อู๋ จื่อซฺวี เกิดในยุคชุนชิว เป็นลูกชายของหงอเสีย และเป็นน้องชายของหงอเสียง แต่เดิมเขาเป็นขุนนางในเมืองฌ้อ (รัฐฉู่)โดยมีตำแหน่งเป็นอาจารย์ของไทจูเกี๋ยน (太子建) เมื่อบิดาและพี่ชายของเขา ถูกฮุยบอเก๊กใส่ความหาว่า ทั้งสองรับสินบนมาจากเมืองจิ้นเพื่อหวังโจมตีเมืองฌ้อ(ฉู่) จนถูกประหารชีวิต เขาได้หลบหนีการจับกุมและได้รับความช่วยเหลือจากซินเปาสู่ จากนั้นพาไทจูเกี๋ยนไปอยู่ที่เมืองเตง แต่ทว่าไทจูเกี๋ยนก็ถูกสั่งประหารโดยเตงเติ้งก๋ง เนื่องด้วยไทจูเกี๋ยนคิดเป็นไส้ศึกให้กับเมืองจิ้นเพื่อหวังจะมาโจมตีเมืองเตง ทำให้เขาต้องพาบุตรชายของไทจูเกี๋ยนคือ ก๋งจูเซ่ง หนีไปยังเมืองหงอ(รัฐอู๋)

อู๋ จื่อซฺวี
หงอจูสู่
伍子胥
รูปปั้นของเขาในเมืองซูโจว
เสียชีวิต484 ปีก่อนคริสต์ศักราช
รับใช้เมืองฌ้อ
เมืองหงอ
ประจำการเมืองฌ้อ (ไม่ทราบปี - 522 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
เมืองหงอ (ราว 515 - 484 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
ความสัมพันธ์หงอเซฺวีย (伍奢) (บิดา)
หงอเสียง (伍尚) (พี่ชาย)

ตอนที่เขากับก๋งจูเซ่งหนีไปยังเมืองหงอ(อู๋)นั้น ในนิยายเลียดก๊กกล่าวไว้ว่า เขาได้รับความช่วยเหลือจากหมอตงโกก๋ง (东皋公) กับชาวประมงชื่อยี่เตียงหยิน และผู้หญิงนิรนามนางหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อ โดยหมอตงโกก๋งได้ให้เขาหลบซ่อนตัวจากทหารเมืองฌ้อ(ฉู่) ส่วนยี่เตียงหยินกับผู้หญิงนิรนามก็ช่วยหาข้าวให้เขากับก๋งจูเซ่งได้กิน จากนั้นทั้งสองคนก็ได้ถึงเมืองหงอ(อู๋) หงออ๋องเหลียวก็อนุญาตให้ชุบเลี้ยง เมื่อได้มาอยู่ในเมืองหงอ(อู๋) เขาก็ได้เป็นเพื่อนกับจวนจูและอุปราชกีก๋อง มีเรื่องเล่าว่า เมื่อเขามาถึงเมืองหงอ(อู๋)นั้น สีผมก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว จึงสันนิษฐานว่าเขาอาจมีความเครียดระหว่างการหลบหนีเป็นเวลานาน

ต่อมาเขาได้ร่วมมือกับจวนจูและอุปราชกีก๋อง ได้วางแผนลอบสังหารอ๋องเหลียวเป็นผลสำเร็จ อุปราชกีก๋องจึงได้ปกครองเมืองหงอ(อู๋) เมื่อกีก๋องต้องการจะโจมตีเมืองฌ้อ(ฉู่) เขาได้เสนอชื่อซุนบู๊ให้เป็นแม่ทัพใหญ่ คอยคิดกลยุทธ์สำหรับการศึกทั้งปวง จากนั้นเขาได้เป็นหนึ่งในขุนพลที่ยกทัพไปปราบเมืองฌ้อ(ฉู่) ทางเมืองฌ้อ(ฉู่)ได้ส่งซิมมีทรุดคอยต้านทานการโจมตีของเมืองหงอ(อู๋) แต่พ่ายแพ้และเมืองหลวงก็ถูกยึด ฌ้อเจียวอ๋องซึ่งเป็นผู้นำของเมืองฌ้อ(ฉู่)ในตอนนั้นได้หลบหนีไป มีเรื่องเล่าอีกว่า เมื่อเมืองหลวงของฌ้อ(ฉู่)ถูกยึดได้แล้ว เขาก็ได้เดินทางไปยังสุสานของฌ้อเพงอ๋อง (อดีตเจ้านายของเขา) และสั่งให้ทหารทำการขุดสุสาน เมื่อเจอศพของฌ้อเพงอ๋อง เขาก็เกิดความโกรธแค้นเนื่องด้วยฌ้อเพงอ๋องเคยเชื่อคำยุยงของฮุยบอเก๊กจนสั่งประหารพ่อและพี่ชายของเขา เขาได้คว้ากระบองมาและทุบศพของฌ้อเพงอ๋องจนแหลกละเอียด

ต่อมา เมืองอวด(เยว่)กับเมืองหงอ(อู๋)ก็ได้ทำศึกกัน ปรากฏว่ากีก๋องได้รับบาดเจ็บเป็นแผลบาดทะยักเสียชีวิต ลูกชายของกีก๋องคือฮูเฉจึงได้ครองเมืองหงอ(อู๋)ต่อจากบิดา เมื่อครั้นหงออ๋องฮูเฉ(อู๋อ๋องฟูไช)มีชัยชนะเหนืออวดอ๋องเกาเจียน(เยว่อ๋องโกวเจี้ยน) เขาได้เสนอให้กำราบเมืองอวดให้ราบคาบ แต่ฮูเฉได้ปฏิเสธคำแนะนำของเขา แต่ไปรับคำแนะนำของเป๊กพีแทน เมื่อเกาเจียนสามารถฟื้นฟูแคว้นได้ด้วยความช่วยเหลือของฮวมเล้และบุนจง หงอจูสู่ก็พยายามเตือนให้เตรียมการระมัดระวัง แต่ฮูเฉก็ปฏิเสธอีก จนสุดท้ายฮูเฉจึงบังคับให้เขากระทำการอัตวินิบาตกรรม

ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้สั่งลูกน้องว่า "ถ้าข้าตายแล้ว เจ้าจงควักเอาลูกตาของเราทั้งสองข้างไปติดไว้ที่บานประตูเมืองฝ่ายตะวันออก เราจะขอดูกองทัพเมืองอวด(เยว่)ทำลายเมืองหงอ(อู๋)" ครั้นสั่งเสียเสร็จ ก็เอากระบี่เชือดคอตาย จากนั้นอีก 11 ปีต่อมา เกาเจียนก็ทำลายเมืองหงอได้สำเร็จ ส่วนฮูเฉก็ได้ฆ่าตัวตายที่เขาอุยซู (姑蘇山)

วัฒนธรรมร่วมสมัย แก้

ปี 1997 ลู่ซู่หมิง ผู้ซึ่งเคยรับบทเป็นกวนอู ในเรื่อง สามก๊ก ในปี 1994 ได้รับบท อู๋ จื่อซฺวี ในเรื่อง ซุนหวู่ ตำราพิชัยสงคราม

แหล่งข้อมูลอื่น แก้