เนเฟอร์เนเฟรูอาเตน

อังค์เคเปอร์อูเร-เมริต-เนเฟอร์เคเฟอร์อูเร/วาเอนเร/อาเตน เนเฟอร์เนเฟอร์อูอาเตน (อียิปต์โบราณ: nfr-nfrw-jtn)[ต้องการอ้างอิง] เป็นพระนามที่ใช้เรียกฟาโรห์สตรีที่ทรงขึ้นครองราชย์ในช่วงปลายสมัยอามาร์นาระหว่างช่วงราชวงศ์ที่สิบแปด เพศของพระองค์ได้รับการยืนยันโดยร่องรอยของความเป็นสตรีที่พบในพระนามฉายา อาเคต-เอน-ฮิเอส Akhet-en-hyes ("ให้ผลสำเร็จแด่กับพระสวามีของพระองค์") ซึ่งปรากฏรวมอยู่ในคาร์ทูชพระนามประสูติของพระองค์[1][2][3] พระองค์ทรงแตกต่างจากฟาโรห์สเมนค์คาเรทั้งที่ผู้ปกครองทั้งสองพระองค์นั้นทรงให้พระนามครองราชย์เดียวกันว่า อังค์เคเปอร์อูเร โดยปรากฏพระนามฉายาอยู่ในคาร์ทูชของทั้งสองพระองค์ มีการสันนิษฐานว่าพระองค์ทรงเป็นบุคคลพระองค์เดียวกันกับพระนางเมริตอาเตนหรือพระนางเนเฟอร์ติติ หากพระองค์ทรงเป็นบุคคลพระองค์เดียวกันกับพระนางเนเฟอร์ติติ ก็จะทรงขึ้นปกครองในฐานะฟาโรห์แต่เพียงพระองค์เดียว นักไอยคุปต์วิทยาและนักโบราณคดี ดร. ซาฮี ฮาวาสส์ ได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า รัชสมัยของพระองค์เป็นจุดที่แสดงถึงการล่มสลายของเมืองอามาร์นา และการย้ายเมืองหลวงกลับไปยังราชธานีเดิมคือเมืองธีบส์[4]

ข้อสรุปเกี่ยวกับพระองค์ แก้

นอกจากนี้ยังสามารถกล่าวได้เล็กน้อยอย่างแน่นอนเกี่ยวกับพระชนม์ชีพและการครองราชย์ของฟาโรห์อังค์เคเฟอร์อูเร เนเฟอร์เนเฟอร์อูอาเตน ซึ่งนักไอยคุปต์วิทยาส่วนใหญ่ยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นสตรีและทรงเป็นอิสระในการขึ้นปกครองจากฟาโรห์สเมนค์คาเร นักวิชากรหลายคนในช่วงเวลานั้นเชื่อว่า หลักฐานเชิงประจักษ์ที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการร่วมกับฟาโรห์อะเคนอาเตนอยู่ระยะหนึ่ง[5][6][7] ไม่ว่าพระองค์จะทรงขึ้นครองราชย์ก่อนหรือหลังรัชสมัยของฟาโรห์สเมนค์คาเร ขึ้นอยู่กับทฤษฎีพื้นฐานเกี่ยวกับตัวตนของพระองค์

ตามคำจารึกของพาอิริ ซึ่งได้ช่วงเวลาในปีที่ 3 แห่งการครองราชย์ของพระองค์ ซึ่งปรากฏว่ารัชสมัยของพระองค์ พระองค์ทรงมีพระราชสถานะเป็นผู้ปกครองที่ขึ้นปกครองเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรื่องระยะเวลาที่ทรงขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการร่วมและระยะเวลาการปกครองเพียงพระองค์เดียวนั้นก็ยังเป็นประเด็นในการถกเถียงและคาดคะเน คำจารึกจากหลุมฝังศพเดียวกันนี้ได้กล่าวถึงวิหารแห่งอามุนในเมืองธีบส์ ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ที่เกี่ยวพระบรมศพ ซึ่งดูเหมือนว่าจะบ่งบอกว่าการกดทับของลัทธิแห่งเทพอามุนได้ลดลงแล้ว และศาสนาดั้งเดิมกำลังได้รับการฟื้นฟูในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์[8][6][7] เนื่องจากสิ่งของในพิธีพระบรมศพของพระองค์ส่วนใหญ่ใช้ในการฝังพระบรมศพของฟาโรห์ทุตอังค์อามุน ซึ่งดูเหมือนว่าค่อนข้างแน่ใจว่าพระองค์ทรงถูกปฏิเสธไม่ให้ฝังพระบรมศพอย่างตำแหน่งฟาโรห์โดยผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของพระองค์[18][33][50] เหตุผลของประเด็นนี้ยังคงเป็นเพียงการคาดเดา เช่นเดียวกับการขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กับฟาโรห์ทุตอังค์อาเตน

หลักฐานมากมายที่ถูกทำลายครั้งแรกโดยผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของพระองค์ ต่อจากนั้นหลักฐานตลอดช่วงสมัยอามาร์นาก็ถูกทำลายโดยฟาโรห์ฮอร์เอมเฮบ และต่อมาก็เป็นฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่สิบเก้าก็ทรงทำลายหลักฐานจากช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเบ็ดเสร็จ จึงไม่สามารถทราบรายละเอียดที่แน่นอนของกิจกรรมภายในรัชสมัยได้ ลักษณะของหลักฐานที่มีความคลุมเครือสูงซึ่งมักจะบ่งชี้ถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ขาดหลักฐานที่ใช้ในการยืนยัน ในจารึกต่างๆ การกล่าวถึงการที่สตรีขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการร่วมอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ได้ให้ข้อสรุปเกี่ยวกับตัวตนของพระองค์เลย

อ้างอิง แก้

  1. Krauss, Rolf. Das Ende der Amarnazeit (The End of the Amarna Period); 1978, Hildesheim; pp.43–47
  2. Allen, James P. (1994). Nefertiti and Smenkh-ka-re. Göttinger Miszellen 141. pp. 7–17.
  3. M. Gabolde, ‘Under a Deep Blue Starry Sky’, in P. Brand (ed.), "Causing His Name to Live: Studies in Egyptian Epigraphy and History in Memory of William J. Murnane.", Leiden: E. J. Brill Academic Publishers, pp. 17-21
  4. Badger Utopia (11 August 2017), Nefertiti - Mummy Queen of Mystery, สืบค้นเมื่อ 30 October 2017แม่แบบ:Dead Youtube links
  5. Reeves, C. Nicholas; Akhenaten, Egypt's False Prophet; (2001) Thames and Hudson
  6. 6.0 6.1 Dodson, A; Amarna Sunset, The American University in Cairo Press, 2009
  7. 7.0 7.1 Allen, James P.; The Amarna Succession (2006); in P. Brand (ed.), "Causing His Name to Live: Studies in Egyptian Epigraphy and History in Memory of William J. Murnane"; Archived from the original เก็บถาวร 30 พฤษภาคม 2013(Date mismatch) ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  8. Giles, 2001