ราชอาณาจักรกัสติยา
ราชอาณาจักรกัสติยา (สเปน: Reino de Castilla) เป็นราชอาณาจักรของยุคกลางของคาบสมุทรไอบีเรียที่เริ่มก่อตัวเป็นอิสระขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยการเป็นอาณาจักรเคานต์แห่งกัสติยาที่เป็นอาณาจักรบริวาร (vassal) ของราชอาณาจักรเลออน ชื่อ "กัสติยา" มาจากคำที่ว่าแปลว่าปราสาท เพราะในบริเวณนั้นมีปราสาทอยู่หลายปราสาท กัสติยาเป็นราชอาณาจักรหนึ่งที่ต่อมาก่อตั้งขึ้นเป็นราชบัลลังก์กัสติยาและราชบัลลังก์สเปนในที่สุด
ราชอาณาจักรกัสติยา Reino de Castilla | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1035–ค.ศ. 1230 | |||||||
ราชอาณาจักรกัสติยาก่อนที่จะผนวกราชอาณาจักรโตเลโดในคริสต์ศตวรรษที่ 11 | |||||||
สถานะ | ราชอาณาจักร | ||||||
เมืองหลวง | ไม่มีการกำหนด (บูร์โกส, บายาโดลิด และโตเลโดเป็นศูนย์กลางสำคัญ) | ||||||
ภาษาทั่วไป | สเปน (กัสติยา), บาสก์, โมซาราบิก และอาหรับถิ่นอัลอันดะลุส | ||||||
ศาสนา | คริสต์ศาสนา (โรมันคาทอลิก), อิสลาม และยูดาย | ||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคกลาง | ||||||
• โรดริโกเป็นเคานต์แห่งกัสติยา | ค.ศ. 1035 | ||||||
• อาณาจักรเคานต์แห่งกัสติยารวมกับเคานต์เฟร์นัน กอนซาเลซ | ค.ศ. 931 | ||||||
• กัสติยากลายเป็นราชอาณาจักร | ค.ศ. 1035 | ||||||
• รวมกับเลออน | ค.ศ. 1230 ค.ศ. 1230 | ||||||
| |||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | สเปน |
ประวัติศาสตร์
แก้กัสติยาในภาษาสเปนมีความหมายว่า "ดินแดนแห่งปราสาท" ซึ่งถูกใช้ครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 800 เพื่อใช้เรียกพื้นที่เล็กๆ ในหุบเขากันตาเบรีย กัสติยามีการขยายอาณาเขตในคริสต์ศตวรรษที่ 9 แต่ยังคงมีสภาพเป็นเพียงกลุ่มเคาน์ตีที่รวมตัวกันภายใต้ผู้ปกครองที่ได้รับการคัดเลือกจากกษัตริย์แห่งอัสตูเรียสและกษัตริย์แห่งเลออน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 970 เมื่อเฟร์นัน กอนซาเลซรวมเคาน์ตีทั้งหมดเข้าด้วยกันและขึ้นเป็นเคานต์คนแรกของดินแดนกัสติยาทั้งหมด ซึ่งเป็นเอกเทศภายใต้อำนาจการปกครองสูงสุดของกษัตริย์แห่งเลออน ในช่วงที่เฟร์นันมีชีวิตอยู่ บูร์โกสได้ถูกสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงและมีการขยายอาณาเขตไปทางใต้เข้าสู่อาณาเขตของชาวมัวร์ ภายใต้การปกครองของการ์ซิอา เฟร์นันเดซ และซันโช การ์ซิอา กัสติยาได้ขยายอาณาเขตไปไกลถึงแม่น้ำโดรู ความสัมพันธ์กับกษัตริย์แห่งเลออนซึ่งในทางการแล้วยังคงมีอำนาจปกครองสูงสุดเหนือกัสติยาค่อย ๆ ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
พระเจ้าซันโชที่ 3 มหาราชผู้ควบคุมเคาน์ตีอารากอน, เคาน์ตีโซบราร์เบ และเคาน์ตีริชาร์โกร์ซาได้พิชิตกัสติยาและยึดครองนครเลออน พระองค์ครองตำแหน่งเป็นจักรพรรดิในปี ค.ศ. 1034 แต่สิ้นพระชนม์ในปีต่อมา ทรงพระราชทานอาณาเขตให้แก่พระราชโอรส โดยการ์ซิอาที่ 3 ได้ปกครองนาวาร์ รามิโรที่ 1 ได้ปกครองอารากอน ส่วนเฟร์นันโดที่ 1 ได้ปกครองกัสติยา โดยทั้งสามต่างครองตำแหน่งเป็นกษัตริย์ เมื่อพระเจ้าซันโชที่ 3 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าเบร์มูโดที่ 3 ได้เข้าครอบครองเลออนแต่ถูกพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 สังหารในปี ค.ศ. 1037 และยึดเอาการครอบครองราชอาณาจักรเลออนมาเป็นของตน ทรงโค่นอำนาจพี่น้อง แสดงความเกรียงไกรในสมรภูมิรบ และเข้ายึดกูอิงบราพร้อมผลักดันผู้ปกครองมุสลิมออกไปจากโตเลโด เซบิยา และบาดาฆอส พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 ยึดพระราชบิดาเป็นตัวอย่างและแบ่งอาณาเขตให้แก่พระราชโอรส โดยพระเจ้าซันโชที่ 2 ได้ปกครองกัสติยา ส่วนพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ได้ปกครองเลออน หลังพระเจ้าซันโชที่ 2 ถูกฆาตกรรมในปี ค.ศ. 1072 พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ได้ขึ้นครองราชอาณาจักรกัสติยา ในปี ค.ศ. 1085 ราชอาณาจักรมุสลิมโตเลโดถูกผนวกเข้ากับกัสติยา ราชอาณาจักรถูกแบ่งให้แก่พระราชโอรสของกษัตริย์อีกครั้งในยุคของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 โดยพระเจ้าซันโชที่ 3 ได้ปกครองกัสติยา ส่วนพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 ได้ปกครองเลออน
พระเจ้าซันโชที่ 3 ครองราชย์ได้ไม่นาน พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 8 แห่งกัสติยาได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์ พระองค์กับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 2 แห่งอารากอนได้ลงนามร่วมกันในสนธิสัญญาในปี ค.ศ. 1179 เพื่อแบ่งกันว่าใครมีสิทธิ์พิชิตราชอาณาจักรมุสลิมแห่งไหน โดยกัสติยาได้สิทธิ์ในการพิชิตอันดาลูเซียและมูร์เซีย พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 8 แห่งกัสติยาได้แสดงแสงยานุภาพทางการเมืองและการทหารเหนือเลออน พระองค์บีบบังคับให้กษัตริย์แห่งเลออนถวายความเคารพต่อพระองค์ในปี ค.ศ. 1188 จากนั้นการปกครองของกัสติยาก็ขยายลงใต้ไปจนถึงแม่น้ำเทกัส ส่วนทางตะวันออกขยายไปถึงพรมแดนของอารากอนในสมัยใหม่ ทว่ากษัตริย์เลออนไม่เคยยอมรับว่ากัสติยามีอำนาจเหนือกว่า และพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 9 แห่งเลออนปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนพระเจ้าอัลฟอนโซแห่งกัสติยาในการทำสงครามกับราชวงศ์อัลโมฮัดของชาวมุสลิมเบอร์เบอร์ กัสติยาจึงต้องแสดงแสงยานุภาพทางการเมืองเหนือเลออนจนส่งผลให้การรับมือกับชาวมุสลิมอ่อนแอลง พระองค์พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ต่อราชวงศ์อัลโมฮัดในปี ค.ศ. 1195 ที่อาลาร์กอสซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโตเลโด แม้ก่อนหน้าที่จะพ่ายแพ้ พระเจ้าอัลฟอนโซได้สร้างความขุ่นเคืองให้แก่ผู้ปกครองชาวคริสต์คนอื่นๆ และไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ความพ่ายแพ้ของพระองค์ได้ทำให้ผู้ปกครองคนอื่นๆ ตื่นตัวต่อการคุกคามของราชวงศ์อัลโมฮัด พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 8 แห่งกัสติยาจึงร่วมมือกับพระเจ้าซันโชที่ 7 แห่งนาวาร์, พระเจ้าเปโดรที่ 2 แห่งอารากอน และกองทัพโปรตุเกสกับกองทัพเลออนจนสามารถพิชิตราชวงศ์อัลโมฮัดได้ในปี ค.ศ. 1212 ที่ลาสนาบาสเดโตโลซา อันเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของจักรวรรดิอัลโมฮัด
ในปี ค.ศ. 1230 หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 9 แห่งเลออน ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์คือพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 3 พระราชโอรสผู้เป็นกษัตริย์แห่งกัสติยาอยู่แล้ว เนื่องจากเบเรงเก-ลา พระราชมารดาของพระองค์เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 8 แห่งกัสติยา กัสติยาและเลออนจึงถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างถาวรภายใต้การเป็นผู้นำของชาวกัสติยา เกิดเป็นราชบัลลังก์กัสติยา
การสืบราชบัลลังก์
แก้ราชวงศ์ฆิเมเนซ
แก้- พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 แห่งเลออน อดีตเคานต์แห่งกัสติยาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเลออนตามสิทธิ์ของซันชาแห่งเลออนผู้เป็นภรรยา เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ กัสติยาและเลออนถูกแยกเพื่อแบ่งให้แก่พระราชโอรส
- พระเจ้าซันโชที่ 2 แห่งกัสติยาและเลออน สืบทอดกัสติยาต่อจากพระราชบิดา ทรงอภิเษกสมรสกับอัลเบร์ตาแต่ไร้พระโอรสธิดา
- พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 แห่งกัสติยาและเลออน สืบทอดเลออนต่อจากพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 ผู้เป็นพระราชบิดา ต่อมาได้สืบทอดกัสติยาต่อจากพระเชษฐาและขึ้นครองตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งเลออนและกัสติยา พระมเหสีของพระเจ้าอัลฟอนโซคืออาแญ็สแห่งอากีแตน ซึ่งเป็นบุตรสาวของกีโยมที่ 8 ดยุคแห่งอากีแตนและอาจจะสิ้นพระชนม์ก่อนพระองค์ พระเจ้าอัลฟอนโซจึงอภิเษกสมรสใหม่กับกงสต็องซ์แห่งบูร์กอญ ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกันหลายคน แต่มีเพียงพระธิดาคนเดียวที่มีชีวิตรอดจนถึงวัยผู้ใหญ่ เมื่อกงสต็องซ์สิ้นพระชนม์ พระองค์อภิเษกสมรสใหม่กับหญิงชื่อแบร์ตาซึ่งต่อมาสิ้นพระชนม์เช่นกัน พระองค์จึงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับหญิงชื่ออิซาเบลที่ภายหลังสิ้นพระชนม์ พระองค์จึงอภิเษกสมรสใหม่กับหญิงชื่อเบียทริซที่สิ้นพระชนม์หลังพระองค์
- สมเด็จพระราชินีนาถอูร์รากาที่ 1 แห่งกัสติยาและเลออน สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา พระสวามีคนแรกของพระนางคือแรมงแห่งบูร์กอญซึ่งสิ้นพระชนม์ก่อนพระนางจะขึ้นครองราชย์ ต่อมาทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 แห่งอารากอนและนาวาร์ ซึ่งเป็นการสมรสที่เกิดจากความไม่เต็มใจ หลังทั้งคู่แยกกันอยู่ พระนางมีคนรักและมีบุตรนอกสมรสด้วยกัน
ราชวงศ์บูร์กอญ
แก้- พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 7 แห่งกัสติยาและเลออน สืบทอดตำแหน่งจากพระราชมารดา พระองค์อภิเษกสมรสกับบารังเก-ราแห่งบาร์เซโลนาซึ่งสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา พระองค์จึงอภิเษกสมรสใหม่กับริเชซาแห่งโปแลนด์ พระเจ้าอัลฟอนโซนำธรรมเนียมการแบ่งราชอาณาจักรให้แก่พระโอรสกลับมาใช้อีกครั้ง
- พระเจ้าซันโชที่ 3 แห่งกัสติยา สืบทอดกัสติยาต่อจากพระราชบิดา ทรงสมรสกับบลังกาแห่งนาวาร์
- พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 8 แห่งกัสติยา สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา พระองค์อภิเษกสมรสกับเอเลนอร์แห่งอังกฤษ พระธิดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ
- พระเจ้าเอ็นริเกที่ 1 แห่งกัสติยา สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชบิดา พระองค์ไม่ได้อภิเษกสมรสและสิ้นพระชนม์ตอนพระชนมายุ 13 พรรษา
- สมเด็จพระราชินีนาถเบเรงเก-ลาแห่งกัสติยา สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระอนุชา พระองคเคยสมรสกับคอนราทที่ 2 ดยุคแห่งชวาเบินแต่การสมรสไม่สมบูรณ์เมื่อคอนราทถึงแก่กรรมเสียก่อน พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 9 แห่งเลออน ลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งที่อยู่ห่างกันหนึ่งขั้นเพื่อรักษาสันติภาพระหว่างสองราชอาณาจักร สมเด็จพระสันตะปาปาไม่ยอมรับการแต่งงานด้วยเหตผลว่าเป็นการร่วมประเวณีกันของญาติใกล้ชิด การสมรสถูกประกาศให้เป็นโมฆะ แต่พระราชบุตรของทั้งคู่ได้รับการพิจารณาให้เป็นบุตรตามกฎหมาย เมื่อพระอนุชาสิ้นพระชนม์ พระนางกลัวว่าอดีตพระสวามีจะพยายามอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ ทรงตระหนักได้ว่ากัสติยาจำเป็นต้องมีผู้นำทางทหารที่แท้จริงจึงทรงสละบัลลังก์ให้พระราชโอรส
- พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 3 แห่งกัสติยา สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระราชมารดาที่สละราชบัลลังก์แต่ยังคงอยู่เคียงข้างพระองค์ในฐานะที่ปรึกษาของกษัตริย์ เมื่อพระราชบิดาผู้เป็นกษัตริย์แห่งเลออนสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้ยกราชอาณาจักรให้พระธิดาทั้สองที่เกิดจากพระมเหสีคนแรก อดีตพระราชินีเบเรงเกลาได้ทำการเจรจาต่อรองจนสุดท้ายพระธิดาทั้งสองยอมรับเงินก้อนโตเพื่อแลกกับการสละสิทธิ์ในบัลลังก์ พระเจ้าเฟร์นันโดจึงขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเลออน ทำให้ราชสำนักกัสติยาและเลออนถูกผสานรวมกันและถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของราชบัลลังก์กัสติยา พระเจ้าเฟร์นันโดอภิเษกสมรสกับอลิซาเบธแห่งชวาเบิน เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์กษัตริย์ได้อภิเษกสมรสใหม่กับฌวน เคาน์เตสแห่งปงตีเยอ