ลิขิต เอกมงคล
ลิขิต เอกมงคล (แด๊กซ์) นามสกุลเดิมคือ ศุกรเสพย์ เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2501 ที่จังหวัดอ่างทอง ส่วนสูง 181 เซนติเมตร เป็นนักแสดงและนายแบบชาวไทย ปัจจุบันได้หันหลังให้กับวงการบันเทิงแล้ว โดยยังมีแฟนคลับที่ติดตามและเฝ้ารอคอยการกลับมาของเขาอยู่เสมอ
ลิขิต เอกมงคล | |
---|---|
![]() ลิขิต เอกมงคล | |
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 15 ธันวาคม พ.ศ. 2501 ลิขิต ศุกรเสพย์ ![]() |
อาชีพ | นายแบบ นักแสดง นักการเมือง |
ปีที่แสดง | พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2547 |
ผลงานเด่น | โตมร ครั้งเดียวก็เกินพอ (2530) หฤษฏ์ จำเลยรัก (2531) ชนะชล แม่เบี้ย (2532) โยธิน เชลยศักดิ์ (2534) เจ้าคุณสีหโยธิน นางทาส (2536) พ.ต.ต.ใหญ่ สารวัตรใหญ่ (2537) นาคิม เสราดารัล (2538) |
สังกัด | สหมงคลฟิล์ม(3ปี) พูนทรัพย์โปรดักชั่น(3ปี) ช่อง7(13ปีไม่ได้เซ็นเป็นเอกสาร แต่เป็นสัญญาใจ) |
ThaiFilmDb | |
{{กล่องข้อมูล นักแสดง|embed=yes |
ประวัติ แก้ไข
ลิขิต เอกมงคล เป็นชาวอำเภอวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เป็นลูกคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 5 คน[1] พ่อแม่ส่งมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ เริ่มเรียนที่โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์สารวิทยา บางเขน ตั้งแต่ชั้น ป.4 จนถึงมัธยมต้น ต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา เดิมทีฝันอยากเป็นตำรวจมุ่งมั่นจนสอบข้อเขียนติดโรงเรียนนายร้อยสามพราน แต่ก็พลาดเพราะตาบอดสี จึงหันเหไปเรียนจนจบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เส้นทางในวงการบันเทิง เริ่มในปี 2523 จากการเป็นนายแบบ เดินแบบในงานแฟชั่นโชว์ ถ่ายแบบลงนิตยสารและผลงานโฆษณา โดยมีผลงานถ่ายแบบเป็นครั้งแรกลงในนิตยสารดิฉันฉบับที่ 105 ปักษ์แรกกรกฎาคม2524 อีกทั้งยังได้เป็นนายแบบให้ยีนส์ Hara
ในฐานะนายแบบ ลิขิตได้รับรางวัลที่แสดงถึงความสำเร็จในวงการแฟชั่น ด้วยตำแหน่งนายแบบยอดนิยมจากการโหวตของนิตยสารแพรวและแพรวสุดสัปดาห์ในปี 2527 (ไม่ใช่รางวัลหนุ่มสาวแพรว ที่เป็นการประกวดนายแบบนางแบบหน้าใหม่) ต่อมาภายหลังในปี 2532 นิตยสารได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นการประกาศผล 10 ยอดนายแบบ ลิขิตก็ได้รับรางวัลของนิตยสารอีกครั้งในปี 2533
หลังจากเป็นที่รู้จักในฐานะนายแบบที่ได้รับความนิยม ลิขิตเริ่มงานด้านการแสดงช่วงปี 2525 จากบทสมทบในละครช่อง 7 เรื่อง "จดหมายจากเมืองไทย" และเนื่องด้วยเป็นนักแสดงหน้าใหม่จึงได้เข้าเรียนการแสดงเพิ่มเติมกับ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ซึ่งท่านได้แนะนำและสนับสนุนให้ไปเทสต์หน้ากล้อง เพื่อเป็นพระเอกใหม่กับสหมงคลฟิลม์ และเมื่อผ่านการทดสอบ ลิขิตตกลงเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดเป็นระยะเวลา 3 ปี
ลิขิต เกิดในวงการบันเทิงด้วยการปลุกปั้นของ คิด สุวรรณศร ในยุค “ปฏิวัติหนังไทยของค่ายสหมงคลฟิล์ม”
ลิขิต ศุกรเสพย์ (อ่าน ศุ-กระ-เสพย์) คือชื่อจริงของเขา มาเปลี่ยนเป็น ลิขิต เอกมงคล คำว่า “เอกมงคล” นั้นมีที่มาดังนี้
“เอก” โดยความหมายก็คือเขาเป็น พระเอกคนเดียวของค่าย ที่หมายมั่นปั้นมือจะทำให้เกิดให้ได้
“มงคล” ก็มาจาก “สหมงคลฟิล์ม” ค่ายหนังที่เต็งหนึ่งคู่แข่งสำคัญของค่าย ไฟว์สตาร์(สมัยนั้น)
ลิขิตเคยมีโอกาสร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ซุปเปอร์ลูกทุ่ง ในปี 2521 จนกระทั่งในปี 2527 ได้เริ่มรับบทพระเอกอย่างเต็มตัว ประเดิมเรื่องแรกคู่กับ อรพรรณ พานทอง ในภาพยนตร์วัยรุ่น กุ๊กกิ๊ก เรื่อง "ป.ล.ผมรักคุณ" ตามมาด้วยภาพยนตร์ตลก สนุกสนาน เรื่อง "เฮฮาเมียนาวี" และเรื่องที่ 3 ภาพยนตร์ชีวิตโศกนาฏกรรม ของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล เรื่อง "เพลิงพิศวาส" ในบทพระเอกผู้หล่อเหลา ดุดัน แต่เปราะบาง อ่อนไหว ซึ่งได้สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ผลิตภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ มองเห็นถึงแนวทางในการแสดง ภาพลักษณ์ของผู้ชายที่มีความหล่อเหลา มาดแมน เข้มแข็ง มีเสน่ห์ทางเพศ
และในยุคเฟื่องฟูของละครเวที ในปี 2529 ได้มีผลงานแสดงเรื่อง เทพธิดาบาร์ 21 โดยการกำกับของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล แสดงคู่กับ วันทิพย์ ภวภูตานนท์ และอีกครั้งในปี 2531 เรื่อง แม่เบี้ย แสดงคู่กับ กาญจนา จินดาวัฒน์
ลิขิตโลดแล่นในวงการบันเทิง มีผลงานทั้งงานถ่ายแบบ งานภาพยนตร์ และงานละคร แต่อีกสิ่งที่ลิขิตให้ความสนใจคือ เรื่องการเมือง ทำให้เมื่อมีโอกาสและจังหวะทางการเมือง ก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง สจ.อ่างทอง ในปี 2528-2532
ลิขิตมีผลงานการแสดงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง นับจากเรื่องแรกในปี 2521 จนถึงปี 2538 รวมทั้งสิ้น 50 กว่าเรื่อง และมีผลงานเด่นหลายเรื่อง เช่น ช่างมันฉันไม่แคร์, แม่เบี้ย, ทอง 3 ทั้งนี้ ลิขิตได้รับรางวัลทางการแสดงภาพยนตร์ถึง 2 ครั้ง ในฐานะดารานำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง "ครั้งเดียวก็เกินพอ" ปี 2530 และเรื่อง "ขยี้" ปี 2534 ซึ่งรับร่วมกับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ นับเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ดารานำชายมี 2 คนและจากเรื่องเดียวกัน แต่เรื่องนี้ประสบปัญหาในการถ่ายทำและการตัดต่อ จึงไม่ได้เข้าฉายในโรง และถึงแม้ว่าในช่วงหลังที่ภาพยนตร์ไทยเริ่มซบเซา ก็ยังคงมีผลงานอยู่ แต่จะออกในแนวหนังบู๊ภูธรเกรดบี
ลิขิตมีผลงานการแสดงละครโทรทัศน์ทั้งหมด 20 เรื่องซึ่งผลงานส่วนใหญ่เป็นละครทางช่อง 7 หลังจากละครเรื่องแรกในปี 2525 ลิขิตได้หวนกลับมารับงานแสดงละครอีกครั้งในปี 2531 โดยรับบทพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก คือ จำเลยรัก คู่กับ สาวิตรี สามิภักดิ์ เป็นละครที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และมีผลงานละครดังอย่างต่อเนื่อง เช่น เชลยศักดิ์ (แสดงคู่กับ จินตหรา สุขพัฒน์ ที่ประเดิมลงเล่นละครเป็นเรื่องแรก), นางทาส, สารวัตรใหญ่, เสราดารัล มีเพียงเรื่องเดียวที่รับแสดงทางช่อง9 คือ ท่าฉลอม ต่อมาบทบาททางการแสดงก็ยุติลงเนื่องจากเป็น งูสวัดใกล้ดวงตา จึงต้องทำการรักษาและศัลยกรรม หลังจากรับเล่นละครเรื่องสุดท้ายในปี 2547 คือ 7 พระกาฬ
และถึงแม้ประสบความสำเร็จในด้านการแสดงมากมาย แต่น้อยครั้งที่จะเห็น ลิขิตออกรายการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์แบบเต็มรูปแบบ นับจากครั้งแรกในปี 2534 รายการ "สี่ทุ่มสแควร์" ช่วงหลังจากละครเชลยศักดิ์อวสานจบไป อีกครั้งในปี 2551 รายการ "วันวานยังหวานอยู่" กับการย้อนความทรงจำละครนางทาส และในปี 2556 ลิขิตได้ให้สัมภาษณ์ใน รายการเพชรรามา บอกเล่าประสบการณ์ด้านการแสดงและการทำธุรกิจส่วนตัว ทั้งนี้ แฟนละครยังคงติดตามและสนับสนุนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าแบรนด์ DX และร้านอาหารของครอบครัว ชื่อ ร้านขนมจีนเส้นสดแม่สงวน
ถึงแม้ปัจจุบัน ลิขิตจะหันหลังให้กับวงการบันเทิงแล้วก็ตาม แต่ในฐานะนักแสดงระดับพระเอกยอดนิยมของวงการในช่วงยุค 80 ถึงช่วงกลางยุค 90 ถือเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ผู้ชมมากมาย คิดถึงและรอคอยให้เขานั้นกลับมารับงานแสดงอีกสักครั้ง
ผลงานภาพยนตร์ แก้ไข
พ.ศ. 2521
- ซุปเปอร์ลูกทุ่ง (ป๋อง) แสดงร่วมกับ กรุง ศรีวิไล และ มยุรา ธนะบุตร
พ.ศ. 2527
- ปล.ผมรักคุณ (แด๊ก) แสดงคู่กับ อรพรรณ พานทอง
- เฮฮาเมียนาวี (ผู้การผไท) แสดงคู่กับ สิริยา นฤนาท
- เพลิงพิศวาส (ธนันท์) แสดงคู่กับ สินจัย หงษ์ไทย
พ.ศ. 2529
- ช่างมันฉันไม่แคร์ (สมหวัง) แสดงคู่กับ สินจัย หงษ์ไทย
- สะใภ้ (ถมทวี) แสดงร่วมกับ สินจัย หงษ์ไทย
พ.ศ. 2530
- ฉันรักผัวเขา (มนัสวิน) แสดงคู่กับ สินจัย หงษ์ไทย
- ฉันผู้ชายนะยะ (อั้น อนากร พิพัฒน์) แสดงคู่กับ สินจัย หงษ์ไทย
- มันแอบอยู่ในหอ (จอห์น) แสดงคู่กับ สินจัย หงษ์ไทย
- นางนวล (เทพ) แสดงคู่กับ ใหม่ เจริญปุระ
- ฟ้าสีทอง (ยอดธง) แสดงร่วมกับ มาช่า วัฒนพานิช และ ยุรนันท์ ภมรมนตรี
- บาปสวาท (ตราบุญ) แสดงคู่กับ นาถยา แดงบุหงา
พ.ศ. 2531
- ครั้งเดียวก็เกินพอ (โตมร) แสดงคู่กับ สินจัย หงษ์ไทย
- อุบัติโหด (อรรคเดช) แสดงร่วมกับ สินจัย หงษ์ไทย
- เรือมนุษย์ (ดัมพ์) แสดงคู่กับ สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์
- ทายาทคนใหม่ (พิพัฒน์) แสดงคู่กับ จารุณี สุขสวัสดิ์
- เหยื่ออารมณ์ (กษิต) แสดงคู่กับ จารุณี สุขสวัสดิ์
- ทอง 3 (ดอน) แสดงร่วมกับ สรพงศ์ ชาตรี
- ตำนานรักภูพาน (อินตา) แสดงร่วมกับ อภิชาติ หาลำเจียก (ไม่ได้ฉาย)
พ.ศ. 2532
- แม่เบี้ย (ชนะชล) แสดงคู่กับ ภัสสร บุญยเกียรติ
- กลกามแห่งความรัก (ธง) แสดงร่วมกับ ดาริน กรสกุล
- ปล้น เช็คบิล (แด็กซ์) แสดงคู่กับ ศิรินทรา นิยากร
- นางฟ้าอีดิน (อมร) แสดงคู่กับ ณหทัย พิจิตรา
- รักเธอเท่าฟ้า (หมอน้ำมนต์) แสดงร่วมกับ เพ็ญพิสุทธิ์ คงสมุทร
- แด่เพื่อนพ้องและตัวกูเอง (เมฆ) แสดงร่วมกับ ศิวะ แตรสังข์
- รักคืนเรือน (หมอวิทมน) แสดงคู่กับ ขวัญฤดี กลมกล่อม
พ.ศ. 2533
- ก่อนจะสิ้นแสงตะวัน (ธงชาติ) แสดงคู่กับ ภัสสร บุญยเกียรติ
- หัวใจห้องที่ 5 (ทำเนียบ) แสดงร่วมกับ ภัสสร บุญยเกียรติ
- ก้อนหินในดินทราย (อาม) แสดงคู่กับ ชุดาภา จันทเขตต์
- แม่นาคคืนชีพ (มารุต) แสดงคู่กับ ชุดาภา จันทเขตต์
- ดอกแก้วดำ/ลายแทงมหาภัย (พลัง) แสดงคู่กับ ธิดา ธีระรัตน์
- ดอกฟ้าในมือมาร (ชาคริต) แสดงคู่กับ ดาริน กรสกุล
- เพลิงอารมณ์ (อนุวัตร) แสดงคู่กับ พิมพิไล ไชยโย
- กว่าจะถึงสวรรค์ (โทน) แสดงคู่กับ แซนดรี้ มารัค
- 3 อันตรายเดนสงคราม (ผู้พันมงคล) แสดงร่วมกับ รอน บรรจงสร้าง และ พันนา ฤทธิไกร
- ข้ามากับปืน (บดินทร์) แสดงร่วมกับ รอน บรรจงสร้าง
- บ่อเพลิงที่โพธิ์ทะเล (ริมโขง) แสดงร่วมกับ พันนา ฤทธิไกร
- มายาเพชรฆาต (เพชร) แสดงร่วมกับ รอน บรรจงสร้าง
พ.ศ. 2534
- ขยี้ (อภิเดช) แสดงร่วมกับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ (ไม่ได้ฉาย)
- สงครามเมีย (ภาคภูมิ) แสดงคู่กับ จามจุรี เชิดโฉม
- เลือดเข้าตา/สู้ครั้งสุดท้าย (ทิว) แสดงร่วมกับ ดาริน กรสกุล
- ทะนง ระห่ำสะท้านโลก (ทะนง) แสดงร่วมกับ หม่ำ จ๊กมก และ พันนา ฤทธิไกร
- แผนกับดัก (สารวัตรลิขิต) แสดงร่วมกับ พันนา ฤทธิไกร
- หน่วยรบทมิฬ 1728 (จ่าเดิม) แสดงร่วมกับ พันนา ฤทธิไกร
พ.ศ. 2535
- สองฝั่งโขง (เรือเอกนาวิน) แสดงร่วมกับ สรพงศ์ ชาตรี
- ยากูซ่า แก๊งค์ค้าคน (สารวัตรเกียรติ) แสดงคู่กับ ธิดา ธีระรัตน์
พ.ศ. 2536
- สะเหร่อซะไม่เมี๊ย (รักชาติ) แสดงร่วมกับ หม่ำ จ๊กมก
- อาข่า (สารวัตรลิขิต) แสดงร่วมกับ อังคณา ทิมดี (ทีมงานญี่ปุ่น ถ่ายทำและนำไปฉายเป็นซีรีย์ในประเทศญี่ปุ่น)
พ.ศ. 2537
- เสือล่าเสือ (ก้อง) แสดงร่วมกับ พันนา ฤทธิไกร
- ข้ามฟ้ามาหารัก (สารวัตรนำพล) แสดงคู่กับ ธิดา ธีระรัตน์
- นักฆ่าตาปีศาจ/นักรบตาไฟ (หมวดพิชิต)แสดงร่วมกับ ธิดา ธีระรัตน์
- เหตุเกิด ณ หมู่บ้านแล้งซ้ำซาก แสดงคู่กับ ชฎาพร รัตนากร (ไม่ได้ฉาย)
พ.ศ. 2538
- รำปืนลำเพลิน (ปลัดสายฟ้า) แสดงร่วมกับ เฉลิมพล มาลาคำ
- สันติบาลเหล็ก (สารวัตรลิขิต) (ไม่ได้ฉาย)
- สายน้ำไม่ไหลกลับ แสดงคู่กับ ชุดาภา จันทเขตต์ (ภาพยนตร์ในความร่วมมือกับทีมงานประเทศญี่ปุ่นกับช่อง3)
ผลงานละครโทรทัศน์ แก้ไข
- [2525] จดหมายจากเมืองไทย ช่อง 7 (คุณครูวิญญู)
- [2531] จำเลยรัก ช่อง 7 (หฤษฎ์) แสดงคู่กับ สาวิตรี สามิภักดิ์
- [2532] ท่าฉลอม ช่อง 9 (บุญเย็น) แสดงคู่กับ ลีลาวดี วัชโรบล
- [2532] อยู่เพื่อรัก ช่อง 7 (กฤษตฤณ) แสดงคู่กับ มาช่า วัฒนพานิช
- [2533] อุบัติเหตุ ช่อง 7 (อารุม) แสดงคู่กับ สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์
- [2533] หงส์ทอง ช่อง 7 (ทรงกลด) แสดงคู่กับ อรพรรณ พานทอง
- [2534] เชลยศักดิ์ ช่อง 7 (โยธิน) แสดงคู่กับ จินตรา สุขพัฒน์
- [2534] กำแพงบุญ ช่อง 7 (คุณไว) แสดงคู่กับ ชฎาพร รัตนากร
- [2535] ภาพอาถรรพ์ ช่อง 7 (เชษฐา) แสดงคู่กับ มนฤดี ยมาภัย และ ชฎาพร รัตนากร
- [2536] นางทาส ช่อง 7 (เจ้าคุณสีหโยธิน) แสดงคู่กับ มนฤดี ยมาภัย
- [2537] สารวัตรใหญ่ ช่อง 7 (พ.ต.ต.ใหญ่) แสดงคู่กับ มนฤดี ยมาภัย
- [2538] เสราดารัล ช่อง 7 (ปาลีนาคิม) แสดงคู่กับ นุสบา ปุณณกันต์
- [2538] ยอดตำรวจหญิง ช่อง 7 (พ.ต.ท.วิชยุตม์)
- [2539] พันหนึ่งราตรี ช่อง 7 (สุลต่านซาห์เรียร์) แสดงคู่กับ กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ
- [2541] กิ่งไผ่ ช่อง 7 (คุณฟุ้ง) แสดงคู่กับ กชกร นิมากรณ์
- [2541] บ่วงหงส์ ช่อง 7 (นายสิงห์)
- [2543] ชาติมังกร ช่อง 7 (เตี๊ยงกวง)
- [2544] เพชรตัดเพชร ช่อง 7 (พ่อเลี้ยงตรัน)
- [2544] ขุมทรัพย์แม่น้ำแคว ช่อง 7 (เสือเหนาะ)
- [2547] 7 พระกาฬ ช่อง 7 (ผู้กองชาญชัย)
อ้างอิง แก้ไข
- ↑ "ผลงานของ ลิขิต เอกมงคล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-09. สืบค้นเมื่อ 2008-03-10.