ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์
ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์[5] (อังกฤษ: hydrogen peroxide) มีสูตรทางเคมีว่า H2O2 เป็นสารประกอบเพอร์ออกไซด์ (สารที่ประกอบด้วยออกซิเจนสองตัวและเชื่อมกันด้วยพันธะเดี่ยว) รูปแบบที่ง่ายที่สุด มีสภาพเป็นของเหลวใส หนืดกว่าน้ำเล็กน้อย มีรสขม ไม่อยู่ตัว ซึ่งสามารถสลายตัวเป็นออกซิเจนกับน้ำ เมื่อเจือจางจะเป็นสารละลายไม่มีสี เนื่องจากไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์สามารถสลายตัวเป็นน้ำได้เมื่อถูกแสงและความร้อน จึงควรเก็บรักษาสารชนิดนี้ไว้ในภาชนะทึบแสง[6]
ขวด 100 มิลลิลิตรที่มีไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ 3%
| |||
แบบจำลอง Ball-and-stick ของโมเลกุลไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์
| |||
| |||
ชื่อ | |||
---|---|---|---|
IUPAC name
Hydrogen peroxide
| |||
ชื่ออื่น
Dioxidane
Oxidanyl Perhydroxic acid 0-hydroxyol Dihydrogen dioxide Oxygenated water Peroxaan | |||
เลขทะเบียน | |||
3D model (JSmol)
|
|||
ChEBI | |||
ChEMBL | |||
เคมสไปเดอร์ | |||
ECHA InfoCard | 100.028.878 | ||
EC Number |
| ||
KEGG | |||
ผับเคม CID
|
|||
RTECS number |
| ||
UNII | |||
UN number | 2015 (สารละลาย >60%) 2014 (สารละลาย 20–60%) 2984 (สารละลาย 8–20%) | ||
CompTox Dashboard (EPA)
|
|||
| |||
| |||
คุณสมบัติ | |||
H2O2 | |||
มวลโมเลกุล | 34.0147 g/mol | ||
ลักษณะทางกายภาพ | ของเหลวสีน้ำเงินจางมาก | ||
กลิ่น | ฉุนเล็กน้อย | ||
ความหนาแน่น | 1.11 g/cm3 (20 °C, ผสมสารละลาย 30%)[1] 1.450 g/cm3 (20 °C, บริสุทธิ์) | ||
จุดหลอมเหลว | −0.43 องศาเซลเซียส (31.23 องศาฟาเรนไฮต์; 272.72 เคลวิน) | ||
จุดเดือด | 150.2 องศาเซลเซียส (302.4 องศาฟาเรนไฮต์; 423.3 เคลวิน) (แตกตัว) | ||
ผสมเข้ากันได้ | |||
ความสามารถละลายได้ | ละลายได้ในอีเทอร์ แอลกอฮอล์ ละลายไม่ได้ในปิโตรเลียมอีเทอร์ | ||
log P | -0.43[2] | ||
ความดันไอ | 5 mmHg (30 °C)[3] | ||
pKa | 11.75 | ||
−17.7·10−6 cm3/mol | |||
ดัชนีหักเหแสง (nD)
|
1.4061 | ||
ความหนืด | 1.245 cP (20 °C) | ||
2.26 D | |||
อุณหเคมี | |||
ความจุความร้อน (C)
|
1.267 J/(g·K) (แก๊ส) 2.619 J/(g·K) (ของเหลว) | ||
Std enthalpy of
formation (ΔfH⦵298) |
−187.80 kJ/mol | ||
เภสัชวิทยา | |||
A01AB02 (WHO) D08AX01, D11AX25, S02AA06 | |||
ความอันตราย | |||
GHS labelling: | |||
อันตราย | |||
H271, H302, H314, H332, H335, H412 | |||
P280, P305+P351+P338, P310 | |||
NFPA 704 (fire diamond) | |||
จุดวาบไฟ | ไม่วาบไฟ | ||
ปริมาณหรือความเข้มข้น (LD, LC): | |||
LD50 (median dose)
|
1518 mg/kg[ต้องการอ้างอิง] 2000 mg/kg (ปาก, หนูเมาส์)[4] | ||
LC50 (median concentration)
|
1418 ppm (หนู, 4 ฃั่วโมง)[4] | ||
LCLo (lowest published)
|
227 ppm (หนูเมาส์)[4] | ||
NIOSH (US health exposure limits): | |||
PEL (Permissible)
|
TWA 1 ppm (1.4 mg/m3)[3] | ||
REL (Recommended)
|
TWA 1 ppm (1.4 mg/m3)[3] | ||
IDLH (Immediate danger)
|
75 ppm[3] | ||
เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS) | ICSC 0164 (สารละลาย >60%) | ||
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |||
สารประกอบที่เกี่ยวข้อง
|
น้ำ โอโซน ไฮดราซีน ไฮโดรเจนไดซัลไฟด์ ไดออกซิเจนไดฟลูออไรด์ | ||
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa
|
คุณสมบัติ
แก้โดยปกติไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์จะสลายตัวไปเองอย่างช้า ๆ ซึ่งจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นน้ำและแก๊สออกซิเจน แสงสว่างและความร้อนจะช่วยเร่งให้เกิดการสลายตัวเร็วขึ้น ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์มีปฏิกิริยาการสลายตัวดังนี้
นอกจากนี้ หากมีส่วนผสมของโลหะ โดยเฉพาะเหล็ก แมงกานีส ทองแดง จะทำให้เกิดการสลายตัวเร็วยิ่งขึ้น
วิธีการเก็บรักษาไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ให้เก็บไว้ในที่มืด หรือในภาชนะสีน้ำตาลเข้ม ภาชนะทึบแสง และในที่เย็น นอกจากนี้อาจเติมสารบางชนิดลงไปเล็กน้อย เช่น แอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้สลายตัวเร็วเกินไป[6]
ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ยังมีคุณสมบัติเป็นสารไวไฟ ซึ่งภาชนะบรรจุสารอาจระเบิดได้เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิสูง ในกรณีเกิดเพลิงไหม้ให้ใช้น้ำฉีดเป็นฝอย หรืออาจใช้ผงเคมีแห้ง โฟม หรือคาร์บอนไดออกไซด์[7]
การเตรียม
แก้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์สามารถเตรียมได้[8] จากปฏิกิริยาระหว่างโซเดียมเพอร์ออกไซด์กับกรดซัลฟิวริกเจือจางที่เย็นจัด ดังสมการ
หรือเตรียมได้จากปฏิกิริยาระหว่างแบเรียมเพอร์ออกไซด์กับกรดซัลฟิวริกเจือจางที่เย็นจัด ดังสมการ
ประโยชน์
แก้โดยทั่วไปไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์จะอยู่ในรูปสารละลายความเข้มข้นตั้งแต่ 3–90% มักใช้เป็นสารฟอกสีในอาหาร สารทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อ ใช้ฆ่าเชื้อโรคบนผิวหนัง ใช้ล้างภาพสีน้ำมันเก่า ๆ ให้สดใสขึ้น ทำน้ำยาบ้วนปาก และไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์เข้มข้น 90% สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนจรวด[9]
การใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ล้างแผล จะใช้ในฐานะยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อน ๆ เฉพาะที่ เช่น บาดแผลเล็ก ๆ แต่อาจเกิดผลข้างเคียงจากความเป็นพิษ (Cytotoxic) ซึ่งรบกวนการสมานแผล ทำให้แผลแสบ และระคายเคือง ดังนั้นจึงควรใช้สารชนิดนี้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น[10]
ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์สามารถใช้ฟอกเส้นผม โดยการนำสารชนิดนี้ไปผสมกับสารชนิดอื่น จนให้สารละลายผสมมีฤทธิ์เป็นด่าง แล้วนำมาฟอกผม จะทำให้เส้นผมมีสีอ่อนลง ง่ายต่อการเปลี่ยนสีผม และยังทำให้สีที่ต้องการย้อมติดกับผมได้ ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ยังมีส่วนผสมอยู่ในน้ำยาโกรกผม ซึ่งในยาย้อมผมไม่ควรมีไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์เกิน 6% แต่ที่พบในท้องตลาดมีตั้งแต่ 3–40% ซึ่งหากใช้โดยไม่มีการเจือจางจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองหนังศีรษะ และเส้นผมอาจถูกทำลายได้[11]
นอกจากนี้ยังใช้เป็นสารฟอกขาวในภาคอุตสาหกรรมฟอกย้อม ซึ่งสามารถใช้ได้ดีกับเส้นใยเกือบทุกชนิด พร้อมทั้งเกิดอันตรายต่อเส้นใยน้อยที่สุด ทำให้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ตัวฟอกขาวสากล" (Universal bleaching agent) การฟอกขาวด้วยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ต้องใช้โซเดียมซิลิเกต (Na2SiO3) ควบคุมการสลายตัว นอกจากใช้ฟอกเส้นใยแล้ว ยังใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ฟอกงาช้าง และขนนก และอาจใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์เป็นสารแอนติคลอร์ (อังกฤษ: antichlor) ซึ่งใช้ทำลายคลอรีนที่ตกค้างบนเส้นใยหลังผ่านการใช้คลอรีนฟอกขาว[8] มีสมการดังนี้
อันตรายต่อสุขภาพอนามัย
แก้เนื่องจากไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์มีฤทธิ์กัดกร่อน การหายใจเอาสารชนิดนี้เข้าไป อาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอ ไอ หายใจติดขัด เมื่อสัมผัสผิวหนัง อาจเกิดผื่นแดง รู้สึกปวดแสบปวดร้อน เมื่อรับประทานเข้าไป จะเกิดอาการเจ็บคอ ปวดท้อง และอาเจียนได้ และเมื่อสัมผัสถูกดวงตา จะก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ตาแดง ปวดตา สายตาอาจพร่ามัวได้[7]
- การปฐมพยาบาล
หากได้รับสารโดยการหายใจเข้าไป ให้ผู้ป่วยออกไปอยู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ แต่ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย แล้วนำส่งไปพบแพทย์ หากสัมผัสถูกผิวหนังให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมาก หากสัมผัสดวงตาให้ใช้นิ้วถ่างแยกเปลือกตาออก แล้วฉีดน้ำเย็นล้างตาทันทีเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที แต่ถ้าหากเกิดรับประทานเข้าไปในปริมาณมาก ให้นำส่งไปพบแพทย์ทันที[7]
อ้างอิง
แก้- ↑ Easton, M. F.; Mitchell, A. G.; Wynne-Jones, W. F. K. (1952). "The behaviour of mixtures of hydrogen peroxide and water. Part 1.?Determination of the densities of mixtures of hydrogen peroxide and water". Transactions of the Faraday Society. 48: 796–801. doi:10.1039/TF9524800796. S2CID 96669623. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 February 2022. สืบค้นเมื่อ 30 November 2019.
- ↑ "Hydrogen peroxide". www.chemsrc.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 August 2017. สืบค้นเมื่อ 3 May 2018.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0335". National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH).
- ↑ 4.0 4.1 4.2 "Hydrogen peroxide". Immediately Dangerous to Life and Health Concentrations (IDLH). National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH).
- ↑ กลุ่มตัวอักษร "ฮ" เก็บถาวร 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
- ↑ 6.0 6.1 ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ เก็บถาวร 2012-08-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ เก็บถาวร 2011-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, กรมควบคุมมลพิษ
- ↑ 8.0 8.1 บุญยิ่ง จันทร์เปี่ยม, เคมีประยุกต์ในงานสิ่งทอ, วิทยาลัยเทคนิคโพธาราม
- ↑ ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ Hydrogen peroxide[ลิงก์เสีย], กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา.
- ↑ "น้ำยาล้างแผล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-08-10. สืบค้นเมื่อ 2012-09-21.
- ↑ สารเคมีในชีวิตประจำวัน – น้ำยาย้อมผม[ลิงก์เสีย], ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.