สุดใจ ชนะ
สุดใจ หรือน้อย ชนะ (พ.ศ. 2488 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2545) เป็นผู้ต้องโทษประหารชีวิตคนที่ 319 ของประเทศไทยด้วยการยิงเป้า ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย ก่อนจะมีการแก้ประมวลกฎหมายอาญาให้เปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการยิงด้วยปืนเป็นการฉีดยาให้ตายในปี พ.ศ. 2546[1][2]
สุดใจ ชนะ | |
---|---|
![]() สุดใจกำลังฟังพระเทศน์เรื่องกฎแห่งกรรม | |
เกิด | พ.ศ. 2488 จังหวัดชุมพร |
เสียชีวิต | 11 ธันวาคม พ.ศ 2545 (57 ปี) เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย |
สาเหตุเสียชีวิต | ประหารชีวิตด้วยการยิง |
สัญชาติ | ไทย |
อาชีพ | รับจ้าง |
มีชื่อเสียงจาก | บุคคลสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย |
สถานะทางคดี | ถูกประหารชีวิต |
เหตุจูงใจ | ไม่พอใจที่กัญญาซึ่งตกเป็นภรรยาลับๆของตน ไปแต่งงานกับอธิป |
พิพากษาลงโทษฐาน | -ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน -มีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ -มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต -พกอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต |
บทลงโทษ | ประหารชีวิต |
รายละเอียด | |
ผู้เสียหาย | อธิป บุญร่วม |
วันที่ | 18 สิงหาคม พ.ศ. 2541 4.00 นาฬิกา (GMT+07:00) |
ประเทศ | ประเทศไทย |
รัฐ | จังหวัดชุมพร |
ตำแหน่ง | ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก |
อาวุธ | ปืน |
วันที่ถูกจับ | 28 สิงหาคม พ.ศ. 2541 |
จำคุกที่ | เรือนจำกลางบางขวาง |
ประวัติ
แก้สุดใจเกิดเมื่อปีพ.ศ. 2488 เขาอยู่อาศัยในบ้านเดียวกันกับกัญญา อินทร์แก้ว ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง และแม่ของกัญญา ในช่วงปีพ.ศ. 2535-2536 สุดใจได้กลับบ้านขณะที่เขาเมาสุรา ซึ่งในวันดังกล่าวแม่ของกัญญาไม่ได้อยู่บ้านเนื่องจากเดินทางไปทำธุระที่กรุงเทพ สุดใจจึงข่มขืนกันยาจนสำเร็จความใคร่ และยังได้ข่มขืนเธออีกหลายครั้งในขณะที่แม่ของเธอไม่อยู่บ้าน จนกระทั่งกัญญาตั้งครรภ์ แม่ของกัญญาจึงแนะนำให้เธอไปทำแท้ง หลังจากที่เธอทำแท้ง เขายังข่มขืนเธออีกหลายครั้ง[3]
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2540 กัญญาได้แยกไปมีครอบครัวเพื่อไปแต่งงานกับอธิป บุญร่วม โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา[4][5]
เหตุฆาตกรรมอธิป บุญร่วม
แก้ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2541 อธิปกับกัญญาได้ไปรับจ้างกรีดยางพาราในสวนยางพาราของนายลอบในตำบลตะโก ต่อมาเวลา 4.00 น. สุดใจได้เดินออกจากสวนเงาะมาหาอธิปจากด้านหลัง เมื่อห่างจากอธิปประมาณ 3 เมตร สุดใจได้ชักปืนพกสั้นสีดำมายิงใส่อธิปที่ลำตัวจำนวน 1 นัด กัญญาจึงวิ่งไปหาอธิปเพื่อช่วยเหลือและสามารถส่องเห็นหน้าของสุดใจจากไฟตะเกียงแก๊สที่ติดบริเวณหน้าผากของเธอ สุดใจได้ขู่กัญญาว่า "ห้ามนําเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้ใครฟัง มิฉะนั้นจะฆ่าให้ตาย" ก่อนจะหลบหนีกลับไปยังทางเดิม เธอจึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก อบต.ตะโก ให้ช่วยตามบิดามารดาของอธิป และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เธอได้บอกกับนายดาบตำรวจเตือนดีว่าสุดใจซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของตนเป็นคนยิงอธิป [3]
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับสุดใจและนำหมายค้นของศาลจังหวัดหลังสวนไปที่บ้านของสุดใจ ภรรยาของสุดใจได้บอกว่าสุดใจไปทำงานอยู่ในเขตอำเภอหลังสวน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าสุดใจหลบหนีไปอยู่ที่ตำบลพระรักษ์ อำเภอพะโต๊ะ และสามารถจับกุมเขาได้ในวันที่ 28 สิงหาคม ที่ฟาร์มในอำเภอพะโต๊ะ และแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน[3]
สุดใจได้ให้การปฎิเสธในชั้นสอบสวนและชั้นจับกุมโดยอ้างว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุเขาไปรับจ้างทำสวนปาล์มอยู่ที่ตำบลพระรักษ์ อำเภอพะโต๊ะ และยังได้ปฎิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนกัญญา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งมอบสำนวนคดีและพยานหลักฐานต่างๆให้อัยการ เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีสุดใจต่อศาลจังหวัดหลังสวน[6]
การพิจารณาคดีและการประหารชีวิต
แก้วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ศาลจังหวัดหลังสวนได้มีคำพิพากษาว่าสุดใจมีความผิดในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพิพากษาประหารชีวิตสุดใจ เขาจึงยื่นอุทธรณ์โดยอ้างเหตุคำเบิกความของพยานมีพิรุธน่าสงสัยหลายประการ[7]
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2543 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ยกฟ้องสุดใจและริบกระสุนปืนของกลาง แต่ให้ขังเขาไว้ระหว่างฎีกา เนื่องจากศาลได้วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความให้พิพากษายกฟ้องสุดใจ โจทก์จึงยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ในวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2544 ศาลฎีกาได้พิพากษากลับประหารชีวิตสุดใจโดยเห็นว่าข้อต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น[8][9]
สุดใจจึงทำหนังสือทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษและยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความขึ้นกราบบังคม แต่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงมีพระราชกระแสให้ยกฎีกา[3]
ในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2545 เวลา 16.00 เขาถูกเบิกตัวออกจากหมวดควบคุมนักโทษประหารแดนที่ 1 เพื่อดำเนินตามขึ้นตอนต่างๆก่อนประหารชีวิต เขาไม่ได้เขียนพินัยกรรมและปฎิเสธที่จะรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย เขาถูกนำตัวเข้าสู่ห้องสถานที่หมดทุกข์หลังเวลา 17.00 น. เขาถูกนำตัวไปมัดกับหลักประหารเมื่อเวลา 17.15 น. และถูกประหารชีวิตเมื่อเวลา 17.21 น. โดยเพชณฆาตเชาวเรศน์ จารุบุณย์ ใช้กระสุนจำนวน 8 นัด[10] และเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทย ก่อนจะมีการแก้ประมวลกฎหมายอาญาให้เปลี่ยนวิธีการประหารชีวิตจากการยิงด้วยปืนเป็นการฉีดยาให้ตายในปี พ.ศ. 2546[11][12]
ดูเพิ่ม
แก้- รายชื่อบุคคลที่ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2539
- พรหมมาศ เลื่อมใส
- สวัสดิ์ มะหะหมัด ผู้ต้องโทษประหารชีวิตคนแรกที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้า ตามคำพิพากษาของศาลพิเศษในคดีกบฏนายสิบ
- เล็ก ตุ้มบัวทอง
- เดชา สุวรรณสุก
อ้างอิง
แก้- ↑ LA CAMERA DEI RAPPRESENTANTI HA APPROVATO CON 288 VOTI...
- ↑ ย้อนรอย “ประหารชีวิต” ก่อนนับหนึ่งใหม่ ฟื้นโทษฉีดยาพิษรอบ 9 ปี
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 ปิดตำนานเพชฌฆาต, p. 251-264
- ↑ The Last Executioner Page 16
- ↑ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 12 ธันวาคม 2545
- ↑ The Last Executioner Page 15
- ↑ The Last Executioner Page 16
- ↑ หนังสือพิมพ์มติชน หน้าที่ 10 เรื่อง “เอาแน่ 'ประหาร' แบบใหม่ เลิกปุปุ-ฉีดสารพิษแทน”, (25 พฤศจิกายน 2545)
- ↑ การซ้อนทับจับวางของวาทกรรมทัณฑวิทยา: วงศาวิทยาของการใช้โทษประหารและความรุนแรงเพื่อการลงทัณฑ์ในประวัติศาสตร์ไทยหน้าที่ 108 - 110
- ↑ ลมหายใจ "เพชฌฆาต"...เชาวเรศน์ จารุบุณย์
- ↑ The Last Executioner Page 16
- ↑ โทษประหารจากมีดบั่นคอ ปืนยิง สู่ฉีดยาให้ตาย นักโทษคนที่ 7
ลิงก์จากภายนอก
แก้บรรณานุกรม
แก้- 'เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (2553). บันทึก.....แดนประหาร คุกบางขวาง. กรุงเทพ: ดอกหญ้า 2000. ISBN 9789746907576.
- 'เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (2553). ปิดตำนาน เพชณฆาต. กรุงเทพ: Thinkplus. ISBN 978-974-235-886-0.
- 'เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (2549). เพชฌฆาตคนสุดท้ายเล่มที่ 1. กรุงเทพ: ดอกหญ้า 2000. ISBN 9789749244463.
ก่อนหน้า ส้มเกลี้ยง สร้อยพลาย 3 กันยายน 2545 |
บุคคลที่ถูกประหารชีวิตในประเทศไทย สุดใจ ชนะ |
ถัดไป บุญลือ นาคประสิทธิ์ ,พันพงษ์ สินธุสังข์ , วิบูลย์ ปานะสุทธะและพนม ทองช่างเหล็ก 12 ธันวาคม 2546 |