มิชชาเอล บัลลัค
มิชชาเอล บัลลัค (เยอรมัน: Michael Ballack) เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1976 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวเยอรมัน เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับสโมสรเค็มนิทซ์ ต่อมาย้ายไปอยู่กับไคเซิร์สเลาเทิร์น ได้ 2 ปี ก่อนถูกทีมไบเออร์เลเวอร์คูเซิน ซื้อตัวไป ถือว่าเป็นช่วงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ได้เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จากการลงเล่น 107 นัดทำประตูได้ 36 ประตู ต่อมาจึงถูกสโมสรอันดับ 1 ของเยอรมัน อย่างไบเอิร์นมิวนิก ซื้อตัวไป เมื่อหลังจบฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี บัลลัคซึ่งหมดสัญญากับบาเยิร์น ไปเซ็นสัญญากับสโมสรเชลซี ในอังกฤษ ซึ่งที่ผ่านมาทำประตูไปได้ 8 ประตู
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | Michael Ballack | ||
เกิด | 26 กันยายน ค.ศ. 1976 | ||
เกิดที่ | เกอร์ลิทซ์ เยอรมนีตะวันออก | ||
สูง | 1.89 เมตร (6 ฟุต 2 1⁄2 นิ้ว)[1] | ||
ตำแหน่ง | กองกลาง | ||
ชุดเยาวชน | |||
1983–1995 | Chemnitzer FC | ||
ชุดใหญ่* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น† | (ประตู)† |
1995–1997 | Chemnitzer FC II | 18 | (3) |
1995–1997 | Chemnitzer FC | 49 | (10) |
1997–1999 | ไคเซิร์สเลาเทิร์น | 46 | (4) |
1999–2002 | ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน | 79 | (27) |
2002–2006 | ไบเอิร์นมิวนิก | 107 | (44) |
2006–2010 | เชลซี | 105 | (17) |
2010–2012 | ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน | 35 | (2) |
ทีมชาติ‡ | |||
1996–1998 | Germany U21 | 19 | (7) |
1999–2012 | เยอรมัน | 98 | (42) |
† ลงเล่น (ประตู) |
ประวัติ
แก้มิชชาเอล บัลลัค เกิดที่เมืองเกอร์นิทซ์ และเริ่มต้นเล่นฟุตบอลที่โรงเรียน Chemniz ในระดับมัธยมศึกษา ก่อนจะเข้าร่วมกับทีม Karl-Marx-Stadt FC ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Chemnitzer
1995-1996 เขากลายเป็นนักเตะของสโมสร Chemnitzer และลงเล่นในฐานะนักเตะดาวรุ่งของทีม และลงเล่นไปทั้งหมด 15 นัด
1996-1997 เขากลายเป็นตัวหลักของทีม และยิงประตูครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1996 ในเกมกับทีม Dynamo Dresden ช่วยให้ทีมชนะ 1-0 โดยในฤดูกาลนี้เขาได้ลงทั้งหมด 34 นัด และทำได้ 10 ประตู ด้วยฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ของเขาทำให้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดยู-21 ของเยอรมัน
1997-1998 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ค่อนข้างดี บัลลัค จึงถูกไคเซิร์สเลาเทิร์นทีมน้องใหม่ในบุนเดิสลีกาดึงตัวมาร่วมทีม โดยลงเล่นในบุนเดิสลีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1997 ในเกมพบกับคาร์สลูห์ ซึ่งลงเล่นในฐานะตัวสำรอง รวมเบ็ดเสร็จฤดูกาลนี้ลงเล่นทั้งสิ้น 16 นัด และในปีนี้เองที่อ๊อตโต้ เรหาลเก้นเทรนเนอร์ของทีมสร้างสิ่งมหรรศจรรย์ด้วยการพาทีมไคเซิร์สเลาเทิร์น เป็นแชมป์บุนเดิสลีกาทั้งที่ทีมพึ่งจะเป็นปีแรกที่เลื่อนชั้นจากลีก้า 2 ทำให้เขามีชื่อในฐานะนักเตะทีมแชมป์บุนเดิสลีกาอีกด้วย
1998-1999 เขากลายเป็นตัวหลักของทีมในฤดูกาลนี้ และระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ซึ่งประตูแรกของเขาใน บุนเดิสลีกาเกิดจากลูกฟรีคิก ในนาทีที่ 67 ของเกมที่ปะทะ ฮันซ่า รอสต๊อค และช่วยให้ทีมเสมอไป 2-2 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1998 โดยในฤดูกาลนี้เขาจัดการซัดไป 4 ประตูจาก 30 เกม ด้วยวัยที่ยังอายุน้อย และผลงานที่ค่อนข้างดีกับ ไคเซิร์สเลาเทิร์น ทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยอรมัน และเป็นความหวังที่จะเป็นสายเลือดใหม่ของทีม เขาถูกส่งลงสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1999 ในเกมพบกับสกอตแลนด์
1999-2000 ด้วยผลงานที่โดดเด่นเหลือเกินกับ ไคเซิร์สเลาเทิร์น ทำให้ เลเวอร์คูเซ่นทีมชั้นนำของบุนเดิสลีกาดึงตัวมาร่วมทีมด้วย ค่าตัว 8 ล้านมาร์กเยอรมัน โดยในฤดูกาลนี้ลงเล่น 23 เกมในลีกและทำได้ 2 ประตู แล้วยังยิงอีก 2 ประตูในบอลยูฟ่าคัพ 2 นัดอีกด้วย และในท้ายฤดูกาลยังช่วยพาทีมทำอันดับไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ได้สำเร็จ ในระดับทีมชาติ มิชชาเอล บัลลัค ถูกเรียกตัวติดทีมอยู่บ่อยครั้ง และได้ลงเล่นอีกหลายดนัด แต่ก็ยังไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม และในยูโร 2000 เขาได้ลงเล่นเพียงแค่ 63 นาทีเท่านั้น
2000-2001 มิชชาเอล บัลลัค ยกระดับตัวเองขึ้นสู่นักเตะชั้นแนวหน้าของเยอรมันกลายเป็นคนสำคัญของทีมโดยลงเล่นในลีก 27 นัดซัดไป 7 ประตู และอีก 1 ประตูจาก 5 เกมแชมเปี้ยนลีก กลายเป็นผู้เล่นที่ถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นนักเตะชั้นนำของโลกได้ในไม่ช้า ในนามทีมชาติเขาก็เป็นตัวหลักของทีมชาติเยอรมัน ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกอย่างสม่ำเสมอ และทำประตูได้นัดแรกในวันที่ 28 มีนาคม 2001ในเกมกับกรีซ ด้วยลูกจุดโทษในนาทีที่ 25 เอาชนะไป 2-1
2001-2002 เป็นอีกฤดูกาลที่น่าจดจำสำหรับเขา เพราะเขาเป็นจอมทัพพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยสำคัญถึง 2 รายการ คือยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก และเดเอ็ฟเบ โพคาล แต่ก็เป็นได้แค่รองแชมป์ทั้งสองรายการ นอกจากนี้ยังเป็นรองแชมป์บุนเดิสลีกาอีกด้วย โดยรวมเป็ดเสร็จเขาลงเล่น 29 นัดในลีก ทำได้ 17 ประตู และอีก 6 ประตูจาก 15 นัดในแชมเปี้ยนลีก กลายเป็นความทรงจำที่ไม่น่าประทับใจนักกับการเป็นรองแชมป์ถึง 3 ถ้วย เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเยอรมัน หรือ Germany’s Footballer of the Year และรางวัลสุดยอดมิดฟิลด์ของยุโรป จากยูฟ่าอีกด้วย ในปี 2002 มีฟุตบอลโลกที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น มิชชาเอล บัลลัค ลงเล่นอย่างโดดเด่นและพาทีมชาติเยอรมันทะยานเข้าสูรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ในเกมนัดชิงชนะเลิศเข้าไม่สามารถลงเล่นได้เพราะติดโทษแบน จึงทำให้เยอรมันขาดจอมทัพคนสำคัญไป และในที่สุดเยอรมันก็พ่ายบราซิลไป 2-0 จึงทำให้บัลลัคกลายเป็นรองแชมป์อีกครั้งหนึ่ง
2002-2003 มิชชาเอล บัลลัค ถูกดึงมาร่วมทีม ไบเอิร์นมิวนิก ด้วยค่าตัว 6 ล้านยูโร และหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้เสียที โดยเขาลงเล่นในลีก 26 นัดยิงได้ 10 ประตู และ 1 ประตูจาก 7 นัดใน แชมเปี้ยนลีก แต่ในท้ายที่สุดเขาก็สารมารถพาทีมขึ้นเป็นแชมป์บุนเดิสลีกา และแชมป์เดเอ็ฟเบ โพคาล ได้สำเร็จ สานความฝันของเขาได้เสียที
2003-2004 ในปีนี้ มิชชาเอล บัลลัค และทีมไบเอิร์นมิวนิกโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก ทำได้เพียงแค่รองแชมป์บุนเดิสลีกา และไม่มีถ้วยใด ๆ ติดมือเลย โดยเขายิงได้ 7 ประตูจาก 28 นัดในลีก และลงเล่น 8 นัดในแชมเปี้ยนลีกแต่ยิงประตูไม่ได้เลย เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยอรมันเพื่อลุยยูโร 2004 ที่โปรตุเกส แต่ก็ต้องมาอยู่ร่วมสายกับ สาธารณรัฐเช็ค ฮอลแลนด์ และลัตเวีย ซึ่งเขาและทีมต้องกระเด็นตกรอบแรกหลังจากเสมอฮอลแลนด์ และลัตเวีย ตามด้วยแพ้สาธารณรัฐเช็ค สร้างความช้ำใจให้กับตัวเขาและทีมชาติเป็นอย่างมาก และหวังจะแก้ตัวให้สำเร็จในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน
2004-2005 เป็นอีกครั้งที่เขาพาทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างยิ่งใหญ่ในเยอรมัน เพราะคว้าดับเบิ้ลแชมป์เยอรมันได้อีกครั้ง คือแชมป์บุนเดิสลีกา และแชมป์เดเอ็ฟเบ โพคาล โดยทำได้ 12 ประตูจาก 27 นัดในลีกและ 2 ประตูจาก 9 นัดในแชมเปี้ยนลีก เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมเยอรมัน หรือรางวัล Germany’s Footballer of the Year Winner of the "Bambi"-Award ซึ่งถือเป็นรางวัลสุดยอดนักเตะเยอรมัน และยังถูกเสนอชื่อเข้าชิง FIFA World Footballer of the Year อีกด้วย
2005-2006 คว้าดับเบิ้ลแชมป์เยอรมันได้อีกครั้ง คือแชมป์บุนเดิสลีกา และแชมป์เดเอ็ฟเบ โพคาล ซึ่งก็ทำได้อย่างสบาย ๆ โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดมิดฟิลด์คนหนึ่งของโลก มีความครบเครื่องทั้งเกมรุกและรับ รวมทั้งยังยิงประตูจากแถวสองได้เป็นอย่างดี เขาทำได้ 14 ประตูจาก 26 นัดในลีก
2006-2007 เป็นฤดูกาลแรกที่เขาได้ย้ายมาสู่สโมสรเชลซี หลังจากหมดสัญญากับทีมไบเอิร์นมิวนิกโดยย้ายตัวมาแบบฟรีๆ ซึ่งเขาลงเล่นลีกไปทั้งหมด 26 นัด ทำได้ 5 ประตู เอฟเอคัพ 9 นัด ทำได้ 1 ประตู และแชมเปี้ยนลีก 10 นัด ทำได้ 2 ประตู แม้จะโชว์ฟอร์มตกลงจากเดิม แต่ก็เนื่องมาจากการที่เขาต้องใช้เวลาปรับตัวกับรูปแบบเกมฟุตบอลที่เร็วและหนักหน่วงมากขึ้นในอังกฤษนั่นเอง แต่ทั้งนี้เขาก็คว้าแชมป์ได้กับเชลซีถึงสองรายการคือ เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสรใหม่
เกียรติประวัติกับทีมชาติเยอรมัน
แก้- รองแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 2002
- อันดับ 3 ฟุตบอลโลก ปี 2006
- รองแชมป์ฟุตบอลยูโร ปี 2008
เกียรติประวัติกับสโมสร
แก้ไคเซิร์สเลาเทิร์น
แก้- แชมป์บุนเดิสลีกา เยอรมัน ปี 1998
ไบเอิร์นมิวนิก
แก้- แชมป์บุนเดิสลีกา เยอรมัน ปี 2003, 2005, 2006
- แชมป์เดเอ็ฟเบโพคาล ปี 2003, 2005, 2006
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีขออง ซอกเกอร์ ไดเจสต์ ปี 2003
- กองกลางยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า ปี 2003
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน ปี 2002, 2003, 2005
เชลซี
แก้- แชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ปี 2009
- รองแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ปี 2007
- แชมป์ลีกคัพ ปี 2007
- แชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2007, 2009, 2010
- แชมป์เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2009
อ้างอิง
แก้- ↑ "Michael Ballack Official profile". www.michael-ballack.com. 16 January 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-21. สืบค้นเมื่อ 16 January 2009.