โจว เจี๋ยหลุน
โจวเจี๋ยหลุน (จีนตัวย่อ: 周杰伦; จีนตัวเต็ม: 周杰倫; พินอิน: Zhōu Jiélún) หรือ เจย์ โจว (อังกฤษ: Jay Chou; เกิด 18 มกราคม พ.ศ. 2522) เป็นเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง แร็ปเปอร์ โปรดิวเซอร์ นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ นักธุรกิจ และนักมายากลชาวไต้หวัน
โจว เจี๋ยหลุน 周杰倫 | |
---|---|
ข้อมูลพื้นฐาน | |
รู้จักในชื่อ | ประธานโจว (周董) |
เกิด | 18 มกราคม ค.ศ. 1979 |
ที่เกิด | ไต้หวัน |
แนวเพลง | ป็อป,ร็อค,อาร์แอนด์บี,ฮิปฮอป |
อาชีพ | นักร้อง, นักดนตรี, นักแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์ทำเพลง, ผู้กำกับภาพยนตร์, นักแสดง,นายแบบ |
เครื่องดนตรี | เปียโน,ไวโอลิน,กลอง,เชลโล่,กีต้าร์,เบส,กู่เจิ้ง,เอ้อหู,ผีผา และฮาร์โมนิก้า |
ช่วงปี | ค.ศ. 2000 – ปัจจุบัน |
ค่ายเพลง | JVR MUSIC |
เว็บไซต์ | www |
เจย์ โจวเป็นที่ยอมรับในความสามารถทางดนตรีที่หาตัวจับยาก ทั้งแต่งเพลงและควบคุมการผลิตเพลงเอง รวมทั้งเล่นดนตรีได้หลายชนิดทั้งเครื่องดนตรีตะวันตกและตะวันออก เขาผสมผสานสิ่งเหล่านี้ไว้ในงานเพลงของเขา ดนตรีของเจย์โดดเด่นทั้งด้านทำนองและเนื้อร้องที่ลุ่มลึก นอกจากงานเพลงแล้วเจย์ยังเป็นนักแสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จระดับเอเชีย นั่นทำให้เขาสนใจในด้านการกำกับการแสดง เจย์ได้แสดงฝีมือการกำกับเอาไว้ในมิวสิกวิดีโอหลาย ๆ เพลงของเขา ด้วยความสามารถเหล่านี้ทำให้เขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ทั้งในไต้หวัน, จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเชีย, ไทย และญี่ปุ่น เจย์ยังโด่งดังในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเลในสหรัฐ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และแคนาดา
ประวัติ
แก้ชีวิตช่วงแรก
แก้โจวเจี๋ยหลุน เกิดและโตในไต้หวัน และบ้านเกิดของเขาคือหงชุน เฉวียนโจวมณฑลฝูเจี้ยน [1]มื่อเขาอายุ 4 ขวบYe Huimei แม่ของเขา ส่งเขาไปเรียนดนตรีโรงเรียนอนุบาล Tamkang Shanye เพื่อเรียนเปียโน ตอนที่เขาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พ่อแม่ของเขาหย่ากันเนื่องจากความแตกต่างทางบุคลิกภาพ และ Jay Chou ได้รับการเลี้ยงดูจาก Ye Huimei แม่ของเขา ในระหว่างการสอบเข้าโรงเรียนมัธยม เขาไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมธรรมดา ในปีเดียวกัน เขาได้เข้าเรียนในชั้นเรียนดนตรีแรกของโรงเรียนมัธยมต้นทัมกัง เพราะเขาเก่งเปียโน หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ฉันสมัคร คณะดนตรี ของมหาวิทยาลัยไทเป สองครั้ง แต่ไม่รับเข้าเรียน ดังนั้นฉันจึงเริ่มทำงานในร้านอาหาร
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2540 ด้วยกำลังใจจากแม่ของเขา เจย์โจวจึงสมัครเข้าร่วมรายการบันเทิง " Super Rookie King " ทางช่องไทเปสตาร์ทีวี [26]พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมร้องเพลง “Dreams Have Wings” ของตัวเองในรายการ เมื่อพิธีกรWu Zongxianเห็นโน้ตของเพลงนี้ เขาเชิญ Jay Chou ให้ ทำงานเป็นผู้ช่วยด้านดนตรีที่ Alfa Music Company ในปี 1998 เขาแต่งเพลง " Tears Know " บริษัทมอบเพลงนี้ให้กับAndy Lauแต่ถูกถอนออกจากเพลง ต่อมา เขา แต่งเพลง " Nunchaku " และ " Ninja " ให้กับ Zhang Huimei (ต่อมารวมอยู่ในเพลงส่วนตัวของ Jay Chou อัลบั้มเพลง " Fantasy"》) ก็กลับมาเช่นกัน[14].
อาชีพนักร้อง
แก้ในปี 2000 เขาได้ออกอัลบั้มแรก Jay (周杰倫同名專輯) ภายใต้สังกัด Alfa Music อัลบั้มชุดนี้ประสบความสำเร็จในไต้หวัน รวมไปถึง จีน ฮ่องกง มาเก๊า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ ทำให้เจย์สามารถพิชิตรางวัล Best New Artist และ Best Album จาก Golden Melody Awards ซึ่งเปรียบเหมือนรางวัลแกรมมี่แห่งวงการเพลงไต้หวัน
เมื่ออัลบั้มที่ 2 ออก Fantasy (范特西) ก็ทำให้เขาขึ้นสู่อันดับสูงสุดในวงการเพลงเอเชีย อัลบั้มนี้ได้รับการตอบรับจากนักฟังเพลงทั่วเอเชีย มีเพลงฮิตอย่าง Love Before The Century (愛在西元前-Ai Zai Xi Yuan Qian), Silence (安靜-An Jing) และ Dad, I'm Back (爸,我回來了-Ba Wo Hui Lai Le) ซึ่งเนื้อร้องที่เกี่ยวกับความรุนแรงภายในครอบครัวนั้น จับใจผู้ฟังอย่างมาก
อัลบั้มที่ 3 Eight Dimensions (八度空間) ในปี 2002 ก็ประสบความสำเร็จยิ่งกว่า ในอัลบั้มนี้เจย์ตอกย้ำสถานะการเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชียด้วยการคว้ารางวัล Best Asian Artist จากเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส เจแปนและคว้า Golden Melody Awards ไปถึง 5 สาขา ตามติดด้วยการคว้า Favorite Artist Taiwan จากเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส ที่ทุกคนประทับใจในการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขาในงานวันนั้น ด้วยความสำเร็จอย่างมหาศาลในอัลบั้มชุดนี้ เจย์ได้รับเกียรติจากนิตยสาร TIME ให้ขึ้นปกในเดือนมีนาคม 2003 พร้อมกันนี้เจย์ยังได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเป๊บซี่และ โทรศัพท์มือถือพานาโซนิก อีกด้วย
อัลบั้มที่ 4 ในปี 2003 ตั้งตามชื่อแม่ของเขา Ye Hui Mei (葉惠美) โดยเขาไม่กลัวเลยที่จะทดลองสิ่งใหม่ ในเพลง In The Name Of The Father (以父之名-Yi Fu Zhi Ming) เขาได้นำกลิ่นอายของเพลงตะวันออกผสานเสียงร้องแบบโอเปร่าได้อย่างลงตัว และในอัลบั้มชุดที่สี่นี้เจย์ก็คว้า Golden Melody Awards ในสาขา Best Album และ Best Music Video มาครอง พร้อมกับเปิดการแสดงที่ MGM Grand Caesar Palace เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งบัตรขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว ในปีนี้เจย์ได้ออกทัวร์รอบโลกทั้งใน เอเชีย อเมริกา และแคนาดา
อัลบั้มที่ 5 ในปี 2004 ชื่อ Common Jasmin Orange อัลบั้มนี้ เจย์ได้ใช้กรอบของบทกลอนของกวีชื่อ สีมู่หรง บทกลอนมีชื่อว่า "ชีหลี่เซียง" (七里香 Common Jasmin Orange หรือ หอมไกล 7 ลี้) โดย เจย์ นำชื่อของบทกลอนนี้มาเป็นชื่ออัมบั้มและซิงเกิ้ลแรกที่มีชื่อเดียวกัน เพลงนี้ได้ฟางเหวินซาน มาเขียนเนื้อร้องให้ ซึ่งจะคล้ายๆกับการเขียนบทกลอน ซึ่งการนำกลอนมาใช้ในงานครั้งนี้เปรียบเสมือนว่าเจย์กำลังจะนำคลื่นกระแสเพลงที่เป็นกลอนกลับมาอีกครั้ง ในอัลบั้มชุดนี้เจย์ได้รับรางวัล World’s Best-Selling Chinese Artist จาก World Music Awards ที่ลาสเวกัส พร้อม World Tour ที่มีไฮไลต์อยู่ที่การเปิดการแสดงที่ Shrine Auditorium ในลอสแอนเจลิส สถานที่แจกรางวัลออสการ์อันโด่งดัง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2005 เจย์ โชว ได้รับรางวัล Favorite Artist Taiwan เป็นครั้งที่สอง จากงาน MTV Asia Aid ที่ Impact Arena กรุงเทพฯ ในค่ำคืนนั้นเจย์เล่นเปียโนในเพลง Snail ที่มีความหมายให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยสึนามิ และเพลง Common Jasmin Orange เพลงเด่นจากสตูดิโออัลบั้มล่าสุดของเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ร่วมเล่นหนังเรื่อง Initial D ที่สร้างมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น เจย์ได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่จาก 42nd Golden Horse Awards และ ได้รับรางวัลจากการแสดงจาก 25th Hong Kong Film Awards ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากในเอเชียและประเทศตะวันตก โดยเขาได้ร่วมแสดงกับนักแสดงชั้นนำอย่าง แอน ซูซูกิ, เฉินเสี่ยวชุน, เฉินกวนซี, หยูเหวินเล่อ, ตู้เหวินเจ๋อ และ หวงซิวเซิน
อัลบั้ม Initial J อัลบั้มรวมฮิตออกจำหน่ายที่ญี่ปุ่นเท่านั้น รวม 11 เพลงฮิตจากอัลบั้มต่าง ๆ ของเขา และ 8 มิวสิกวิดีโอ
อัลบั้มที่ 6 ชื่อ November's Chopin (十一月的蕭邦) ออกจำหน่ายเดือนพฤศจิกายน ปี 2005 โดยมีเพลง "Nocturne" (夜曲) ที่ได้รับอิทธิพลจากโชแปง ซึ่งเป็นคีตกวีคนโปรดของเจย์
มกราคม 2006 ได้ออก EP ชุด Huo Yuan Jia (霍元甲) ที่เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Fearless ของ เจ็ต ลี หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย ซึ่งเป็นนักแสดงในดวงใจของเจย์
อัลบั้มที่ 7 Still Fantasy (依然范特西) ออกวางขายวันที่ 5 กันยายน 2006 โดยมี Faraway (千里之外 Qian Li Zhi Wai) เป็นซิงเกิ้ลแรก
อัลบั้มที่ 8 On The Run (我很忙) ออกวางขายวันที่ 2 พฤศจิกายน 2007 ที่ไต้หวันและฮ่องกง โดยมี "The Cowboy On The Run" (牛仔很忙)เป็นซิงเกิ้ลแรก "Rainbow" (彩虹)เป็นซิงเกิ้ลที่สอง และ "Unparalleled" (無雙) เป็นซิงเกิ้ลที่สามที่ออกเผยแพร่ทางวิทยุฮิตเอฟเอ็ม และอัลบั้มนี้ก็เป็นอัลบั้มแรกที่เจย์ ผลิตออกมาภายใต้บริษัทใหม่ซึ่งเป็นบริษัทของเขาเองคือ JVR Music ในมิวสิกวิดีโอเพลง ‘Cowboy On The Run’ กับแนวคาวบอย เอ็มวีตัวนี้ที่ทุ่มทุนไปกว่า 3.5 ล้านเหรียญไต้ไหวัน โดยได้เจย์ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้กำกับและนักแสดงเองด้วย[2]
อัลบั้มที่ 9 Capricorn (魔杰座) ออกวางขายที่ฮ่องกงและไต้หวัน วันที่ 15 ตุลาคม 2008 โดยมี Rice Aroma (稻香) เป็นซิงเกิ้ลแรก ซึ่งแต่งเนื้อร้องและทำนองโดยเจย์
อัลบั้มที่ 10 The Era (跨時代) ออกวางขายที่ฮ่องกงและไต้หวัน วันที่ 18 พฤษภาคม 2010 โดยมี Superman Can't Fly (超人不會飛) เป็นซิงเกิ้ลแรก ซึ่งแต่งเนื้อร้องและทำนองโดยเจย์
ผลงานด้านอื่น
แก้นอกจากนี้เจย์ได้ร่วมแสดงหนังจากผู้กำกับ จางอี้โหมว เรื่อง ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง (Curse of the Golden Flower) ร่วมกับนักแสดงระดับโลกอย่าง โจวเหวินฟะ และ กงลี่ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ทุ่มทุนสร้างกว่า 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนจากจีน ให้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 และเจย์ยังจะแสดงนำในเรื่อง สแลมดังก์ ที่สร้างจากการ์ตูนญี่ปุ่นยอดฮิตชื่อเดียวกัน แต่เนื่องจากเนื้อหาในภาพยนตร์ได้มีการนำเอาศิลปะกังฟูมาใช้ประกอบกับการเล่นบาสเก็ตบอล ปัจจุบันจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น กังฟูดังก์
ส่วนผลงานภาพยนตร์จากผลงานการกำกับของเจย์เองคือเรื่อง รักเรา กัลปาวสาน (Secret)[2] ซึ่งเจย์ได้นำแสดงร่วมกับ เกย ลุน เม่ย[3]
นอกจากนี้ เจย์ยังมีชื่อเป็นศิลปินที่ร่วมใน พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่จัดขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ร่วมกับ เซลีน ดิออน และศิลปินอีกมาก ณ สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเป็นการร่วมงานกับจาง อี้โหมว เป็นครั้งที่สอง ต่อจากภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2549 แต่ไม่ได้ไปแสดงโดยให้เหตุผลว่าไม่ถนัดแนวนี้ เมื่อต้นปี 2552 ได้ถูกสัมภาษณ์ในรายการ Talk asia ของสถานีข่าว CNN ในฐานะนักร้องที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเอเชีย
Discography
แก้รายชื่อเพลงที่บันทึกโดย Jay Chou
- Fantasy (2001)
- The Eight Dimensions (2002)
- Ye Hui Mei (2003)
- Common Jasmin Orange (2004)
- November's Chopin (2005)
- Still Fantasy (2006)
- On the Run! (2007)
- Capricorn (2008)
- The Era (2010)
- Wow! (2011)
- Opus 12 (2012)
- Aiyo, Not Bad (2014)
- Jay Chou's Bedtime Stories (2016)
- Greatest Works of Art (2022)
ผลงานการแสดง
แก้ภาพยนตร์
แก้ปี | ชื่อภาษาไทย | ชื่อภาษาอังกฤษ | ชื่อภาษาจีน | บทบาท |
---|---|---|---|---|
2003 | เพลงรักเพรียกหา เจย์ โชว์ | Hidden Track | 尋找周杰倫 | "โจวเจี๋ยหลุน" |
2005 | อินิเชียล ดี | Initial D | 頭文字D | "ทาคุมิ ฟูจิวาระ" |
2006 | ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง | Curse of the Golden Flower | 滿城盡帶黃金甲 | "เจ้าชาย Jai - Yuan Jie" |
2007 | รักเรา... กาลปาวสาน | Secret | 不能說的秘密 | "เย่เซียงหลุน - 葉湘倫" ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้แต่งเรื่อง |
2008 | กังฟูดังค์ ศึกบาส ทะยานฟ้า | Kung Fu Dunk | 功夫灌籃 | "ฟางซื่อเจี๋ย - 方世杰" |
2009 | โคตรคนค้นโคตรสมบัติ | The Treasure Hunter | 刺陵 | "เฉียวเฟย - 橋飛" |
2010 | ยาจกซู ตำนานหมัดเมา | True Legend | 蘇乞兒 | "เทพวูซู- 武神" และชายขี้เมาในร้านเหล้า |
2011 | หน้ากากแตนอาละวาด | The Green Hornet | 青蜂侠 | "คาโต้-Kato" |
2012 | เถื่อน เฉือนระห่ำ | The Viral Factor | 逆戰 | "หม่าเฟย-จอน" |
2016 | อาชญากลปล้นโลก 2 | Now You See Me 2 | 出神入化2 | "หลี่" |
ละครโทรทัศน์
แก้ปี | ชื่อ | ชื่อภาษาจีน | บทบาท |
---|---|---|---|
2010 | Pandaman | 熊貓人 | "นายอำเภอ" [4] ผู้กำกับ |
ชีวิตครอบครัว
แก้ด้านชีวิตรักและครอบครัวของเขา โจว เจี๋ยหลุนได้พบกับนักแสดงสาวรุ่นน้องชื่อว่า ฮันนาห์ ควินลิแวน ลูกครึ่งไต้หวัน-ออสเตรเลีย และกลายเป็นแฟนในปี 2010 จนกระทั่งแต่งงานในปี 2015 ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน แฮทธาเวย์ (เกิดเมื่อปี 2015), โรมีโอ (เกิดเมื่อปี 2017) และ เจซินด้า (เกิดเมื่อปี 2022)
อ้างอิง
แก้- ↑ [https://news.sina.com.cn/c/2010-04-22/174217411358s.shtml / 周杰伦父亲博客揭开身世之谜 周杰伦籍贯泉州 ]
- ↑ 2.0 2.1 "Jay Chou – Jay Chou On The Run". sonybmg.co.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2007.
- ↑ ต่อพงษ์ (23 พฤศจิกายน 2007). "Secret เจย์ โชว์ และปาฏิหาริย์ของตัวโน้ต". manager.co.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 ธันวาคม 2012.
- ↑ "Jay Chou creates super-pandamen". Xinhua News Agency. 18 กุมภาพันธ์ 2009. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2009.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- เว็บอย่างเป็นทางการ (ภาษาจีน)
- เว็บของบริษัท Alfa Music (ภาษาจีน), คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 กรกฎาคม 2006
- แฟนไซต์ที่ใหญ่ที่สุด (ภาษาอังกฤษ), คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2007