายโดยผู้บัญชาการมิทท์'รอว์'นูรัวโดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนทีดาร์ธซีเดียส่จะสังหารปรมาจารย์เจไดโจรัส คาบอท
  • 22 – 19 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ดาร์ธซีเดียสและดาร์ธไทรานนัสเริ่มต้นสงครามโคลน,และเจไดหลายคนตายหรือไม่ก็หันเข้าสู่ด้าานมืด
  • 19 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ดาร์ธเวเดอร์กลายเป็นศิษย์คนใหม่ของซีเดียส จักรวรรดิกาแลกติกถูกแต้งตั้งโดยดาร์ธซีเดียส ซิธครอบครองกาแลคซี่อีกครั้ง,ตั้งแต่ใจกลางสู่จักรวาลที่กว้างใหญ่
  • 19 – 1 ปีก่อนยุทธการยาวิน -- ดาร์ธซีเดียสพยายามที่จะถอนรากถอนโคนเจไดในการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ รวมทั้งโรอัน ชรีนและอัน'ยา คูโร
  • 4 ปีหลังยุทธการยาวิน -- เวเดอร์หันกลับสู่แสงสว่างโดยลุค สกายวอร์คเกอร์, ส่งผลให้ทั้งดาร์ธซีเดียสและดาร์ธเวเดอร์ตาย, และเชื่อว่านิกายซิธจบลงแล้ว
  • 11 ปีหลังยุทธการยาวิน -- หลังจากพัลพาทีนตายเป็นที่รู้ทั่วกัน, นิกายซิธก็จบลง
  • 11+ ปีหลังยุทธการยาวิน -- หลังจากเชื่อว่านิกายซิธสิ้นสุดลงไปแล้ว, หัตถ์ของจักรพรรดิ, ชื่อลุมิย่า 30ปีผ่านมา,ผู้กระซิบคนนี้จะพิสูจน์ความจริง
  • 14 ปีหลังยุทธการยาวิน -- ศาสนาซิธ, สาวกแห่งแรคนอส, พยายามคืนชีพมาก้า แรคนอสแต่ถูกขัดขวางโดยไคล์ คาทาร์นและเจเดน คอร์
  • 40 ปีหลังยุทธการยาวิน -- ลูมิย่าปรากฏอยู่ในกาแลคซี่อีกครั้งและชักชวนเจเซน โซโลให้ร่วมมือกับเธอ เจเซนค่อยๆเริ่มนำลูกพี่ลูกน้องของเขาเบน สกายวอล์คเกอร์เดินเข้าซิธเพื่อเป็นซิธของเขา เจเซนกลายเป็นซิธลอร์ดในท้ายสุด, และใช้คำว่า"ดาร์ธ"*
  • 130 ปีหลังยุทธการยาวิน -- ซิธมีโด่งดังในกาแลคซี่อีกครั้งโดยก่อวินาศกรรมบนดาววองฟอร์ม, เป็นสาเหตุที่แยกตัวออกจากพันธมิตรกาแลกติก เพื่อก่อเกิดจักรวรรดิอีกครั้ง, และใกล้ที่จะทำการกำจัดนิกายเจไดอีกครั้ง

กลุ่มองค์กร

แก้
 
หลายที่มาของซิธมาจากซิธโฮโรคอนและด้วยความอยากรู้เห็นของเจได

ซิธ(เผ่าพันธุ์)

ซิธคือมนุษย์ที่มีผิวหนังสีแดงมีต้นกำเนิดในซิออสท์และคอริแบนที่ซึ่งถูกจับไปเป็นทาสโดยเจไดมืดพลัดถิ่น ซิธจะถูกแบ่งเป็นชนชั้น,ซิธเป็นทาสที่ว่านอนสอนง่ายและต้อยต่ำ,ซิธที่มีความฉลาดทางด้านทักษะการช่าง,และซิธที่เหมือนพวกชอบการต่อสู้ ตลอดเวลา, ซิธถูกอบรมโดยเจไดมืดที่ที่มนุษย์ผ่านการเล่นแร่แปรธาตุ, และคนสองชนชั้นก็กลายเป็นหนึ่ง

แมซซาซิ(Massassi)

แมซซาซิมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ซิธ ภายใต้การปกครองของเจไดมืดผลัดถิ่น, แมซซาซิหลายคนถูกสอยให้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ, ส่งผลให้พวกเขาร้ายกาจและง่ายต่อการควบคุมโดยนายซิธของพวกเขา พวกเขาถูกจำแนกโดยดูจากเดือยกระดูกที่ยื่นออกมาจากผิวหนังและขนาดที่ใหญ่ผิดปกติ พวกเขามักรับให้เป็นทหารของจักรวรรดิซิธ

จักรวรรดิซิธ(Sith Empire)

 
กองยานของนาก้า ชาโดว์

จักรวรรดิซิธรวยและมีอำนาจซึ่งก่อตั้งโดยเจไดมืดที่ถูกเนรเทศจากสาธารณรัฐหลังจากการพ่ายแพ้ที่ยุทธการคอร์บอสระหว่างร้อยปีที่มืดมน หลังจากก่อร่างสร้างตัวเพื่อกระจายออกไปทั่วกาแลคซี่, ท้ายสุดซิธก็พบสาธารณรัฐอีกครั้ง ลอร์มืดแห่งซิธนาก้า ชาโดว์นำจักรวรรดิเข้าสู่มหาสงครามไฮเปอร์สเปซ, แต่เขาก็พ่ายแพ้ จักรวรรดิซิธถูกเชื่อว่าถูกทำลายโดยกองกำลังของสาธารณรัฐหลังจากยุทธการคอริแบนครั้งที่สองจบลง

ภราดรภาพแห่งซิธ(Brotherhood of the Sith)

ภราดรภาพแห่งซิธคือกลุ่มของเจไดมืดที่ก่อตั้งโดยเอ็กซาร์ คุนผู้ที่รู้วิธีการแตกแยกตัวออกมาจากนิกายเจไดเพื่อเรียนรู้วิถีของซิธ ตลอดช่วงมหาสงครามซิธ, ภราดรภาพแห่งซิธพยายามที่จะพิชิตสาธารณรัฐด้วยการช่วยเหลือจากพวกครัตต์และแมนดอลอเรี่ยนครูเสดเดอร์ ภราดรภาพแห่งซิธพ่ายแพ้และสิ้นซากเมื่อถึงยุทธการยาวิน4

ครัตต์(Krath)

พวกครัต์คือสังคมซิธที่เป็นความลับถูกพบโดยอลีม่าและซาทัล คีโต, ผู้ที่เบื่อหน่ายระบบทีต้า หลังจากครัตต์โจมตีที่ประชุมของเจได, อุลลิค เคว-โดรม่าพยายามแทรกซึมเข้าไปในกลุ่ม แต่กลับล้มเหลว เขาถูกชักชวนเข้าสู่ด้านมืดและท้านสุดกลายมาเป็นผู้นำของกลุ่ม ตลอดช่วงมหาสงครามซิธ, พวกครัตต์กลายเป็นกองทัพของนิกาญซิธของเอ็กซาร์ คันและจบลงพร้อมกับมันที่ยาวิน4

จักรวรรดิซิธ(Sith Empire;Jedi Civil War)

จักรวรรซิธถูกปลุกขึ้นมาโดยชั่วคราวโดยเจไดที่ล้มเหลวรีแวนและมาลัค สร้างขึ้นบนแก่นกลางที่แข็งแกร่งของทหารผ่านศึกจากสงครามแมนดาลอเรี่ยนและเจไดที่เปลี่ยนฝ่าย, พลังที่เติบโตขึ้นของกาแลคติกใหม่ใกล้ที่จะพิชิตสาธารณรัฐได้สำเร็จในช่วงสงครามซิธครั้งที่สองหลังจากการกลับตัวของดาร์ธรีแวนและการตายของดาร์ธมาลัค, จักรวรรดิก็กระจายตัวออกไปและล้มสลายลงในที่สุด

ซิธผู้มีอำนาจทั้งสาม(Sith Triumvirate)

 
สามทหารซิธ:ดาร์ธ เทรย่า, นิฮิลัสและไซออน

ซิธผู้มีอำนาจทั้งสามนั้นรวบรัดแต่ถึงตาย นิกายซิธถูกพบโดยเจไดเครียร์,ตอนนี้รู้จักกันในนามของดาร์ธเทรย่า, เธอรับศิษย์สองคนที่ไม่รู้ที่มาและสอนซิธมือใหม่หลายคนที่สถาบันเทรอัสบนมาลาคอร์5 หลังจากที่เธอถูกขับไล่จากกลุ่มซิธผู้มีอำนาจทั้งสาม ซิธลอร์ดที่เหลือสองคน; ดาร์ธนิฮิลัส,และดาร์ธไซออน เริ่มการกวาดล้างเจไดครั้งแรก พวกเขาถูกพิชิตโดยเจไดพลัดถิ่นในที่สุด

จักรวรรดิซิธใหม่ (New Sith Empire) จักรวรรดิซิธใหม่มีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ด้วยภราดรภาพแห่งความมืดที่ครอบครองด้วยเหล็กครั้งแรก เมื่อถึงจุดสูงสุดในสงครามซิธใหม่,ก็ถึงกับว่ายิ่งใหญ่กว่าจักรวรรดิซิธของนาก้า ชาโดว์และดาร์ธรีแวนเสียอีก จักรวรรดิซิธใหม่ล้มสลายลงหลังจากการล้างผลาญของยุทธการรูซานครั้งที่เจ็ด

นิกายซิธลอร์ด(Order of the Sith Lords)

ซิธลอร์ดคนสุดท้ายที่รอดชีวิต, ดาร์ธเบน, นำนิกายซิธเข้าสู่พื้นฐานของการล่องหนและเป็นความลับหลังจากซิธถูกพิชิตบนรูซาน เขาพบกฎแห่งสองซึ่งอาจทำให้เขามีผู้สืบทอด, ดาร์ธซีเดียส,และมีชัยเหนือเจไดและสาธารณรัฐในที่สุดในอีก1,000ข้างหน้า

สาวกแห่งแรคนอส(Disciples of Ragnos)

สาวกแห่งแรคนอสคือกลุ่มลัทธิซิธที่มีผู้นำคือทาวิอน เอกซ์มิส, ผู้ที่ต้องการชุบวิญญาณของมาก้า แรคนอสผ่านพ่อมดซิธโบราณและเข้าครอบครองกาแลคซี่ ลัทธินั้นมีความเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิซึ่งทาวิอนเคยเกี่ยวข้องกับเจไดมืดดีซานน์ ลัทธิถูกทำลายอย่างถาวรโดยเจเดน คอร์์และนิกายเจไดใหม่

นิกายซิธใหม่(New Sith Order)

วันใดไม่รู้หลังจากการจลาจลคอลเรลเลียนครั้งที่สอง,นิกายซิธใหม่ถูกพบบนคอริแบนโดยดาร์ธไครต์ ไครต์ใช้เวลาเป็นศตวรรษเพื่อการเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นของนิกายใหม,วางแผนที่จะรวมกาแลคซี่เข้าด้วยกันภายใต้การครอบครองของซิธอีกครั้ง เขาและนิกายใหม่เป็นที่รู้จักประมาณ127-130ปีหลังยุทธการยาวินโดยสร้างสงครามจักรวรรดิซิธ, และเริ่มการโจมตีเจไดบนฮอสซัส

ตำแหน่ง

แก้

ซิธให้นิยามของการปกครองด้วยการแบ่งแยกความแข็งแกร่งออกจากความอ่อนแอ, แต่เพราะจำนวนของนิกายซิธที่ไม่เสมอกัน, การปกครองของซิธจึงไม่มีระบบการเลื่อนตำแหน่งในประวัติศาสตร์ การปกครองของซิธยังเป็นแบบเดิมเกือบ6,000ปี - ในช่วงของจักรวรรดิซิธโบราณ ภราดรภาพแห่งซิธของเอกซ์ซาร์ คัน, และจักรวรรดิซิธของดาร์ธรีแวน - จนกระทั่งลอร์ดคานน์ประกาศ์ว่าผู้ติดตามทุกคนที่มียศสูงที่สุดในภราดรภาพแห่งความมืดให้มีตำแหน่งเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธ เหมือนเจไดและสาธารณรัฐ, ซิธได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากสิ้นสุดสงครามสุดท้ายแห่งรูซานน การล้มสลายของซิธเป็นแนวคิดให้ดาร์ธเบนเปลี่ยนแปลงนิกายและประกาศให้ต้องมีซิธเพียงครั้งละสองคนเท่านั้น: อาจารย์และศิษย์ ทั้งสองรับตำแหน่งเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธ, ซึ่งจะกลายเป็นคำที่มีความหมายเดียวกับซิธลอร์ด

จักรวรรดิซิธ (Sith Empire)

แก้

นี่คือตำแหน่งของนิกายซิธก่อนดาร์ธเบนจะสร้างกฎแห่งสอง

ลอร์ดมืดแห่งซิธ (Dark Lord of the Sith)

 
ดาร์ธ มาลัคในตำแหน่ง ลอร์ดมืดแห่งซิธ

ลอร์ดมืดแห่งซิธเป็นซิธลอร์ดที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุด จนกระทั่งเข้าสมัยของคานน์, มันคือตำแหน่งที่จะมอบให้กับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้นำของนิกายเท่านั้น, แต่หลังจากการสิ้นสุดของสงครามซิธใหม่ตำแหน่งถูกใช้โดยซิธลอร์ดหลายคนในเวลาเดียวกัน

ซิธลอร์ด (Sith Lord)

ซิธลอร์ดคือผู้นำแห่งซิธ พวกเขาจะบังคับบัญชากองทัพของผู้รับใช้ซิธ, นักบวชและนักรบตลอดช่วงเวลาสงครามและปกครองดูแลสภาซิธ ซิธลอร์ดใช้ด้านมืดของพลังในการลงโทษ, การทรมานและทำให้เน่าเปื่อย พวกเขายังทำงานหนักเพื่อรักษาซิธเก่าโดยใช้ความรู้ผ่านทางนักบวชของพวกเขา ขณะที่พวกเขาไม่ได้ทำศึกเหมือนซิธส่วนน้อย, พวกเขาเป็นที่น่าเกรงขามของซิธดั่งที่พวกเขาเป็นผู้รักษาความลับสุดยอดของซิธและปกครองสังคมที่มีอำนาจส่วนมาก

อาชญากรซิธ (Sith Marauder)

อาชญากรซิธ, พวกที่แตกแยกออกจากนักรบซิธ, เป็นที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการแบกรับความโหดร้ายโดยซิธ การฝึกฝนของพวกเขาเน้นความหนักแน่นเกรี้ยวกราดของการใช้กระบี่แสงมากกว่าพลัง พลังทางกายภาพของอาชญากรซิธคือศิลปะในการเติมเต็มด้านมืดด้วยความเกลียด โกรธ และความอมหิต เพราะเหตุนี้, อาชญากรส่วนใหญ่อาจดวลกับเจไดธรรมดาตัวต่อตัวและเอาชนะอย่างง่ายดาย

นักรบซิธ (Sith Warrior)

นักรบซิธเป็นตำแหน่งระดับกลางคือผู้ที่ปกติแล้วจะเน้นด้านพลังงานพละกำลังและทักษะในการสู้รบ, ใช้เวลาเล็กน้อยในการใช้พลังด้านมืดหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับชิธที่ชำระล้าง

นักบวชซิธ (Sith Acolyte)

นักบวชซิธคือศิษย์ที่มีความรู้สึกด้านพลังผู้ที่เพิ่งจะเริ่มจมดิ่งสู่ด้านมืดภายใต้การดูแลจากซิธที่มีประสบการณ์

ซิธผู้ชำนาญ (Sith adept)

ซิธผู้ชำนาญเป็นตำแหน่งของซิธตลอดช่วงสงครามซิธใหม่, คล้ายกับนักบวชซิธ ภราดรภาพแห่งด้านมืดฝึกฝนพวกเขาในสถาบันดาโทเมียร์และสถาบันอิไรโดเนีย

มือสังหารซิธ (Sith Assassin)

 
มือสังหารซิธ

ผู้รับใช้ซิธพิเศษนั้นรวมถึงมือสังหารซิธด้วย, คือผู้ที่เหมาะสำหรับการลอบโจมตีเป้าหมายจากเงามืดมากกว่าการปะทะกันซึ่งซึ่งหน้า ส่วนใหญ่มักทำงานคนเดียวหรอืเป็นกลุ่มเล็กๆ, พวกเขาใช้ประโยชน์จากเครื่องล่องหนและศิลปะชั้นสูงของพลังในการอำพรางตัวเพื่อจู่โจมเหยื่อเจไดที่ไม่ระวังตัว ขณะที่บางคนใช้กระบี่แสง, ส่วนใหญ่จะต่อสู้ด้วยอาวุธระยะประชิดธรรมดา เช่น หอก ดาร์ธเทรย่า,ดาร์ธไซออน,และดาร์ธนิฮิลัสบัญชาการเหล่ามือสังหารซิธหลังจากจบสงครามเจไดกลางเมือง,เนื่องจากใกล้สิ้นสุดนิกายเจได มือสังหารซิธดูดพลังจากศัตรูของพวกเขา

ผู้รับใช้ซิธ (Sith Minion)

ผู้รับใช้ซิธเป็นสมาชิกที่ตำชั้นที่สุดในซิธ บางคนก็ไม่มีความรู้สึกด้านพลัง, และนับถือซิธลอร์ดดั่งพระเจ้า ศาสนาซิธ, มือสังหารซิธและอาชญากรซิธสามารถพิจารณาเป็นตัวอย่างของผู้รับใช้ซิธได้ อย่างไรก็ดี, ซิธยังคงใช้ทหาร ทหารรับจ้าง และทหารเกณฑ์เพื่อทำงานให้พวกเขา

ภายหลังดาร์ธเบน

แก้

เพียงสองนั้นสมควรแล้ว; ไม่มาก, ไม่น้อย ผู้หนึ่งเพื่อรวบรวมพลัง, อีกหนึ่งเพื่อกระหายจะแย่งชิงมา

เพื่อแน่ใจว่าซิธจะคงอยู่ต่อไป, เบนจำเป็นที่จะต้องกดดันพวกเขาใกล้ถึงจุดแตกหัก เขาได้ตั้งกฎแห่งสองขึ้นมา ในแบบแผนของเบน, ซิธทั้งสองจะใช้ตำแหน่งคือลอร์ดมืดแห่งซิธ กฎแห่งสองนั้นทำให้ผู้ที่เป็นอาจารย์นั้นต้องฝึกสอนศิษย์ หลังจากศิษย์บรรลุการฝึกสอนแล้ว, เขาอาจสังหารอาจารย์ของเขาและสวมผ้าคลุมให้ตนเองและดำเนินวงจรต่อไป การตายของอาจารย์อาจมีแบบแผนเช่น การฆ่าหรือลอบสังหาร

ปรมาจารย์ซิธ(Sith Master)

ปรมาจารย์ซิธเป็นซิธลอร์ดที่มีศิษย์คอยรับใช้พวกเขา ปรมาจารย์ซิธที่มีชื่อเสียงก็คือ ดาร์ธซีเดียส,ดาร์ธเพลกัส,และดาร์ธเบน

ศิษย์ซิธ(Sith apprentice)

ศิษย์ซิธคือซิธผู้เริ่มต้นโดยเรียนอยู่กับปรมาจารย์ศิษย์ ศิษย์ซิธที่มีชื่อเสียงก็คือ ดาร์ธมอล,ดาร์ธไทรานนัสและดาร์ธเวเดอร์

ผู้เชี่ยวชาญในด้านมืด(Dark Side Adepts)

ตามหลักแล้วพวกเขาไม่ใช่ซิธ,พวกเขาเป็นผู้ถูกเลือกที่มีสัมผัสด้านพลังและซื่อสัตย์ต่อศิษย์ซิธ เป้าหมายหลักก็คือการแทนที่ศิษย์เมื่อเขาหรือเธอกลายเป็นปรมาจารย์ซิธ(หลังสังหารอาจารย์ของตัวเองได้สำเร็จ)

ยุคของพัลพาทีน(Palpatine Era)

แก้
 
ซิธลอร์ดดาร์ธ ซีเดียสและดาร์ธ เวเดอร์

อีกครั้งที่พวกซิธจะยึดครองกาแลคซี่....และเราจะมีสันติ

— ดาร์ธ ซีเดียสและดาร์ธ เวเดอร์, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น

เมื่อพัลพาทีนสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ, ซิธเข้าควบคุมทั้งกาแลคซี่, ทางด้านการเมือง, เป็นครั้งแรก ด้วยความใหม่นี้, การหาผู้นำกลายเป็นความจำเป็นสำหรับเจ้าพนักงานของจักรวรรดิว่าใครจะเป็น, เพื่อแผ่กว้างออกไป, ผู้สนับสนุนหากหลุดจากการยึดติดของด้านมืด เพราะซิธที่ไม่มีพลังที่เข้มข้น,พวกกึ่งรับใช้ซิธพวกนี้เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านมืด ราวกับว่าคนที่มีความรู้สึกด้านพลังจะรับใช้จักรพรรดิเท่านั้น, พวกเขาสนับสนุนการปกครองของซิธด้วยการทำงานด้านรับใช้,เป็นตัวแทน,หย่วยข่าวกรอง,เจ้าหน้าที่ทางทหาร เป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญด้านมืดนั้นสำคัญมากเมื่อพัลพาทีนถูกชุบชีวิตขึ้นใหม่ในร่างโคลน,หกปีหลังจากเขาตาย

อินควิซิเตอร์ (Inquisitors)

อินควิซิเตอร์ เป็นองค์กรของผู้ใช้พลังที่รับใช้จักรวรรดิ ส่วนใหญ่เคยเป็นเจไดหรือพาดาวันมาก่อน แต่เสียศรัทธาต่อนิกายเจไดและยอมจำนนต่อด้านมืด เหล่าอินควิซิเตอร์ถูกฝึกโดยดาร์ธ เวเดอร์ มีหน้าที่ตามล่าเจไดที่รอดชีวิตจากการกวาดล้าง อินควิซิเตอร์จะใช้กระบี่แสงสีแดงที่แตกต่างจากระบี่แสงทั่วไปโดยสามารถเปลี่ยนจากกระบี่แสงสั้น หรือ โชโตมา เป็นใบมีดสองระยะ (dual-phase)ได้ นอกจากนั้นยังสามารถหมุนกระบี่ให้เป็นใบพัดได้

ผู้ทำนายแห่งด้านมืด(Prophets of the Dark Side)

 
ดาร์ธ เวเดอร์ในชุดเกราะของเขา

ผู้ทำนายแห่งด้านมืดเป็นนิกายซิธโบราณที่อยู่สุดขอบจักรวาลถูกพบโดยดาร์ธมิลเลนเนียล เพราะไม่ใช่ซิธที่ถูกขับไล่, ผู้ทำนายถูกพิสูจน์ว่าเป็นซิธอย่างแท้จริง ดาร์ธซีเดียสได้พบกลุ่มอีกครั้งและพาพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมอีกครั้ง, และมีชื่อใหม่ว่าผู้วิเศษของจักรพรรดิ

หัตถ์จักรพรรดิ(Emperor's Hands)

หัตถ์จักรพรรพดิคือหน่วยงานความลับสุดยอดที่ฝึกฝนด้านพลังโดยตัวจักรพรรดิเอง พวกเขาเป็นความลับอย่างมากจนพวกเขาไม่เคยพบปะใครเลย มาร่า เจดคือคนที่ฝีมือดีที่สุดในหัตถ์จักรพรรพดิ เมื่อรวมตัวกับผู้วิเศษของจักรพรรดิ,หัตถ์จักรพรรพดิจะถูกเรียกว่าหัวกะทิทางด้านมืด

องครักษ์(Imperial Royal Guard)

พวกเขาถือทหารสตอร์มทรูปเปอร์ที่เลือกสรรมาอย่างดีให้เข้ารับหน้าที่ปกป้องและรับใช้จักรพรรดิโดยตรง พวกเขายังมีความรู้สึกด้านพลัง,แม้ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน พวกที่มีความสามารถพิเศษที่ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิ, แลพพวกที่มีความสามารถมากกว่านี้จะถูกฝึกให้ใช้พลังเป็นโดยเจไดมืด

เจไดมืด(Dark Jedi)

แม้ว่าชื่อนั้นจะให้ความหมายเหมือนว่าเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง, เจไดมืดมีความหมายไม่เหมือนซิธ, แม้ว่าดาร์ธเวเดอร์เป็นประเภทที่ใช้ทักษะความร เจไดมืดถูกแยกออกจากซิธซึ่งจริงๆแล้วเจไดมืดใช้พลังด้านมืด, ส่วนซิธอาศัยเป็นนิกายและกฎผ่านทางโฮโลครอน มันเหมือนว่าสำหรับเจไดมืดที่กลับสู่ด้านสว่าง เจไดมืดที่มีชื่อเสียงก็คือ โซร่า บุลค์,โจรัส คบอทท์,เจเรค,และผู้ที่พิลึกอย่างอซาจจ์ เวนเทรส

ยุคที่สืบต่อมา (Legacy-Era)

แก้
 
บางคนที่สะดุดตาในยุคที่สืบต่อมาของซิธกับผู้นำของพวกเขา, ดาร์ธ ไครต์ (กลาง)

หลังจาก130ปีหลังยุทธการยาวินนิกายซิธใหม่เกิดขึ้นเพื่อเข้าครองแทนนิกายของดาร์ธเบน ไครต์ล้มเลิกกฎแห่งสองของดาร์ธเบน แทนที่ด้วยกฎแห่งหนึ่งเดียว—หนึ่งนั้นเป็นนิกายซิธโดยตัวของมันเอง, คนอื่นๆนั้นก็คือผู้รับใช้ซิธ ด้วยการปกครองโดยดาร์ธไครต์, นิกายซิธใหม่มีความเฟื่องฟูและมีอำนาจเหนือกาแลคติกในตอนนั้น วองฟอร์มมิงที่พ่ายแพ้ถูกวินาศกรรมและกาแลคซี่ก็กล่าวหาและประหัตประหารยูซาน วอง, พันธมิตรและนิกายเจไดแตกแยกกระจัดกระจายไป ในช่วงกลางของสงครามกลางเมืองใหม่เหล่าจักรวรรดิที่หลงเหลืออยู่ก็เข้าร่วมกับซิธที่สืบต่อมาและนำกาแลคซี่มาคุกเข่าต่อหน้าพวกเขา, เพราะฉะนั้น ซิธก็ครองกาแลคซี่อีกครั้งหลังจากผ่านมา 135 ปี มันเป็นที่รู้ว่าซิธี่รู้ว่าดาร์ธไครต์เริ่มนิกายบนคอริแบน, ดาวของซิธโบราณที่ถูกลืม, ประมาณ 30 ปีหลังยุทธการยาวิน ในลัทธิซิธใหม่, ผู้ติดตามหลายคนจะมีรอยสักสีดำและแดงปรากฏอยู่ด้วย

ผู้ช่วยเหลือ (Hands)

ผู้ช่วยเหลือคือคนรับใช้ของดาร์ธไครต์ที่มีฝีมือเก่งกาจที่สุด, ถูกฝึกและมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเขา พวกเขาจะรับสั่งจากเขาเท่านั้น, และรายงานเฉพาะเขาเท่านั้นเช่นกัน

หน่วยข่าวกรองและลอบสังหาร (Sith Intelligence and Assassination)

หน่วยข่าวกรองและลอบสังหารทำหน้าที่เป็นสายลับ, การฆาตกรรมนักการเมือง, และทรมาน ประมาณ130ปีหลังยุทธการยาวิน ดาร์ธมาลาดิเป็นหัวหน้าหน่วย

อ้างอิง

แก้
  1. "The Casual Star Wars Fan's Guide to The Rise of Skywalker". Slate. 19 December 2019. สืบค้นเมื่อ 25 December 2019.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้