ดาวิด
กษัตริย์ดาวิด[2] หรือ พระเจ้าดาวิด (อังกฤษ: David; ฮีบรู: דָּוִד ภาษาฮีบรูมาตรฐาน: Davíd [ดาวิด]; ภาษาฮีบรูไทบีเรียน: Dāwíð; อาหรับ: داوود or داود, Dāwūd, [ดาวูด]; หมายถึง เป็นที่รัก) (1037–967 ก่อนคริสต์ศักราช; ปกครองราชอาณาจักรยูดาห์และราชอาณาจักรอิสราเอล 1005–967 ก่อนคริสต์ศักราช)
ดาวิด | |
---|---|
ผู้เผยพระวจนะ | |
![]() รูปสลักกษัตริย์ดาวิด ณ มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร กรุงโรม ประเทศอิตาลี | |
กษัตริย์แห่งยูดาห์ | |
ครองราชย์ | 1010 – 1002 ปีก่อนค.ศ.[1] |
ถัดไป | พระองค์เองในพระราชสถานะกษัตริย์แห่งอิสราเอล (รวมประเทศ) |
กษัตริย์แห่งอิสราเอล | |
ครองราชย์ | 1002 – 970 ปีก่อนค.ศ. |
ก่อนหน้า | อิชโบเสธ |
ถัดไป | ซาโลมอน |
พระราชสมภพ | 1040 ปีก่อนค.ศ. เบธเลเฮม อาณาจักรอิสราเอล |
สวรรคต | 970 ปีก่อนค.ศ. (ชันษา 69 หรือ 70) เยรูซาเล็ม อาณาจักรอิสราเอล |
มเหสี | Michal Ahinoam Abigail Maachah Haggith Abital Eglah Bathsheba |
พระราชบุตร | Amnon Chileab Absalom Adonijah Shephatiah Ithream Shammua Shobab Nathan Solomon Ibhar Elishua Nepheg Japhia Elishama Eliada Eliphalet Tamar |
ราชสกุล | ราชวงศ์ดาวิด |
พระราชบิดา | เจสซี |
พระราชมารดา | Nitzevet (Talmud) |
ดาวิด เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่สองของราชอาณาจักรอิสราเอล กล่าวกันว่ามีคุณธรรมและเป็นนักการทหารที่มีความสามารถ นอกจากนี้ยังเป็นนักดนตรี กวี (เป็นผู้เขียนเพลงสดุดีหลายเพลง) พระเจ้าดาวิดขณะทรงพระเยาว์เป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะธรรมดา แต่เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกและมีพระอุปนิสัยกล้าหาญไม่เกรงกลัวใคร โดยทรงอาสาเข้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับ โกไลแอ็ธ นักรบร่างมหึมาผู้เป็นทหารเอกของชาวฟิลิสตีน และสามารถสังหารโกไลแอ็ธลงได้ จึงมีความดีความชอบได้มารับใช้พระเจ้าซาอูล (Saul) ในฐานะนายพลและที่ปรึกษาทางทหารคนสนิท และยังทรงเป็นพระสหายสนิทกับ โจนาธาน พระราชบุตรของพระเจ้าซาอูล ต่อมาพระเจ้าซาอูลเกิดระแวงว่าดาวิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ จึงพยายามกำจัดดาวิด แต่พระเจ้าซาอูลและโจนาธานพ่ายแพ้เสด็จสวรรคตในการรบ ดาวิดจึงได้รับการเจิมขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล ต่อมาพระเจ้าดาวิดทรงพิชิตเยรูซาเลมได้ และนำหีบแห่งพันธสัญญาเข้ามาประดิษฐานในเมือง แต่เนื่องจากทรงประพฤติผิดทางเพศต่อนางแบธชีบา ทำให้พระองค์ถูกพระเจ้าตำหนิติเตียนและทำให้ทรงหมดความชอบธรรมที่จะสร้างวิหารศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในเยรูซาเลม
ชาวยิวถือว่าดาวิดและกษัตริย์โซโลมอน พระราชบุตรของพระองค์ เป็นผู้ก่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้น ดาวิดถือเป็นต้นแบบของกษัตริย์ในอุดมคติของชาวอิสราเอล นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า พระเมสสิยาห์ หรือพระผู้ไถ่ ที่จะมาจุติในอนาคตจะเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากพระองค์ ชีวิตของกษัตริย์ดาวิดที่บันทึกไว้ในหนังสือซามูเอล เล่มที่ 1 ในพันธสัญญาเดิมตั้งแต่บทที่ 16 เป็นต้นไปและหนังสือพงศาวดาร
พระเจ้าดาวิดเป็นบุคคลสำคัญในศาสนาอับราฮัม
- ในคติของศาสนายูดาห์ เป็นมหาราชและปฐมกษัตริย์ที่แท้จริง ผู้รวบรวมวงศ์วานอิสราเอล
- ในคติของศาสนาคริสต์ พระเยซูสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด
- ในคติของศาสนาอิสลาม เรียกว่า นบีดาวูด เป็นเราะซูลของอัลลอฮ์
ผู้ได้รับเลือก แก้
พระเจ้าไม่โปรดปรานกษัตริย์ซาอูล เพราะพระเจ้าทรงบัญชาให้ซาอูลไปทำลายล้างศัตรูของชนชาติอิสราเอล แต่ซาอูลกลับละโมบหวังเอาสมบัติของชนชาติศัตรูแทนที่จะฟังคำสั่งของพระเจ้า พระเจ้าจึงทอดทิ้งซาอูล และสั่งให้ประกาศก ซามูเอล ออกไปตามหาคนจะมาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลคนใหม่ ทันทีที่ซามูเอลได้พบกับดาวิดซึ่งกำลังเลี้ยงแกะอยู่ พระเจ้าก็กล่าวต่อซามูเอลว่า "เจิมดาวิดเสีย เพราะนี่คือกษัตริย์"[3]
ดาวิดเล่นพิณต่อหน้าซาอูล แก้
เมื่อซาอูลทรงถูกทรมานจากสิ่งชั่วร้าย คนรับใช้ก็แนะนำซาอูลให้เรียกตัวดาวิดผู้มีความเชี่ยวชาญในการเล่นพิณ เป็นผู้มีศักดิ์เป็นนายทหารเก่งกล้า และเป็นผู้รู้จักพูด และเป็นผู้นับถือ พระเจ้า ให้มาช่วย ดาวิดจึงได้เข้ามารับราชการกับซาอูล และเป็นคนโปรดของซาอูล เมื่อใดที่ซาอูลไม่สบายดาวิดก็เล่นพิณถวายจนทรงรู้สึกปกติ[4]
ดาวิดและโกลิอัท แก้
ในระหว่างที่ซาอูลเป็นกษัตริย์ ชาวอิสราเอลมักถูกรุกรานโดยชาวฟิลลิสเตีย (Philistia) ที่อยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ขณะที่ดาวิดนำเสบียงไปส่งให้พี่ชายผู้ติดทัพอยู่กับซาอูล ดาวิดก็ได้ข่าวว่าชาวฟิลลิสเตียมึนักต่อสู้ยักษ์ชื่อ โกลิอัท ซึ่งฟิลลิสเตียก็ท้าให้ชาวอิสราเอลส่งนักสู้มารบกับโกลิอัทให้รู้แพ้รู้ชนะ
ดาวิดยืนยันกับพี่ชายว่ามีความสามารถจะต่อสู้กับโกลิอัทได้ ซาอูลทรงส่งดาวิดไปต่อสู้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ แต่ดาวิดกลับได้รับชัยชนะโดยล้มโกลิอัทด้วยการเหวี่ยงหินก้อนเดียว พวกฟิลลิสเตียเห็นเช่นนั้นก็วิ่งหนีขวัญเสีย ชาวอิสราเอลจึงได้รับชัยชนะ
ดาวิดนำหัวโกลิอัทมาถวายซาอูล ทรงถามว่าเป็นบุตรใคร ดาวิดตอบว่า "ข้าเป็นบุตรของเจสสีชาวเบธเลเฮมผู้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์"[5]
ศัตรูของซาอูล แก้
หลังจากได้รับชัยชนะซาอูลก็ทรงแต่งตั้งให้ดาวิดเป็นแม่ทัพและยกมิคาลผู้เป็นพระธิดาให้ดาวิด ดาวิดก็ได้รับชัยชนะในการต่อสู้อีกหลายศึก จนพวกผู้หญิงกล่าวกันว่า "พระเจ้าซาอูลสังหารข้าศึกเป็นพัน และดาวิดสังหารเป็นแสน"
ดาวิดเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมาก ซาอูลกลับทรงระแวงว่าจะชิงอาณาจักร จึงพยายามสังหารด้วยกลอุบายหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ กลับยิ่งทำให้ดาวิดเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกับโจนาธานพระโอรสของซาอูลเอง โจนาธานเตือนดาวิดถึงแผนของซาอูล ดาวิดจึงหนีเข้าป่า[6]
ลี้ภัย แก้
เมื่อหนีไปดาวิดก็รวบรวมกำลังผู้ที่ถูกข่มเหงโดยซาอูล ขณะที่ลี้ภัยดาวิดก็ได้รับเมืองซิคแล็กเป็นบรรณาการจากพระเจ้าอาชิส (King Achish) กษัตริย์ฟิลลิสเตียแห่งแกธ แต่ดาวิดก็ยังเป็นวีรบุรุษของชาวอิสราเอล ต่อมาพระเจ้าอาชิสยกทัพไปต่อสู้กับซาอูล แต่ดาวิดก็ไม่ได้ร่วมในการสงครามครั้งนี้ เพราะถูกกล่าวหาโดยชาวฟิลลิสเตียถึงความไม่น่าไว้ใจในความจงรักภักดีต่อฟิลลิสเตีย
เป็นกษัตริย์ แก้
ซาอูลและโจนาธานถูกปลงพระชนม์โดยฟิลลิสเตียระหว่างสงคราม ดาวิดมีความโศกเศร้าต่อการสูญเสียเป็นอันมาก[7]
หลังจากนั้นดาวิดก็เดินทางไปเฮโบรน เพื่อไปได้รับการเจิมเป็นพระเจ้าแผ่นดินปกครองอาณาจักรยูดาห์ ขณะที่ อิชโบเชธ (Ish-Bosheth) พระโอรสของซาอูล ได้รับการเจิมเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ปกครองอาณาจักรอิสราเอลทางตอนเหนือ[8]
ดาวิดกับอิชโบเชธก็ทำสงครามกันจนอิชโบเชธถูกลอบปลงพระชนม์ ผู้ลอบสังหารก็นำพระเศียรของอิชโบเชธมาถวายดาวิดเพราะหวังจะได้รับรางวัล แต่ดาวิดสั่งประหารชีวิตผู้ที่ปลงพระชนม์อิชโบเชธ ในฐานะที่เป็นอาชญากร[9]
เมื่อพระโอรสของซาอูลสิ้นพระชนม์ลง พวกปุโรหิตชาวอิสราเอลก็เดินทางมาเฮโบรน เพื่อมาทำพิธียกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรยูดาห์และอาณาจักรอิสราเอล ขณะนั้นดาวิดมีพระชนมพรรษา 30 ปี[10]
กษัตริย์ดาวิด แก้
เมื่อพระเจ้าดาวิดได้ชัยชนะในการโจมตีป้อมเยบูไซท์ (Jebusite) ของเมืองเยรูซาเลม ก็ยกเยรูซาเลมขึ้นเป็นเมืองหลวง “พระเจ้าฮิรามแห่งไทเร (Tyre) ก็ส่งผู้ถือสาส์นมาถึงพระเจ้าดาวิดพร้อมกับต้นซีดาร์ และช่างไม้และปูนเพื่อสร้างวังของดาวิด”[11] พระเจ้าดาวิดก็นำหีบแห่งพันธสัญญา (Ark of the Covenant) มาเยรูซาเลมโดยตั้งใจประดิษฐานในวัดที่สร้างใหม่[12] แต่พระเจ้าก็ทรงกล่าวกับผู้เผยพระวจนะเนธาน (Prophet Nathan) ห้ามและกล่าวว่าการสร้างวัดต้องรอต่อมาให้ชนรุ่นหลังสร้าง แต่พระเจ้าก็ทรงทำพันธสัญญากับดาวิดว่าดาวิดจะเป็นผู้สร้างตระกูลดาวิด (House of David) และ “บัลลังก์ของเจ้าจะเป็นบัลลังก์ที่ยืนยาวตลอดไป”[13]
หลังจากนั้นกษัตริย์ดาวิดก็ทรงขยายอำนาจ ได้รับชัยชนะต่อ โซบาท์ (Zobah) และ อารัม (Aram) (ปัจจุบันอยู่ในประเทศซีเรีย), บริเวณเอโดม (Edom) และ โมอับ (Moab) (ปัจจุบันอยู่ในประเทศจอร์แดน), ฟิลลิสเตีย และดินแดนอื่น ๆ[14]
ในคัมภีร์กุรอาน แก้
หลังจากสมัยของนบีมูซาแล้ว พวกอิสรออีลต้องเดินทางระหกเหินและไม่สามารถรวมตัวเป็นชาติที่เข้มแข็งได้ ดังนั้น ชาวอิสรออีลจึงต้องถูกชาวอื่นรุกรานและกดขี่ข่มเหงมาตลอด ในสมัยนั้น ดาวูดเป็นเด็กคนหนึ่งที่เกิดในเชื้อสายของอิสรออีลและเป็นที่มีความกล้าหาญมาก นบีซามูเอลจึงได้แต่งตั้งชาวอิสรออีลคนหนึ่งซื่อฏอลูตขึ้นเป็นกษัตร์ย์และบอกพวกเขาว่า อัลลอฮได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์สำหรับพวกแล้ว นบีซามูเอลจึงได้กล่าวว่า อัลลอฮได้ทรงประทานพลังความรู้และพลังกายแก่เขาอย่างมากมายมหาศาล และอัลลอฮทรงมีอำนาจที่จะทรงประทานอาณาจักรของพระองค์แก่ใครก็ได้ ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลลอฮเป็นผู้ทรงรอบรู้ พวกอิสรออีลจึงได้เฝ้ารอและก็ได้พบหีบใบนั้นจริง ๆ ชาวอิสรออีลจึงมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาขณะที่ออกเดินทางไปกับกองทหารเพื่อต่อสู้กับพวกฟิลิสตีนที่มารุกราน ฏอลูตต้องการจะดูว่าคนของเขาศรัทธาในอัลลอฮและเชื่อฟังแค่ไหน จึงบอกไปว่า "อัลลอฮกำลังจะทดลองพวกเจ้าด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ใครก็ตามที่หยุดดื่มน้ำจากลำสายนี้ คน ๆ นั้นก็ไม่ใช่พวกของฉัน" ถึงแม้จะบอกว่านั้นเป็นการทดสอบจากอัลลอฮ แต่พวกอิสรออีลส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อและหยุดดื่มน้ำกัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อฟังฏอลูตและไม่ได้ดื่มน้ำ ดังนั้น ฏอลูตจึงได้คัดเอาคนที่เชื่อฟังร่วมทางไปกับเขา แต่ผู้ศรัทธาในอัลอฮจำนวนหนึ่งได้กล่าวว่า มีบ่อยไปที่คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมากได้ด้วยอำนาจของอัลลอฮ เพราะอัลลอฮจะทรงอยู่กับผู้อดทน เมื่อกองทัพของฏอลูตเผชิญหน้ากับกองทัพชาวฟิลิสตีน ซึ่งนำโดยญาลูต (หรือโกไลแอธ) พวกอิสรออีลจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮว่า พระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้ทรงประทานความอดทนแก่เราและทรงปฏิเสธศรัทธาด้วยเถิด ถ้าพวกเก่งจริงก็ส่งคนมีฝีมือมาต่อสู้กันตัวต่อตัว แต่ในเวลานั้นดาวูดได้อยู่ในที่นั้นด้วย เขาจึงได้ขออนุญาตออกไปต่อสู้ญาลูต หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดาวูดก็สามารถสังหารญาลูตได้ในที่สุด ดาวูดจึงได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวอิสรออีล ฏอลูตได้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขาและหลังจากที่ฏอลูตเสียชีวิตแล้ว นบีดาวูดมีลูกชายคนหนึ่งชื่อสุลัยมาซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขาและยังเป็นนบีคนสำคัญคนหนึ่ง ขณะที่นบีดาวูดเป็นกษัตริย์ปกครองชาวอิสรออีลอยู่ วันหนึ่งชาวอิสรออีลสองคนได้มาขอให้ท่านตัดสินกรณีขัดแย้งระหว่างเขาทั้งสอง นบีดาวูดได้ตัดสินให้เจ้าของแพะมอบแพะทั้งหมดที่เข้ากินต้นไม้ใบหญ้าให้แก่เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเสียหาย ถึงต้นไม้ใบหญ้าจะเสียหาย แต่ที่ดินยังคงอยู่ ดังนั้น จึงไม่ควรให้เจ้าของที่ดินยึดแพะทั้งหมดเอาไว้เลย เมื่อต้นไม้ใบหญ้าเติบโตใหม่แล้ว เจ้าของที่ก็ควรจะคืนแพะให้แก่เจ้าของเดิมไป นบีดาวูดเห็นด้วยกับคำแนะนำของสุลัยมานเพราะเป็นความยุติธรรมและท่านได้ตัดสินไปตามนั้น นอกจากนั้นแล้ว คัมภีร์กุรอานยังได้บอกให้เรารู้ว่าอัลลอฮได้ทรงสอนท่านนบีดาวูดให้รู้จักการนำเอาเหล็กมาทำเป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ
บางท่านให้ทัศนะว่า เพลงสดุดีเป็นคัมภีร์ "ซะบูร" ที่ถูกประทานแก่ "นบีดาวูด" (ดาวิด) ทั้งบท ไม่มีหลักฐานยืนยัน[15]
อ้างอิง แก้
- ↑ Carr, David M. & Conway, Colleen M., An Introduction to the Bible: Sacred Texts and Imperial Contexts, John Wiley & Sons (2010), p. 58
- ↑ 2 ซามูลเอล 6:12, พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับมาตรฐาน, สมาคมพระคริสตธรรมไทย
- ↑ 1 ซามูเอล 16:11
- ↑ 1 ซามูเอล 16:14-23
- ↑ 1 ซามูเอล 17
- ↑ 1 ซามูเอล 18[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 1[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 2:1-10[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 4[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 5[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 5[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 6[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 7[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2 ซามูเอล 8[ลิงก์เสีย]
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2013-01-02.
ดูเพิ่ม แก้
แหล่งข้อมูลอื่น แก้
- Complete Bible Genealogy เชื้อสายดาวิด
- The Eternal House Of David Family Reunion การพบปะของผู้สืบสายจากดาวิด
- Poet Robert Pinsky Takes on King David กวีโรเบิร์ต พินสกี พูดเรื่องพระเจ้าดาวิด