กู๋หว่าไจ๋ 5 ฟัดใหญ่เมืองตะลึง
กู๋หว่าไจ๋ 5 ฟัดใหญ่เมืองตะลึง (อังกฤษ: Young and Dangerous 5, จีนตัวย่อ: 98古惑仔之龙争虎斗; จีนตัวเต็ม: 98古惑仔之龍爭虎鬥) เป็นภาพยนตร์ฮ่องกงที่ออกฉายในปี ค.ศ. 1998 กำกับโดย แอนดริว เลา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 5 ในภาพยนตร์ชุด กู๋หว่าไจ๋
กู๋หว่าไจ๋ 5 ฟัดใหญ่เมืองตะลึง | |
---|---|
กำกับ | หลิว เหว่ยเฉียง |
เขียนบท | แมนเฟรด หว่อง |
อำนวยการสร้าง | แมนเฟรด หว่อง |
นักแสดงนำ | เจิ้ง อี้เจี้ยน เฉิน เสี่ยวชุน ซู ฉี อเล็กซ์ ม่าน หลิว สงเหยิน เฉิน กาล็อค ว่าน จือเหลียง เจอร์รี่ แลมป์ พอล ชุน แอนโทนี่ หว่อง |
กำกับภาพ | แอนดริว เลา |
ดนตรีประกอบ | เฉิน กวองวิง |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | Golden Harvest Pictures สหมงคลฟิล์ม |
วันฉาย | 22 มกราคม ค.ศ. 1998 |
ความยาว | 114 นาที |
ประเทศ | ฮ่องกง |
ภาษา | จีน |
ก่อนหน้านี้ | กู๋หว่าไจ๋ 4 อันธพาลกวนเมือง |
ต่อจากนี้ | เกิดมาเป็นเจ้าพ่อ |
เนื้อเรื่องย่อ
แก้ในภาคนี้เรื่องราวกล่าวถึงการต่อยตีของเด็กหนุ่มวัยรุ่น มาเป็นความขัดแย้งของรุ่นใหญ่ การต่อสู้แย่งชิงอำนาจที่ดูราวกับเป็นการต่อสู้ทางการเมือง ห้าวหนาน ต้องเจอมือดีจากตงซิ่งคนใหม่ "ซือถูห้าวหนาน" คนชื่อเดียวกับเขา ที่ขอท้าทายอำนาจเหนือย่านถงหลอวาน ด้วยการจัดแข่งขันมวยเดิมพันขึ้นมา
งานสร้างภาพยนตร์
แก้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับหนังภาค 5 "กู๋หว่าไจ๋ ฟัดใหญ่เมืองตะลึง" เมื่อไม่มีบทบาทของ ไก่ป่า ในภาคนี้ แต่ในด้านเรื่องราวก็ยังคงวนเวียนอยู่กับศัตรูตัวใหม่ ๆ สถานการณ์ใหม่ ๆ ที่ความสนุกเริ่มลดลง และภาพรวมของหนังดูจะเข้าข่าย "ตัน" เสียแล้ว
กู๋หว่าไจ๋ มักจะถูกปรามาสว่าไม่ได้ให้อะไรกับคนดู มากกว่าการฉายภาพฉาบฉวยของตัวละครนักเลงวัยรุ่นหนุ่มหล่อแต่งตัวดีมีรสนิยม, ทำผมเท่ห์ มีสาวสวย ๆ อยู่รายล้อม แต่ตลอดทั้ง 5 ภาคหนังก็แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครเพื่อฉายให้เห็นถึงสัจธรรมบางข้อได้อยู่เหมือนกัน
จากอันธพาลที่เอาชนะด้วย หมัด, มีด หรือปืน ไปสู่โลกแห่งความเป็นผู้ใหญ่ที่ความขัดแย้งมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้น โดยเฉพาะในยุคที่เงินทองเริ่มหายาก เหล่านักเลงต้องดิ้นรน ไปสู่หนทางใหม่ พยายามลงทุนในธุรกิจ แต่สุดท้ายการต่อสู้ในสนามที่แปลกใหม่ ก็ยิ่งมีแต่จะเสียเปรียบ งานนี้ ห้าวหนาน และพวกแทบจะเอาตัวไม่รอดเพราะโดนหลอกลวงมามาก เช่นเดียวกับเพื่อนจาก หงซิ่งหลาย ๆ คนที่ต้องแย่เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ เงินขาดมือ สถานการณ์เลวร้ายกว่าตอนโดนคู่อริวิ่งถือมีดพร้าเข้าใส่เสียอีก
แม้จะไม่ได้นำเสนออะไรที่ลึกซึ้งมากมาย แต่หนังก็สะท้อนความเป็นจริงบางอย่างออกมาได้ โดยเฉพาะบรรยากาศของฮ่องกงหลังกลับคืนสู่การปกครองของจีน ความไม่มั่นใจกับระบบการปกครองใหม่ แต่ถ้าจะนับความสนุก, ความลื่นไหลดูมันส์แล้ว ก็ถือว่าเป็นรองภาคอื่น ๆ อยู่ เพราะเนื้อหาของภาพยนตร์ไม่ได้ใหม่พอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก สุดท้ายรายได้ก็เริ่มลงลดลง และปีต่อ ๆ ไปก็ไม่ได้มี "กู๋หว่าไจ๋" มาให้ดูกันปีต่อปีอีกต่อไป[1]