ริชาร์ด เอิร์ลที่ 1 แห่งคอร์นวอลล์

ริชาร์ด (อังกฤษ: Richard; 5 มกราคม ค.ศ. 1209[1] - 2 เมษายน ค.ศ. 1272) พระโอรสคนที่สองของพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษกับอิซาเบลลาแห่งอ็องกูแลม ทรงเป็นเคานต์แห่งปัวตู (ค.ศ. 1225-1243)[2] , เอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์ (ตั้งแต่ค.ศ. 1225) และเอิร์ลแห่งเยอรมนี (ตั้งแต่ค.ศ. 1257) แต่ในนาม ทรงเป็นหนึ่งในชายผู้ร่ำรวยที่สุดในยุโรปและเข้าร่วมสงครามครูเสดของบารอน ที่ซึ่งพระองค์ประสบความสำเร็จในฐานะนักเจรจาให้ปล่อยตัวนักโทษและช่วยสร้างป้อมปราการในแอสเกอโลน

ริชาร์ด
ตราประทับของริชาร์ด เอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์ เรคโต บนโล่ที่ทรงแสดงให้เห็นถึงพระราชลัญจกร
พระมหากษัตริย์แห่งชาวโรมัน
ครองราชย์13 มกราคม ค.ศ. 1257 – 2 เมษายน ค.ศ. 1272
ราชาภิเษก27 พฤษภาคม ค.ศ. 1257
ก่อนหน้าวิลเลี่ยมที่ 2 แห่งฮอลแลนด์
ถัดไปรูดอล์ฟที่ 1 แห่งเยอรมนี
เอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์
ก่อนหน้าเฮนรี่ ฟิตซ์เคานต์
ถัดไปเอ็ดมุนด์ เอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์
ประสูติ5 มกราคม ค.ศ. 1209
ปราสาทวินเชสเตอร์, แฮมป์เชียร์, อังกฤษ
สวรรคต2 เมษายน ค.ศ. 1272 (พระชนมายุ 63 ชันษา)
ปราสาทเบอร์เคมสเต็ด, ฮาร์ตฟอร์ดเชียร์, อังกฤษ
ฝังพระศพเฮลส์แอบบีย์, กลอสเตอร์เชียร์
คู่อภิเษกอิซาเบล มาร์แชล
ซ็องเจียแห่งโพรว็องซ์
เบียทริซแห่งฟาลเกนบวร์ก
พระราชบุตร
ดูรายละเอียด
เฮนรี่แห่งอัลเมน
เอ็ดมุนด์ เอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์คนที่ 1
เซอร์ริชาร์ดแห่งคอร์นวอลล์
ราชวงศ์แพลนทาเจเนต
พระราชบิดาพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ
พระราชมารดาอิซาเบลลาแห่งอ็องกูแล็ม

ชีวประวัติ แก้

ชีวิตช่วงต้น แก้

พระองค์ประสูติเมื่อ 5 มกราคม ค.ศ. 1209 ที่ปราสาทวินเชสเตอร์ พระโอรสคนที่สองของพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษกับอิซาเบลลาแห่งอ็องกูแลม พระองค์ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการสูง ((High Sheriff) แห่งบาร์กเชียร์ ตอนพระชนมายุเพียง 8 ชันษา ทรงถูกขนานนามว่าเคานต์แห่งปัวตูตั้งแต่ ค.ศ. 1225 และในปีเดียวกัน ตอนพระชนมายุ 16 ชันษา พระเชษฐาของพระองค์ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 แห่งอังกฤษ พระราชทานคอร์นวอลล์ให้พระองค์เป็นของขวัญวันคล้ายวันประสูติ ให้พระองค์เป็นผู้ว่าการสูงแห่งคอร์นวอลล์ รายได้ที่มาจากคอร์นวอลล์ของริชาร์ดช่วยให้พระองค์เป็นหนึ่งในชายที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรป แม้พระองค์จะสู้รบในนามของพระเจ้าเฮนรี่ในปัวตูและบริททานี และทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สามครั้ง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องมักตึงเครียดในช่วงต้นรัชสมัยของเฮนรี่ ริชาร์ดก่อกบฏต่อพระองค์สามครั้ง

การแต่งงานกับอิซาเบล: ค.ศ. 1231-40 แก้

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1231 พระองค์เสกสมรสกับอิซาเบล มาร์แชล ภรรยาม่ายผู้ร่ำรวยของเอิร์ลแห่งกลอสเตอร์ สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่พระเชษฐา พระเจ้าเฮนรี่ ที่หวาดกลัวตระกูลมาร์แชลเพราะเป็นตระกูลที่ร่ำรวย มีอิทธิพล และมักเป็นปรปักษ์กับพระองค์ ริชาร์ดกลายเป็นพ่อเลี้ยงของลูกหกคนจากสามี่คนแรกของอิซาเบล ในปีเดียวกันพระองค์ได้ที่พักอาศัยหลัก ปราสาทวอลลิงฟอร์ดในบาร์กเชียร์ (ปัจจุบันคือออกซฟอร์ดเชียร์) มา และได้ใช้เงินจำนวนมากไปกับการปรับปรุงมัน พระองค์ยังมีที่โปรดที่อื่นในมาร์โลว์และซิปเปนแฮมในบักกิ้งแฮมเชียร์ อิซาเบลกับริชาร์ดมีพระโอรสสี่คนที่มีเพียงพระโอรส เฮนรี่แห่งอัลเมน คนเดียวที่มีชีวิตรอดจนถึงวัยผู้ใหญ่ ริชาร์ดไม่ถูกกับซิมง เดอ มงต์ฟอต์ และปลุกปั่นการก่อกบฏขึ้นมาใน ค.ศ. 1238 เพื่อคัดค้านการแต่งงานของพระขนิษฐา เอเลนอร์ กับซิมง พระองค์ถูกปลอบให้สงบลงด้วยของขวัญราคาแพง เมื่ออิซาเบลอยู่บนเตียงที่เสียชีวิตในค.ศ. 1240 เธอขอให้ฝังเธอข้างสามีคนแรกที่ทูว์กสบรี แต่ริชาร์ดกลับฝังเธอที่บัวลิวแอบบีย์แทน ทว่าพระองค์ส่งหัวใจของเธอไปที่ทูว์กสบรี

ครูเสดและการแต่งงานกับซ็องเจีย: ค.ศ. 1240-43 แก้

ต่อมาในปีนั้น ริชาร์ดออกเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นำกองทัพที่สองของผู้ทำครูเสดไปถึงในช่วงครูเสดของบารอน พระองค์ไม่ได้ต่อสู้ในสมรภูมิแต่ดูแลเรื่องเจรจาเพื่อให้ปล่อยตัวนักโทษ (ที่เป็นที่รู้จักที่สุดคืออาโมรีที่ 6 แห่งมงต์ฟอต์) และทำการฝังผู้ทำครูเสดที่ถูกฆ่าที่สมรภูมิแห่งกาซาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1239 พระองค์ยังสร้างป้อมปราการแอสเกอโลนที่ถูกรื้อทำลายโดยซาลาดินขึ้นมาใหม่ ระหว่างเดินทางกลับจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ริชาร์ดแวะไปหาพระขนิษฐา อิซาเบลลา จักรพรรดินีของเฟรเดอริคที่ 2 จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

หลังการประสูติของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดใน ค.ศ. 1239 บทบัญญัติที่ถูกตั้งขึ้นในกรณีที่กษัตริย์สิ้นพระชนม์เอื้อประโยชน์ให้แก่พระราชินีกับพระญาติสายซาวัวและไม่รวมถึงริชาร์ด เพื่อป้องกันไม่ให้ริชาร์ดไม่พอใจ พระเจ้าเฮนรี่กับพระราชินีเอเลนอร์จึงมีความคิดที่จะให้ริชาร์ดแต่งงานกับซ็องเจีย น้องสาวของเอเลนอร์ ไม่นานหลังการกลับมาเมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1242 ของริชาร์ด ระหว่างการเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ริชาร์ดได้พบกับซ็องเจียในโพรว็องซ์ ที่ซึ่งพระองค์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากบิดาของซ็องเจีย รามอน เบเรนเกร์ที่ 4 และได้ตกหลุมรักหญิงสาวผู้งดงาม[3] ริชาร์ดกับซ็องเจีย (ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่าซินเธีย) แต่งงานกันที่เวสต์มินสเตอร์ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1243

การแต่งงานนี้ผูกพระองค์เข้ากับกลุ่มราชวงศ์แน่นหนาขึ้น น้องสาวคนเล็กของเอเลนอร์กับซ็องเจีย เบียทริซ จะเสกสมรสกับชาร์ลที่ 1 แห่งเนเปิลส์ ในขณะที่พี่สาวคนโต มาร์กาเร็ต อภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส การแต่งงานกับกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสและอังกฤษกับพระอนุชาทั้งสองของสี่พี่น้องจากโพรว็องซ์พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจนนำไปสู่สนธิสัญญาปารีส[4]

ปัวตูและซิซิลี แก้

ริชาร์ดได้รับแต่งตั้งเป็นเคานต์แห่งปัวตูก่อนเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1225[5] ทว่าการอ้างสิทธิ์ในแกสโคนีกับปัวตูของริชาร์ดทำได้แค่ในนาม และใน ค.ศ. 1241 พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศสมอบปัวตูให้พระอนุชาของพระองค์เอง อัลฟองซ์ ยิ่งไปกว่านั้น พระมารดาของริชาร์ดกับเฮนรี่ อิซาเบลลาแห่งอ็องกูแลม ยังอ้างว่าทรงถูกพระราชินีฝรั่งเศสดูแคลน ทั้งคู่ได้รับการสนับสนุนจากบิดาเลี้ยง ฮิวจ์ที่ 10 แห่งลูซินญ็อง ให้เอาปัวตูกลับคืนมา แต่การออกเดินทางไปสู้รบประสบความล้มเหลวทางการทหารหลังลูซินญ็องทรยศพระองค์[6] ริชาร์ดยอมวางมือจากปัวตูราวเดือนธันวาคม ค.ศ. 1243[5]

พระสันตะปาปาเสนอบัลลังก์แห่งซิซิลีให้ริชาร์ด แต่อ้างอิงตามแมทธิว ปารีส พระองค์ตอบสนองต่อราคาที่สูงเกินรับได้ด้วยการพูดว่า "บอกมาเลยก็ได้ว่าจะให้ข้าเอาพระจันทร์มาให้ท่าน - เหยียบขึ้นไปบนก้อนเมฆแล้วดึงมันลงมา"[7] พระเชษฐาของพระองค์ พระเจ้าเฮนรี่ จึงซื้ออาณาจักรมาให้พระโอรสของพระองค์เองแทน

กษัตริย์แห่งเยอรมนี: ค.ศ. 1256 แก้

แม้ริชาร์ดจะได้รับเลือกใน ค.ศ. 1256 ให้เป็นกษัตริย์แห่งเยอรมนีโดยเจ้านครรัฐผู้คัดเลือกสี่ในเจ็ด (โคโลญ, ไมนทซ์, เจ้านครรัฐผู้เสมอเหมือนกษัตริย์ และโบฮีเมีย) ฝ่ายตรงข้ามของพระองค์คืออัลฟองโซที่ 10 แห่งคาสตีล ที่ได้รับคะแนนเสียงจากแซ็กโซนี, บรันเดนบวร์ก และเทรียร์ พระสันตะปาปากับกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสเอียงไปทางฝั่งอัลฟองโซ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ถูกโน้มน้าวโดยพระญาติผู้ทรงอำนาจของพระมเหสีของพระเชษฐาของริชาร์ด เอเลนอร์แห่งโพรว็องซ์ ให้สนับสนุนริชาร์ด อ็อตโทคาร์ที่ 2 แห่งโบฮีเมีย ที่ตอนแรกลงคะแนนให้ริชาร์ดแต่ต่อมาเลือกอังฟองโซท้ายที่สุดก็ยอมสนับสนุนเอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์จนได้เสียงส่วนใหญ่มา ริชาร์ดจึงจ่ายสินบนให้เพียงสี่คน แต่เป็นเงินก้อนโต 28,000 มาร์ก เมื่อ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1257 อาร์ชบิชอปแห่งโคโลญสวมมงกุฎให้ริชาร์ดเป็น "กษัตริย์ของชาวโรมัน" ด้วยตนเองในอาเค่น ทว่า เช่นเดียวกับความเป็นเจ้าเหนือหัวในแกสโคนีกับปัวตู ตำแหน่งของพระองค์ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมาย และพระองค์ได้ไปเยือนเยอรมนีเป็นเวลาสั้นๆเพียงสี่ครั้งในช่วง ค.ศ. 1257 ถึง 1269

ชีวิตบั้นปลาย, การสิ้นพระชนม์ และการสืบทอดต่อ แก้

พระองค์ก่อตั้งเบิร์นแฮมแอบบีย์ในบักกิ้งแฮมเชียร์ในค.ศ. 1263 และกราเซาซ์ อาเค่น ในค.ศ. 1266

พระองค์เข้าร่วมกับพระเจ้าเฮนรี่ในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏของซิมง เดอ มงต์ฟอต์ในสงครามบารอนครั้งที่สอง (ค.ศ. 1264-67) หลังผู้สนับสนุนกษัตริย์พ่ายแพ้ที่สมรภูมิแห่งลูอิส ริชาร์ดลี้ภัยไปวินด์มิลล์ ถูกเจอตัวและถูกจองจำจนถึงเดือนกันยายน ค.ศ. 1265

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1271 พระองค์เส้นเลือดในสมองตีบ ฝั่งขวาเป็นอัมพาตและสูญเสียความสามารถในการพูด เมื่อ 2 เมษายน ค.ศ. 1272 ริชาร์ดสิ้นพระชนม์ที่ปราสาทเบอร์เคมสเต็ดในฮาร์ตฟอร์ดเชียร์ พระองค์ถูกฝังข้างพระชายาคนที่สอง ซ็องเจียแห่งโพรว็องซ์ กับเฮนรี่แห่งอัลเมน พระโอรสที่มีกับพระชายาคนแรก ที่เฮลส์แอบบีย์ที่พระองค์ก่อตั้ง

หลังการสิ้นพระชนม์ เกิดการแย่งชิงอำนาจตามมาในเยอรมนีซึ่งจบลงใน ค.ศ. 1273 ด้วยการปรากฏตัวของกษัตริย์โรมันคนใหม่ รูดอล์ฟที่ 1 แห่งฮับสบวร์ก กษัตริย์คนแรกของตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ปกครองจักรวรรดิ ในคอร์นวอลล์ ริชาร์ดถูกสืบทอดต่อโดยเอ็ดมุนด์ พระโอรสที่มีกับพระชายาคนที่สอง ซ็องเจีย

การแต่งงานและทายาทตามกฎหมาย แก้

ริชาร์ดแห่งคอร์นวอลล์แต่งงานสามครั้งและมีพระโอรสธิดาตามกฎหมายหกคน แต่ไม่มีพระนัดดาเลยแม้แต่คนเดียว พระชายาคนแรกของพระองค์ อิซาเบลลา มาร์แชล เป็นบุตรสาวของวิลเลี่ยม มาร์แชล เอิร์ลแห่งเพมโบรกคนที่ 1 ที่มีกับภรรยา อิซาเบล เดอ แคลร์ การแต่งงานเกิดขึ้นเมื่อ 30 มีนาคม ค.ศ. 1231 ที่ฟาวลีย์ บักกิ้งแฮมเชียร์ ริชาร์ดกับอิซาเบลกลายเป็นบิดามารดาของพระโอรสธิดาสี่คนที่มีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตถึงวัยผู้ใหญ่ อันได้แก่[8]

  1. จอห์นแห่งคอร์นวอลล์ (31 มกราคม ค.ศ. 1232 - 22 กันยายน ค.ศ. 1232) เกิดและตายที่มาร์โลว์ บักกิ้งแฮมเชียร์ ฝังที่เรดิ้งแอบบีย์
  2. อิซาเบลแห่งคอร์นวอลล์ (9 กันยายน ค.ศ. 1233 - 6 ตุลาคม ค.ศ. 1234) เกิดและตายที่มาร์โลว์ บักกิ้งแฮมเชียร์ ฝังที่เรดิ้งแอบบีย์
  3. เฮนรี่แห่งคอร์นวอลล์ (2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1235 - 13 มีนาคม ค.ศ. 1271) เป็นที่รู้จักในนาม "เฮนรี่แห่งอัลเมน" (เยอรมนี) ถูกฆาตกรรมโดยญาติ สองพี่น้องมงต์ฟอต์ กีย์กับซีมง ถูกฝังที่เฮลส์แอบบีย์ในกลอสเตอร์เชียร์ ไม่มีบุตร
  4. นิโคลัสแห่งคอร์นวอลล์ (เกิดและตาย 17 มกราคม ค.ศ. 1240 ที่ปราสาทเบอร์เคมสเต็ด) ตายไม่นานหลังคลอด ฝังที่บูลิวแอบบีย์กับมารดา

อิซาเบลตายเมื่อ 17 มกราคม ค.ศ. 1240 ขณะคลอดบุตรที่ปราสาทเบอร์เคมสเต็ด เธอถูกฝังที่บัวลิวแอบบีย์ หลังจากนั้นเกือบสี่ปี ริชาร์ดเสกสมรสอีกครั้ง พระชายาคนที่สองของพระองค์ ซ็องเจียแห่งโพรว็องซ์ เป็นบุตรสาวของเรมอน เคานต์แห่งโพรว็องซ์ ที่มีกับภรรยา เบียทริซแห่งซาวัว พี่สาวของซ็องเจียเป็นพระราชินีแห่งฝรั่งเศสและอังกฤษ ส่วนน้องสาวต่อมาจะกลายเป็นพระราชินีแห่งซิซิลี การแต่งงานถูกจัดเตรียมขึ้นมาโดยพี่สาวของซ็องเจีย ราชินีเอเลนอร์ พระมเหสีของพระเชษฐาของริชาร์ด เฮนรี่ที่ 3 การแต่งงานของทั้งคู่เกิดขึ้นที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เมื่อ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1243 ริชาร์ดกับซ็องเจียกลายเป็นบิดามารดาของพระโอรสสองคน[9]

  1. พระโอรสไร้ชื่อ (กรกฎาคม ค.ศ. 1246 - 15 สิงหาคม ค.ศ. 1246)
  2. เอ็ดมุนด์ เอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์คนที่ 2 (1 มกราคม ค.ศ. 1250 - 25 กันยายน ค.ศ. 1300) ถูกขนานนามโดยทั่วไปว่า เอ็ดมุนด์แห่งอัลเมน เอ็ดมุนด์แต่งงานกับมาร์กาเร็ต เดอ แคลร์ บุตรสาวของริชาร์ด เดอ แคลร์ เอิร์ลแห่งกลอสเตอร์ ที่มีกับภรรยาคนที่สอง ม็อด เดอ ลาซีย์ บุตรสาวของจอห์น เดอ ลาซีย์ เอิร์ลแห่งลินคอล์นคนที่ 2 เอ็ดมุนด์กับมาร์กาเร็ตไม่มีบุตร การแต่งงานของทั้งคู่ถูกประกาศให้เป็นโมฆะในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1294

ซ็องเจียสิ้นพระชนม์เมื่อ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1261 ที่ปราสาทเบอร์เคมสเต็ดและถูกฝังเมื่อ 15 พฤศจิกายน ในเฮลส์แอบบีย์ในกลอสเตอร์เชียร์[10] พระชายาคนที่สามของริชาร์ด เบียทริซแห่งฟาลเกนบวร์ก เป็นบุตรสาวของดีทริคที่ 1 เคานต์แห่งฟาลเกนบวร์ก และว่ากันว่าเป็นหนึ่งในหญิงที่งามที่สุดในยุคสมัยของตน บิดาของพระองค์เป็นผู้สนับสนุนการอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์จักรวรรดิของริชาร์ด ชายสองคนต่อสู้ในสมรภูมิด้วยกันในตอนที่ริชาร์ดได้เจอและเริ่มหลงใหลในตัวเบียทริซ ทั้งคู่อายุต่างกันมาก ในตอนที่ทั้งคู่แต่งงานกันใน ค.ศ. 1269 เบียทริซมีพระชันษาราว 15 ปี ในขณะที่พระองค์อยู่ในวัย 60 ชันษา พระโอรสคนเล็กของริชาร์ดอายุมากกว่าเบียทริซ 4 ปี อย่างไรก็ดี ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1269 ที่ไกเซอร์สเลาเทิร์น ริชาร์ดหลงใหลได้ปลื้มพระชายาของพระองค์ ส่วนเบียทริซก็เอาใจใส่พระองค์มาก แต่ทั้งคู่ไม่มีพระโอรสด้วยกัน[11] เบียทริซสิ้นพระชนม์หลังริชาร์ด 5 ปี และไม่เคยแต่งงานใหม่ พระองค์ตายเมื่อ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1277 และถูกฝังอยู่เบื้องหน้าแท่นบูชาที่โบสถ์แห่งเกรย์ ไฟร์อาร์สในออกซฟอร์ด[11]

อ้างอิง แก้

  1. Weis 1992, p. 232.
  2. Lundy, Darryl (January 21, 2011). "Richard, 1st Earl of Cornwal". The Peerage.
  3. Cox 1974, p. 114.
  4. Sanders, IJ (1951). "The Texts of the Peace of Paris, 1259". The English Historical Review. 66 (258). Oxford University Press. pp. 81–97 [88].
  5. 5.0 5.1 Weir 1999, p. 67.
  6. Cox 1974, p. 112-113.
  7. Craik, George L., & Macfarlane, Charles, The Pictorial History of England, p. 657.
  8. Richardson I 2011, pp. 566–71
  9. Richardson I 2011, pp. 566–71.
  10. Goldstone, Nancy (2007). Four Queens: The Provençal Sisters who ruled Europe. New York: Viking. p. 217. ISBN 978-0-670-03843-5.
  11. 11.0 11.1 Richardson I 2011, p. 567.