หง ซิ่วเฉฺวียน
หง ซิ่วเฉฺวียน (จีน: 洪秀全; พินอิน: Hóng Xiùquán) ผู้นำกบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว (太平天國運動) เกิดในครอบครัวชาวนาเชื้อสายจีนแคะ ในหมู่บ้านกวนลู่ผู่ อำเภอฮัวเสี้ยน มณฑลกวางตุ้ง เมื่อปี พ.ศ. 2356 ตรงกับรัชกาลที่ 2 ของไทย ปีระกา
หง ซิ่วเฉฺวียน (洪秀全) | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ราชาสวรรค์ไท่ผิง (太平天王) | |||||||||
ครองราชย์ | 11 มกราคม ค.ศ.1851 – 1 มิถุนายน ค.ศ.1864 | ||||||||
ก่อนหน้า | ไม่มี | ||||||||
ถัดไป | Hong Tianguifu | ||||||||
ประสูติ | 1 มกราคม ค.ศ. 1814 Hua County, มณฑลกวางตุ้ง, ราชวงศ์ชิง | ||||||||
สวรรคต | 1 มิถุนายน ค.ศ. 1864 เทียนจิง, เมืองแมนแดนสันติ | (50 ปี)||||||||
คู่อภิเษก | Lai Xiying | ||||||||
พระราชบุตร |
| ||||||||
| |||||||||
ราชสกุล | ตระกูลหง | ||||||||
พระราชบิดา | Hong Jingyang 洪競揚 | ||||||||
พระราชมารดา | Madam Wang 王氏 | ||||||||
ศาสนา | ลัทธิบูชามหาเทพ |
หง ซิ่วเฉฺวียน | |||||||||||||||
ภาษาจีน | 洪秀全 | ||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| |||||||||||||||
Hong Renkun | |||||||||||||||
ภาษาจีน | 洪仁坤 | ||||||||||||||
| |||||||||||||||
Hong Huoxiu | |||||||||||||||
ภาษาจีน | 洪火秀 | ||||||||||||||
|
หง ซิ่วเฉฺวียนได้ศึกษาตำราขงจื๊อ เพื่อสอบเข้ารับราชการเช่นเดียวกับชายหนุ่มทั่วไปในสมัยนั้น และสอบไล่เป็น ซิ่วไฉ (บัณฑิตระดับต้น) ที่เมืองกวางเจาถึงสามครั้ง ก็ไม่ผ่าน
ในการไปสอบ ซิ่วไฉครั้งที่สอง หง ซิ่วเฉฺวียนได้พบกับนักสอนศาสนาชาวตะวันตก และได้รับแจกหนังสือภาษาจีนอธิบายเกี่ยวกับศาสนาคริสต์จากนักสอนศาสนาผู้นั้นมาเล่มหนึ่ง หนังสือนั้นชื่อว่า "สุนทรกถาเพื่อปลุกเร้ายุคสมัย" เขียนโดยชาวจีนชื่อ เหลียง อาฝา เหลียง อาฝาเป็นผู้ช่วยของ โรเบิร์ต มอริสัน มิชชันนารีชาวอังกฤษ ผู้เดินทางมาเผยแพร่นิกายโปรเตสแทนท์ในประเทศจีนเป็นคนแรก
หนังสือเล่มนี้ยังไม่มีอิทธิพลต่อหง ซิ่วเฉฺวียน จนเมื่อสอบตกเป็นครั้งที่สาม หง ซิ่วเฉฺวียนล้มป่วยหนักเจียนตายอยู่ 40 วัน ระหว่างป่วยเกิดนิมิตว่า ถูกนำไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง มีแสงสว่างจ้า เขาถูกเปลี่ยนอวัยวะภายใน แล้วถูกนำไปพบกับ ผู้เฒ่าสวมเสื้อคลุมดำ ผู้เฒ่ามอบดาบวิเศษให้เขาเพื่อประหารปีศาจร้ายให้หมดสิ้น และผู้เฒ่านั้นได้ด่าบริภาษขงจื๊อมากมาย ซึ่งเมื่อหายป่วยแล้วหง ซิ่วเฉฺวียนเชื่อว่า ผู้เฒ่านั้นคือพระเจ้าและตัวเขาเองเป็นพระอนุชาของพระเจ้า เป็นพระเชษฐาของพระเยซูคริสต์ และพระผู้เป็นเจ้าได้มอบหมายให้เขากำจัดปีศาจร้ายให้หมด นั่นคือ ราชวงศ์ชิงนั่นเอง
หลังจากนั้น หง ซิ่วเฉฺวียนก็ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีคุณลักษณะของผู้นำมากขึ้น เขาหันมาสนใจหนังสือ "สุนทรกถาเพื่อปลุกเร้ายุคสมัย" ของเหลียง อาฝา จนในที่สุด เขาก็สร้างลัทธิบูชามหาเทพ ทำการเผยแพร่จนมีผู้คนเชื่อถือตามมากขึ้นเรื่อย ๆ
หง ซิ่วเฉฺวียนสร้างลัทธิของเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าส่งเขาลงมาโลกมนุษย์พร้อมด้วยดาบเพื่อสังหารปีศาจร้าย คริสต์ศาสนาแต่เดิมเป็นคำสอนทางศาสนาของชาวจีน เคยแพร่หลายมาก่อนลัทธิขงจื๊อ อาณาจักรจีนเดิมเป็นที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า หากแต่ปัจจุบันพวกปีศาจร้ายเข้ามาครอบครอง พระผู้เป็นเจ้ามีประกาศิตให้หง ซิ่วเฉฺวียนมาปราบปีศาจร้าย โดยจุดสำคัญคือเรื่องความเสมอภาค ภราดรภาพ ตามอุดมคติของคริสต์ศาสนา ซึ่งเป็นแนวความคิดใหม่ที่โดนใจทาสกสิกรที่ถูกศักดินากดขี่ขูดรีดอย่างทารุณ
หง ซิ่วเฉฺวียนไปเผยแพร่ลัทธิในเขตชาวจีนแคะที่ลำบากยากจนตามภูเขาในมณฑลกวางสี และได้สหายร่วมอุดมการณ์สำคัญสี่คนซึ่งก็ล้วนเป็นคนจีนแคะทั้งสิ้น คือ หยาง ซิ่วชิง-คนเผาถ่าน, เซียว เฉากุ้ย-คนตัดฟืน, ซือ ต๋าไค-หนุ่มลูกชายเจ้าที่ดิน และวุ่ย จางฮุย-เจ้าที่ดินและนายทุนเงินกู้ ผู้ออกทุนในการเตรียมการลุกขึ้นสู้ถึงหนึ่งแสนตำลึง ทั้งสี่คนนี้ภายหลังเป็นแม่ทัพคนสำคัญของกบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว
หง ซิ่วเฉฺวียนตระเตรียมฐานที่มั่นของกองทัพไว้แถบภูเขาจื่อจิงซาน มีกำลังพลนับหมื่นคน ทางราชสำนักแมนจูจึงส่งกองทัพไปปราบในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2393 แต่ก็พ่ายแพ้ และในครั้งนี้มีชนพื้นเมือง เช่น ชาวจ้วง, ชาวม้ง ร่วมกบฏด้วย
กองกำลังสมาคมบูชาพระเจ้า (ไป้ส้างตี้หุ้ย) ของหง ซิ่วเฉฺวียนรบชนะกองทัพหลวง ก็เลยประกาศสถาปนา "ไท่ผิงเทียนกั๋ว" (太平天国) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "ไท่ผิง" (太平) ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในอุดมคติ หง ซิ่วเฉฺวียนสถาปนาตัวเองเป็น "เทียนหวาง "(ราชาแห่งสวรรค์) ประกาศยกเลิกประเพณีเก่า ๆ ที่เป็นการลิดรอนสิทธิมนุษยชนและขัดต่อศาสนาคริสต์ เช่น การรัดเท้าผู้หญิง, การมีโสเภณี, การสูบฝิ่น, การกราบไหว้บูชารูปเคารพ เป็นต้น รวมถึงให้มีการสอบจอหงวน ซึ่งได้ผู้ชนะเลิศเป็นจอหงวนหญิงคนเดียวในประวัติศาสตร์จีน คือ ฟู่ ซ่านเสียง[1] และได้ยกพลสามหมื่นบุกเข้าโจมตีเมืองต่าง ๆ แถบกวางสีและกวางตุ้ง ได้รับชัยชนะยึดได้เมืองต่าง ๆ มากขึ้น
จนกระทั่งสามารถตีนครหนานจิง ตั้งเป็นเมืองหลวงใช้ชื่อว่า "เทียนจิง" (เมืองสวรรค์) ตั้งสหายร่วมรบคนอื่น ๆ เป็น "หวาง" (อ๋อง) มากมายหลายคน แล้วหง ซิ่วเฉฺวียนก็วางมือ ไม่ค่อยยุ่งกับการบริหารดูแลบ้านเมือง ปล่อยให้หวางคนอื่น ๆ รับหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้กบฏไท่ผิงต้องล้มสลายในที่สุด เนื่องจากบรรดาหวางทั้งหลายชิงดีชิงเด่นกัน ต่างคนก็พยายามช่วงชิงผลประโยชน์ส่วนตัวให้ได้มากที่สุดและหนักสุดถึงขนาดฆ่ากันเอง ในขณะที่ตัวผู้นำคือ หง ซิ่วเฉฺวียน ก็ได้วางมือเร็วไปก่อนเวลา ท้ายสุดในปี พ.ศ. 2407 กบฏไท่ผิงก็ถึงจุดล่มสลายเมื่อพ่ายแพ้อย่างราบคาบต่อราชสำนักที่ผสมกำลังปราบปรามร่วมกับกำลังของชาติตะวันตกที่มีผลประโยชน์กับจีน เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส และหง ซิ่วเฉฺวียน ได้ฆ่าตัวตาย เมื่อ พ.ศ. 2407 มีกบฏล้มตายเป็นจำนวนถึง 30 ล้านคน
ในช่วงปี พ.ศ. 2393 ถึง พ.ศ. 2399 นับเป็นช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดของกลุ่มกบฏไท่ผิง นอกจากยึดนานกิงเป็นศูนย์กลางอำนาจได้แล้ว ยังได้ครอบครองดินแดนทั้งหมดของมณฑลเจียงซี อันฮุย และส่วนใหญ่ของมณฑลหูเป่ย์
ปัจจุบัน นักวิชาการร่วมสมัยวิเคราะห์ถึงการล่มสลายว่าเป็นเพราะกลุ่มกบฏซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวนา ไม่มีเจตจำนงทางอุดมการณ์หรืออุดมคติอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น และเมื่อได้ผลประโยชน์แล้วแนวทางที่ดำเนินการอยู่ก็ได้ล้มเลิกไป
เรื่องราวของหง ซิ่วเฉฺวียนเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ ดร.ซุน ยัตเซ็น ในการปฏิวัติการปกครองด้วยในเวลาต่อมา โดยในระยะแรก ๆ มีบางคนกลาวว่า ดร.ซุน ยัตเซ็น คือ หง ซิ่วเฉฺวียนคนที่สองด้วยซ้ำ
เรื่องราวของหง ซิ่วเฉฺวียน ได้ถูกเล่าขานต่อมาจนถึงปัจจุบัน และได้ถูกแต่งแต้มสีสันต่อเติมมามากมาย และเชื่อว่า หง ซีกวน วีรบุรุษในนิยายหรือภาพยนตร์กำลังภายในยุคร่วมสมัยนี้ ก็คือ หง ซิ่วเฉฺวียน นี่เอง[2]
อ้างอิง
แก้- ↑ หน้า 14, ฟู่ซ่านเสียง จอหงวนหญิงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์ โดย ฮ.ศุภวุฒิ จันทสาโร ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน. "ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล". ไทยรัฐปีที่ 67 ฉบับที่ 21320: วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ปีวอก
- ↑ ประวัติศาสตร์จีนยุคก้าวสู่จีนยุคใหม่-กบฏไท่ผิง (1851-1864)
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- วาสนา วงศ์สุรวัฒน์. “หงซิ่วเฉวียน: ต้นแบบนักปฏิวัติจีน.” ใน ปกรณ์ ลิมปนุสรณ์ (บก.), เหตุเกิดในราชวงศ์ชิง. น. 46-79. กรุงเทพฯ: ชวนอ่าน, 2555.