มิลาน

(เปลี่ยนทางจาก Milan)

มิลาน (อังกฤษ: Milan) หรือ มีลาโน (อิตาลี: Milano) เป็นเมืองเอกของแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ถือเป็นนครที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงโรม และเป็นเมืองที่ขนาดใหญ่ที่สุดในอิตาลีในแง่จำนวนประชากรในเมือง[4] ตัวเมืองมิลานมีประชากรราว 1.4 ล้านคน ขณะที่ทั้งเขตเทศมณฑลจะมีประชากร 3.23 ล้านคน[5] นครมิลานและปริมณฑลมีประชากรรวมกว่า 8.2 ล้านคน นอกจากนี้ เขตเมืองของมิลานยังมีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ในสหภาพยุโรปด้วยจำนวน 6.17 ล้านคน และอ้างอิงจากรายงานฐานข้อมูลระดับชาติ ประชากรภายในเขตมหานครมิลานที่อาศัยอยู่ลึกเข้าไปในตัวเมืองอยู่ระหว่าง 7.5 ล้านถึง 8.2 ล้านคน ทำให้เมืองนี้เป็นเขตมหานครที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี และเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป มิลานมีบทบาทสำคัญในฐานะเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของอิตาลี ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองสำคัฐทางเศรษฐกิจของยุโรป และเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก[6]

มิลาน

Comune di Milano
เทศบาลมิลาน
ตามเข็มจากบน: ปอร์ตานูโอวา, ปราสาทสฟอร์ซา, ลาสกาลา, กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด, สถานีรถไฟกลางมิลาน, ประตูสันติ และอาสนวิหารมิลาน
ตามเข็มจากบน: ปอร์ตานูโอวา, ปราสาทสฟอร์ซา, ลาสกาลา, กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด, สถานีรถไฟกลางมิลาน, ประตูสันติ และอาสนวิหารมิลาน
ธงของมิลาน
ธง
ตราราชการของมิลาน
ตราอาร์ม
มิลานตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี
มิลาน
มิลาน
ที่ตั้งของมิลานในประเทศอิตาลี
พิกัด: 45°28′01″N 09°11′24″E / 45.46694°N 9.19000°E / 45.46694; 9.19000
ประเทศ อิตาลี
แคว้นลอมบาร์เดีย
เขตมหานครมิลาน (MI)
การปกครอง
 • องค์กรสภาเทศบาล
พื้นที่
 • เทศบาล181.76 ตร.กม. (70.18 ตร.ไมล์)
ความสูง120 เมตร (390 ฟุต)
ประชากร
 (31 ธ.ค. 2018)[1]
 • เทศบาล1,395,274 คน
 • ความหนาแน่น7,700 คน/ตร.กม. (20,000 คน/ตร.ไมล์)
 • รวมปริมณฑล[2]4,336,121 คน
เดมะนิมMilanese
Meneghino[3]
รหัสพื้นที่0039 02
เว็บไซต์www.comune.milano.it

ประวัติศาสตร์ของมิลานเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 590 ปีก่อนคริสตกาล[7] ในชื่อ Medhelanon ชาวเคลต์เป็นชนยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกรากบริเวณนี้ ก่อนจะถูกยึดครองโดยชาวโรมันในช่วง 222 ปีก่อนคริสตกาล และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น Mediolanum เมืองนี้มีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางทางการปกครองตั้งแต่ปลายสมัยโบราณ โดยทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันตก[8] นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จนถึงศตวรรษที่ 16 มิลานเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเป็นศูนย์กลางการค้าและการพาณิชย์ที่สำคัญ ในฐานะเมืองหลวงของดัชชีแห่งมิลาน หนึ่งในศูนย์กลางทางการเมือง ศิลปะ และแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา[9][10] ในเวลาต่อมา เมืองได้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของยุคแห่งแสงสว่างในช่วงสมัยใหม่ตอนต้น และกลายเป็นเมืองที่มีการขยับขยายอย่างรวดเร็วและมีบทบาทในยุคการฟื้นฟูครั้งแรก จนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอิตาลีที่มีความเป็นเอกภาพ นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 มิลานกลายเป็นเมืองหลวงทางอุตสาหกรรมและการเงินของอิตาลี[11][12]

มิลานเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันตก, แกรนด์ดัชชีมิลาน และราชอาณาจักรลอมบาร์เดีย-เวนิส มิลานได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในเมืองอัลฟาหรือเมืองระดับโลก มีจุดเด่นในการเป็นผู้นำทางศิลปะ, วิทยาศาสตร์, การค้า, สถาปัตยกรรม, การออกแบบ, การศึกษา, แฟชั่น, ความบันเทิง, การแพทย์, การสื่อสาร, การบริการ, วิจัยและนวัตกรรม และการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก[13] เขตธุรกิจในนครมิลานเป็นที่ตั้งของอาคารตลาดหลักทรัพย์อิตาลี และเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ธนาคารและบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่หลายแห่ง มิลานเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งสูงสุดในอิตาลีวัดตามผลิตภัณฑ์มวลรวม ภาคเศรษฐกิจของนครมิลานมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของสหภาพยุโรปรองจากกรุงปารีส นับเป็นเมืองที่ไม่ใช่เมืองหลวงที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในทวีปยุโรป[14]

มิลานและตูรินมักถูกมองว่าเป็นเมืองที่อยู่ในส่วนใต้สุดตามเส้นทาง Blue Banana หรือเส้นทางการพัฒนาเมืองแบบกระจัดกระจายซึ่งขยายตัวไปทั่วภูมิภาคยุโรปกลาง และเป็นหนึ่งในสี่เมืองหลักของ Four Motors for Europe เครือข่ายข้ามชาติระหว่างภูมิภาคซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมและการวิจัยในยุโรป มิลานเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับนานาชาติที่สำคัญ มักติดอันโลกในแง่เมืองที่มีจำนวนผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก โดยเป็นอันดับ 2 ในอิตาลีรองจากโรม อันดับ 5 ในยุโรป และอันดับ 16 ของโลก[15][16] มิลานยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของยุโรป โดยมีจำนวนมีพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่รวบรวมผลงานชิ้นเอกมากมาย เช่น จิตรกรรมของเลโอนาร์โด ดา วินชี[17][18] นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยจำนวนมาก โดยจำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนทั้งหมดคิดเป็น 11% ของนักศึกษาทั้งประเทศ[19] ท่าอากาศยานมิลานมัลเปนซาเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในทวีปยุโรป[20]

มิลานได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในสี่เมืองหลวงด้านแฟชั่นของโลก[21] เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แบรนด์แฟชั่นระดับโลกมากมาย อาทิ อาร์มานี, ปราดา, เวอร์ซาเช, วาเลนตีโต, โลโร เปียนา และแอร์เมเนกิลโด เซนญา[22] มิลานยังได้รับผลพลอยได้จากการจัดงานนิทรรศการนานาชาติบ่อยครั้งในแต่ละปี งานที่ใหญ่ที่สุดของแต่ละปีคือมิลานแฟชั่นวีค และมิลานเฟอร์นิเจอร์แฟร์ สองงานนี้ถือเป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกในแง่รายได้, ผู้เข้าชม และอัตราเติบโต มิลานยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูหราหลายแห่ง ทั้งยังอยู่ในอันดับ 5 ของโลกในแง่จำนวนที่พักและร้านอาหารที่ได้รับการยกย่องโดย มิชลินไกด์ [23] นครมิลานเคยเป็นสถานที่จัดงานนิทรรศการโลกถึงสองครั้งในปี 1906 และ 2015 และเป็นที่ตั้งของสองสโมสรฟุตบอลชื่อดังอย่างเอซีมิลานและอินเตอร์มิลาน ซึ่งต่างก็เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำที่ประสบความสำเร็จสูงในยุโรป รวมทั้งทีมบาสเกตบอลโอลิมเปียมีลาโน มิลานมีกำหนดเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว 2026 และพาราลิมปิกฤดูหนาว 2026 เป็นครั้งแรกร่วมกับกอร์ตีนาดัมเปซโซ[24][25][26]

ศิลปะ

แก้

โคร์เวตโต (อังกฤษ: Corvetto) คือเขตศิลปะร่วมสมัยของมิลาน[27][28][29][30][31]

สถาปัตยกรรม

แก้

ในมิลานมีสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือมายากยุคเป็นอาณานิคมของโรมันโบราณเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แห่งที่มีชื่อเสียงและมีสภาพดีที่สุดคือ เสาแห่งซันลอเรนโซ (Colonne di San Lorenzo) ในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 4 (ค.ศ. 351-400) นักบุญอัมโบรซิอุส มุขนายกแห่งมิลาน เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการวางผังเมืองมิลาน ท่านได้เปลี่ยนทัศนียภาพของใจกลางเมืองครั้งใหญ่ และสร้างมหาวิหารอันใหญ่โตสี่แห่งไว้ที่ประตูเมือง ได้แก่ซันอัมโบรจิโอ, ซันนาซาโรอินโบรโล, ซันซิมปลิซีอาโน และซันตุสตอร์จิโอ ซึ่งยังคงตั้งอยู่จนถึงปัจจุบัน

โบสถ์คริสต์ที่สำคัญและงดงามที่สุดของเมืองอย่างอาสนวิหารมิลาน (Duomo di Milano) ถูกสร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1386 ถึง 1577 ถือเป็นโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก และเป็นแบบอย่างสถาปัตยกรรมกอทิกที่สำคัญที่สุดในอิตาลี มีการเชิญรูปหล่อทองแดงปิดทองของพระนางมารีย์พรหมจารีไว้ที่ยอดของวิหารในปีค.ศ. 1774 และกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมิลาน[32]

ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ระหว่างที่ราชวงศ์สฟอร์ซาปกครองมิลาน มีการขยายปราการวิสคอนเตอันและตกแต่งใหม่จนกลายเป็นปราสาทสฟอร์ซา ถือเป็นอาคารราชสำนักแบบสถาปัตยกรรมเรอแนซ็องส์ที่รายล้อมไปด้วยกำแพงอุทยานล่าสัตว์ ราชวงศ์สฟอร์ซาถือเป็นพันธมิตรกับโกซีโม เด เมดีชี แห่งนครฟลอเรนซ์ จึงทำให้มีสถาปัตยกรรมเรอแนซ็องส์แบบตอสกานามาปรากฏในมิลานด้วย

เศรษฐกิจ

แก้

ถ้าโรมเป็นเมืองหลวงของอิตาลี มิลานก็เป็นดั่งหัวใจด้านการเงินและอุตสากรรมของอิตาลี ในปี 2014 มิลานเมืองเดียวมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ถึง 1.58 แสนล้านยูโร[33] จังหวัดมิลานสร้างรายได้คิดเป็นราว 10% ของรายได้ประเทศ ในขณะที่ทั้งแคว้นลอมบาร์เดียสร้างรายได้ราว 22% ของรายได้ประเทศ[34] (พอๆกับประเทศเบลเยียม) จังหวัดมิลานเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่บริษัท 45% ในแคว้นลอมบาร์เดียและ 8% ในอิตาลี

มิลานเป็นเมืองที่แพงที่สุดเป็นอันดับ 11 ของทวีปยุโรป และเป็นอันดับ 22 ของโลกในปีค.ศ. 2019[35] ถนนสายวีอามอนเตนโปเลียน(Via Monte Napoleone)ในมิลานเป็นถนนสายช็อปปิ้งที่แพงที่สุดในยุโรปตามการจัดอันดับของบริษัทรับคืนภาษี Global Blue[36]

มิลานเป็นศูนย์กลางการเงินและการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี บริษัทประกันและเครือธนาคารยักษ์ใหญ่จำนวนมากของอิตาลี ตลอดจนบริษัทประกันและธนาคารต่างชาติกว่าสี่สิบรายล้วนตั้งอยู่ในมิลาน[37] ตลาดหลักทรัพย์อิตาลีก็มีที่ตั้งอยู่ในมิลาน

ภูมิอากาศ

แก้
ข้อมูลภูมิอากาศของนครมิลาน (ท่าอากาศยานลินาเต)
เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F) 21.7
(71.1)
23.8
(74.8)
26.9
(80.4)
32.4
(90.3)
35.5
(95.9)
36.6
(97.9)
37.2
(99)
36.9
(98.4)
33.0
(91.4)
28.2
(82.8)
23.0
(73.4)
21.2
(70.2)
37.2
(99)
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 5.9
(42.6)
9.0
(48.2)
14.3
(57.7)
17.4
(63.3)
22.3
(72.1)
26.2
(79.2)
29.2
(84.6)
28.5
(83.3)
24.4
(75.9)
17.8
(64)
10.7
(51.3)
6.4
(43.5)
17.7
(63.9)
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) 2.5
(36.5)
4.7
(40.5)
9.0
(48.2)
12.2
(54)
17.0
(62.6)
20.8
(69.4)
23.6
(74.5)
23.0
(73.4)
19.2
(66.6)
13.4
(56.1)
7.2
(45)
3.3
(37.9)
13.0
(55.4)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) -0.9
(30.4)
0.3
(32.5)
3.8
(38.8)
7.0
(44.6)
11.6
(52.9)
15.4
(59.7)
18.0
(64.4)
17.6
(63.7)
14.0
(57.2)
9.0
(48.2)
3.7
(38.7)
0.1
(32.2)
8.3
(46.9)
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F) -15.0
(5)
-15.6
(3.9)
-7.4
(18.7)
-2.5
(27.5)
-0.8
(30.6)
5.6
(42.1)
8.4
(47.1)
8.0
(46.4)
3.0
(37.4)
-2.3
(27.9)
-6.2
(20.8)
-13.6
(7.5)
−15.6
(3.9)
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) 58.7
(2.311)
49.2
(1.937)
65.0
(2.559)
75.5
(2.972)
95.5
(3.76)
66.7
(2.626)
66.8
(2.63)
88.8
(3.496)
93.1
(3.665)
122.4
(4.819)
76.7
(3.02)
61.7
(2.429)
920.1
(36.224)
ความชื้นร้อยละ 86 78 71 75 72 71 71 72 74 81 85 86 77
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 1.0 mm) 6.7 5.3 6.7 8.1 8.9 7.7 5.4 7.1 6.1 8.3 6.4 6.3 83.0
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด 58.9 96.1 151.9 177.0 210.8 243.0 285.2 251.1 186.0 130.2 66.0 58.9 1,915.1
แหล่งที่มา: Servizio Meteorologico[38][39][40]

ลิงก์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "Resident population by age, nationality and borough". Comune di Milano. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-13. สืบค้นเมื่อ 2020-02-24.
  2. "Database". ec.europa.eu. Eurostat. click General and regional statistics / Regional statistics by typology / Metropolitan regions / Demography statistics by metropolitan regions / Population on 1 January by broad age group, sex and metropolitan regions (met_pjanaggr3)
  3. In reference to the Meneghino mask.
  4. "Where are the largest metropolitan regions in the EU?". ec.europa.eu (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2024-03-18. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  5. "Milano (Metropolitan City, Italy) - Population Statistics, Charts, Map and Location". www.citypopulation.de. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  6. "Milan, Italy's Industrial and Financial Capital | Prologis". www.prologis.it (ภาษาอังกฤษ). 2018-05-18. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  7. "::: Storia di Milano ::: Fino al 150 d.C." www.storiadimilano.it. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  8. Bonazzoli, Francesca (2018-11-24). "Quando Milano era capitale dell'Impero". Corriere della Sera (ภาษาอิตาลี). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  9. Scott, Tom (2012). The city-state in Europe, 1000-1600: hinterland, territory, region. Oxford ; New York: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-927460-4. OCLC 757147106.
  10. kuneo_Cav (2019-05-20). "Storia del ducato di Milano: dai Visconti ai Sforza Cavalleria San Maurizio". Cavalleria San Maurizio (ภาษาอิตาลี). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  11. Angela (2018-11-23). "Milan - story of a business capital of Europe". Il blog di Smart Eventi (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  12. "Milan | History, Population, Climate, Map, & Facts | Britannica". www.britannica.com (ภาษาอังกฤษ). 2025-02-13. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  13. patrizia.mellano. "Assolombarda - Milano cuore dell'industria chimica". Assolombarda.it (ภาษาอิตาลี). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  14. Gert-Jan Hospers (2002). "Beyond the Blue Banana? Structural Change in Europe's Geo-Economy" (PDF). 42nd EUROPEAN CONGRESS of the Regional Science Association Young Scientist Session – Submission for EPAINOS Award 27–31 August 2002 – Dortmund, Germany. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 29 September 2007. สืบค้นเมื่อ 27 September 2006.
  15. "Milano è la seconda città più amata dai turisti in Italia dopo la capitale". Il Giorno (ภาษาอิตาลี). 2023-07-04. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  16. "Global Destination Cities Index 2019 di Mastercard: aumentano i turisti che scelgono l'Italia | Europe Hub". web.archive.org. 2019-11-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-11-06. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  17. "Musei di Milano". museidimilano.it (ภาษาอิตาลี). 2018-02-16. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  18. "The Last Supper - Leonardo Da Vinci - Useful Information". www.milan-museum.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  19. "Migliori università al mondo, due sono a Milano: Politecnico e Bocconi". Il Giorno (ภาษาอิตาลี). 2023-03-22. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  20. "Italy: passengers traveling through Milan Malpensa Airport 2010-2020 | Statista". Statista (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-12-09. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  21. Shaw, Catherine (17 July 2016). "Milan, the 'world's design capital', takes steps to attract visitors year-round". South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 15 October 2017.
  22. Kaufman, Sara (2018-07-18). "10 Milan Fashion Brands You Need To Know". Culture Trip (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  23. "Guida Michelin 2016: ristoranti stellati in Lombardia". web.archive.org. 2016-05-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-02. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  24. Livingstone, Robert (2018-09-20). "Lausanne To Host Vote For Winning 2026 Winter Olympic Bid Instead of Milan After Italy Enters Race". GamesBids.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  25. Livingstone, Robert (2018-10-09). "IOC To Move Up 2026 Olympic Bid Vote Three Months, Now June 2019". GamesBids.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  26. "Winter Olympics & Paralympics: Italy's Milan-Cortina chosen to host 2026 Games". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2019-06-24. สืบค้นเมื่อ 2025-02-15.
  27. Via Romilli: ศิลปะร่วมสมัยเบ่งบานในมิลาน, Artribune, มีนาคม 2024
  28. Fondazione Galleria Milano: โครงการใหม่สำหรับศิลปะร่วมสมัย, Artribune, มกราคม 2024
  29. Via Romilli ที่มิลาน: เขตศิลปะร่วมสมัยใหม่, Exalto, 2024
  30. จาก Montenapo ถึง Corvetto: แกลเลอรีและโครงการเดินทางกำลังเบ่งบาน, Il Giorno, 2024
  31. Corvetto ArtWeek: ศิลปะครอบงำย่าน, Viafarini, 2024
  32. Wilson, Sharon (2011). A perfect trip to Italy in the golden years. Bloomington, IN: iUniverse Inc. p. 93. ISBN 978-1-4502-8443-1.
  33. "Gross domestic product (GDP) at current market prices by NUTS 3 regions". Eurostat. สืบค้นเมื่อ 7 December 2017.
  34. "Gross domestic product (GDP) at current market prices by NUTS 2 regions". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 October 2014. สืบค้นเมื่อ 15 November 2017.
  35. Beswick, Emma (19 March 2019). "Europe is home to some of the most expensive cities in the world in 2019 — where are they?". Euronews. สืบค้นเมื่อ 30 December 2019.
  36. ""Montenapoleone ha un primato: scontrino medio 1.800 euro, via più cara d'Europa"". MilanoToday. สืบค้นเมื่อ 14 February 2018.
  37. "Milan: city profile". Municipality of Milan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2016. สืบค้นเมื่อ 29 May 2021.
  38. "Milano/Linate (MI)" (PDF). Servizio Meteorologico. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ June 14, 2016. สืบค้นเมื่อ December 11, 2014.
  39. "Stazione 080 Milano-Linate: Medie Mensili Periodo 1961–90". Servizio Meteorologico. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 14, 2016. สืบค้นเมื่อ December 11, 2014.
  40. "Milano Linate: Record mensili dal 1946" (ภาษาอิตาลี). Servizio Meteorologico dell'Aeronautica Militare. สืบค้นเมื่อ December 11, 2014.

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้