นอร์ธรอป เอฟ-5

(เปลี่ยนทางจาก เอฟ-5)

เอฟ-5เอ/บี ฟรีดอมไฟเตอร์ (F-5 Freedom Fighter) และ เอฟ-5อี/เอฟ ไทเกอร์ ทู เป็นเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐอเมริกา เริ่มออกแบบเมื่อปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) โดยบริษัทนอร์ทธรอป กรัมแมน

F-5A/B Freedom Fighter
F-5E/F Tiger II
เครื่องบินรบ F-5 ของกองทัพอากาศสวิสต์เซอร์แลนด์
หน้าที่ เครื่องบินขับไล่หลากบทบาท
ประเทศผู้ผลิต สหรัฐ
ผู้ผลิต Northrop Corporation
เที่ยวบินแรก F-5A: 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2502
F-5E: 11 สิงหาคม พ.ศ. 2515
เริ่มใช้ พ.ศ.2505
สถานะ ประจำการ
ผู้ใช้หลัก กองทัพเรือสหรัฐ
กองทัพอากาศสาธารณรัฐจีน
กองทัพอากาศสาธารณรัฐเกาหลี
กองทัพอากาศสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
การผลิต พ.ศ.2502–พ.ศ.2530
จำนวนที่ถูกผลิต A/B/C: 847[1]
E/F: 1,399[2]
ค่าใช้จ่ายต่อลำ
F-5E: US$2.1 million[3]
พัฒนาจาก นอร์ธรอป ที-38 ทาลอน
รุ่น Canadair CF-5
Shaped Sonic Boom Demonstration
พัฒนาเป็น Northrop F-20 Tigershark
HESA Azarakhsh
HESA Saeqeh
HESA Kowsar

ประวัติ

แก้

F-5 ถือกำเนิดจากโครงการของบริษัทนอร์ทธรอปที่ทำวิจัยและพัฒนาเครื่องบินขับไล่ที่มีขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพสูงภายใต้โครงการ N-156F แม้ว่ากองทัพอากาศสหรัฐจะไม่ได้ให้ความสนใจในเครื่องบินขับไล่ขนาดเล็ก แต่เจ้าหน้าที่ในโครงการช่วยเหลือทางทหารของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี เห็นถึงศักยภาพที่เครื่องบินในโครงการ N-156F ที่จะสามารถเปิดโอกาสให้ประเทศกำลังพัฒนาที่พันธมิตรของสหรัฐได้จัดหาเครื่องบินขับไล่ประสิทธิภาพสูงที่มีราคาไม่แพง รัฐบาลสหรัฐจึงได้เลือกเครื่องบินในโครงการ N-156F มาพัฒนาจนกลายเป็น F-5A Freedom Fighter ซึ่งถือเป็น F-5 รุ่นแรกของโลก และส่งมอบหรือขายให้กับพันธมิตรชาติต่าง ๆ ทั่วโลก

ต่อมาในช่วงปี 1970 บริษัทนอร์ทธรอปได้รับชัยชนะในโครงการเครื่องบินขับไล่นานาชาติรุ่นปรับปรุง (Improved International Fighter Aircraft) เพื่อทดแทน F-5A โดยกองทัพอากาศสหรัฐกำหนดชื่อรุ่นเป็น F-5E Tiger II สำหรับรุ่นที่นั่งเดี่ยว และ F-5F Tiger II สำหรับรุ่นสองที่นั่ง โดยมีการปรับปรุงที่สำคัญคือ เพิ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคทางการบินที่ทันสมัย ติดตั้งเรด้าร์แบบ AN/APQ-153 ซึ่งมีระยะตรวจจับราว 25 กิโลเมตร (ในรุ่น A และ B ไม่ได้รับการติดตั้งเรด้าร์) ส่วน F-5F ก็ได้รับการติดตั้งปืนกลแบบ M39 ภายในลำตัว (ในรุ่น B ไม่ได้รับการติดตั้งปืนกล) นอกจากนั้นยังได้พัฒนา RF-5E ที่ติดกล้องถ่ายภาพเพื่อใช้ในภารกิจตรวจการณ์อีกด้วย

F-5 ถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศค่ายประชาธิปไตย โดยมีผู้ใช้งานเกือบ 20 ประเทศ และมียอดการผลิตสูงกว่า 2 พันลำ ในปัจจุบันยังมีกองทัพอากาศหลายชาติที่ยังประจำการด้วย F-5 อยู่ หลายชาติเลือกที่จะทำการปรับปรุงเครื่องบินของตนที่ยังบินได้เพื่อที่จะยืดอายุการใช้งานออกไปให้นานที่สุด เช่นกองทัพอากาศบราซิลและกองทัพอากาศชิลีได้ว่าจ้างบริษัทอิลบิทของอิสราเอลให้ทำการปรับปรุง F-5E/F ของตนเป็น F-5EM และ F-5E/F Tiger III ตามลำดับ ซึ่งมีความสามารถในการติดตั้งจรวดนำวิถีจากอิสราเอลทั้งดาร์บี้และไพธอน-4 กองทัพอากาศสิงคโปร์ก็ได้ปรับปรุง F-5E/F ของตนโดยเปลี่ยนเรด้าร์ ระบบอิเล็กทรอนิคต่าง ๆ และเพิ่มความแข็งแรงให้กับปีก โดยกำหนดชื่อเป็น F-5S/T ซึ่งมีความสามารถในการใช้จรวดแบบ ไพธอน-4 และ AIM-120 แอมแรม ได้ สำหรับกองทัพอากาศไทยได้ดำเนินการว่าจ้างบริษัทอิลบิทให้ทำการปรับปรุง F-5E/F ในฝูงบิน 211 อุบล ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถติดตั้งจรวดไพธอน-4ได้ โดยกองทัพอากาศไทยกำหนดชื่อเรียกว่า F-5T Tigris

รุ่นของเอฟ-5

แก้
  • F-5A Freedom Fighter

เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว

  • F-5B Freedom Fighter

เครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง

  • F-5C Skoshi Tiger

เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงในบางจุด เช่น การติดตั้งท่อรับการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ

  • F-5D

เครื่องบินขับไล่รุ่นสองที่นั่งซึ่งไม่ได้รับการผลิตจริง

  • F-5E Tiger II

เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยวรุ่นปรับปรุง

  • F-5F Tiger II

เครื่องบินขับไล่ที่สองที่นั่งรุ่นปรับปรุง

  • F-5G

เปลี่ยนเครื่องยนต์จากสองเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์เดียว ต่อมาคือเอฟ-20

  • F-5N

รุ่นฝึกของกองทัพเรือสหรัฐ

  • F-5S

เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียวที่ได้รับการปรับปรุงโดยกองทัพอากาศสิงคโปร์

  • F-5T

เครื่องบินขับไล่สองที่นั่งได้รับการปรับปรุงโดยกองทัพอากาศสิงคโปร์

  • F-5T Tigris

เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียวและสองที่นั่งที่ได้รับการปรับปรุงโดยกองทัพอากาศไทย

  • F-5EM

เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียวที่ได้รับการปรับปรุงโดยกองทัพอากาศบราซิล

  • F-5FM

เครื่องบินขับไล่สองที่นั่งที่ได้รับการปรับปรุงโดยกองทัพอากาศบราซิล

  • F-5E Tiger III

เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียวที่ได้รับการปรับปรุงโดยกองทัพอากาศชิลี

  • F-5F Tiger III

เครื่องบินขับไล่สองที่นั่งที่ได้รับการปรับปรุงโดยกองทัพอากาศชิลี

  • RF-5A

เครื่องบินขับไล่ลาดตระเวนถ่ายภาพ

  • RF-5E Tigereye

เครื่องบินขับไล่ลาดตระเวนถ่ายภาพ

  • CF-5
  • F-5TH Super Tigris

เครื่องบินขับไล่ที่ดัดแปลงโดยไทยให้อยู่ในยุค 4.5 เทียบเท่า JAS 39 Gripen

ประเทศที่มี F-5 ประจำการ

แก้
 
ประเทศผู้ใช้งานเอฟ-5 (อดีตผู้ใช้งานแสดงในสีแดง)
 
F-5B Tigres ของกองทัพอากาศไทย
  ออสเตรีย
เช่าจากสวิสเซอร์แลนด์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรอรับเครื่องบินขับไล่ไต้ฝุ่น
  บาห์เรน
  บอตสวานา
  บราซิล
  ชิลี
  เอธิโอเปีย
  กรีซ
  ฮอนดูรัส
  อินโดนีเซีย
  อิหร่าน
  จอร์แดน
  เคนยา
  ลิเบีย
  มาเลเซีย
กำลังปลดประจำการ
  เม็กซิโก
  โมร็อกโก
  เนเธอร์แลนด์
  นอร์เวย์
  ปากีสถาน
ยืมมาจากประเทศอื่นชั่วคราวในระหว่างสงครามกับอินเดีย
  ฟิลิปปินส์
  เกาหลีใต้
  ซาอุดีอาระเบีย
  สิงคโปร์
  สเปน
  สวิตเซอร์แลนด์
  ไทย
  ตูนิเซีย
  ตุรกี
  สหรัฐ
  เวเนซุเอลา
  เวียดนามใต้
  เวียดนาม
  เยเมน

เหตุการณ์ในประเทศไทย

แก้

พ.ศ. 2512 กองทัพอากาศไทยได้รับเอฟ-5 เอจากกองทัพสหรัฐอเมริกาจำนวน 5 เครื่องและเมื่อสหรัฐอเมริกาถอนตัวจากสงครามเวียดนามจนกระทั่งกรุงไซง่อนถูกยึดครองโดยกองทัพเวียดนามเหนือ(NVA) นักบินเวียดนามใต้ได้นำเอฟ-5 อีจำนวน 3 เครื่องบินหนีจากสนามบิน ตัน ซอน นุทเวียดนามมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเอฟ-5 อีทั้ง 3 เครื่องนี้สหรัฐอเมริกาได้นำกลับไปด้วย

พ.ศ. 2519 กองทัพอากาศไทยขออนุมัติรัฐบาล จัดซื้อเครื่องบินขับไล่เอฟ-5 อีและเอฟ-5 เอฟจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 12 เครื่องและได้รับเครื่องบินเข้าประจำการครบฝูงในปี พ.ศ. 2521 โดยใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ข (บ.ข.๑๘ ข) หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดซื้อเพิ่มเติมเรื่อย ๆ จนถึงในปัจจุบันกองทัพอากาศไทยมีเอฟ-5 มากกว่า 60 เครื่อง

เอฟ-5 ที่ประจำการในประเทศไทย

แก้
  • F-5A ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ (บ.ข.๑๘)
  • F-5B ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ก (บ.ข.๑๘ ก)
  • F-5E ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ข (บ.ข.๑๘ ข)
  • F-5F ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ค (บ.ข.๑๘ ค)
  • RF-5A ใช้ชื่อเครื่องบินตรวจการณ์ขับไล่แบบที่ ๑๘ (บ.ตข.๑๘)
  • F-5TH (เครื่องบินขับไล่ที่ปรับปรุงโดยทัพอากาศไทย)

รายละเอียด เอฟ-5

แก้
 
  • ผู้สร้าง บริษัท นอร์ธรอป แอร์คราฟท์ (สหรัฐอเมริกา)
  • ประเภท เจ๊ตขับไล่ยุทธวิธีที่นั่งเดียว
  • เครื่องยนต์ เทอร์โบเจ๊ต เจเนอรัล อีเล็กตริค เจ 85-ยีอี-21 ให้แรงขับเครื่องละ 1,588 กิโลกรัม และ 2,268 กิโลกรัม เมื่อสันดาปท้าย 2 เครื่อง
  • กางปีก 8.13 เมตร
  • ยาว 14.68 เมตร
  • สูง 4.06 เมตร
  • พื้นที่ปีก 17.29 เมตร
  • น้ำหนักเปล่า 4,346 กิโลกรัม
  • น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุด 11,192 กิโลกรัม
  • อัตราเร็วสูงสุด ไม่เกิน 1,314 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อมีน้ำหนักปฏิบัติการรบ 6,010 กิโลกรัม
  • อัตราเร็วขั้นสูง 1.63 มัค ที่ระยะสูง 10,975 เมตร เมื่อเครื่องบินหนัก 10,975 กิโลกรัม
  • เพดานบินใช้งาน 15,800 เมตร
  • รัศมีทำการรบ 917 กิโลเมตร
  • พิสัยบิน 2,943 กิโลเมตร เมื่อติดตั้งถังเชื้อเพลิงชนิดปลดทิ้งได้
  • อาวุธ ปืนใหญ่อากาศขนาด 20 มม. M-39 A2/A3 ติดตั้งที่ลำตัวส่วนหัว 2 กระบอกพร้อมกระสุนกระบอกละ 280 นัด
    • อาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศ เอไอเอ็ม-9 เจ ไซด์ไวน์เดอร์ ติดตั้งที่ปลายปีก ข้างละ 1 แห่ง
    • ลูกระเบิดสังหาร ลูกระเบิดทำลาย ลูกระเบิดเนปาล์ม ลูกระเบิดพวง
    • จรวดขนาด 2.95 นิ้ว
    • สามารถติดตั้งอาวุธที่ใต้ปีกได้ข้างละ 2 แห่ง และ ใต้ลำตัว 1 แห่ง รวมเป็นน้ำหนักสูงสุด 3,175 กิโลกรัม[4]

อ้างอิง

แก้
  1. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ nat_museum_F-5
  2. Johnsen 2006, p. 90.
  3. Knaack 1978, p. 290.
  4. อภิวัตน์ โควินทรานนท์,อากาศยาน1979ฉบับเครื่องบิน,เอวิเอชั่น ออบเซิร์ฟเวอร์,กรุงเทพ,2522