ยุทธการที่เจี้ยเฉียว

ยุทธการที่เจี้ยเฉียว หรือ ยุทธการที่สะพานเจี้ย (อังกฤษ: Battle of Jieqiao ; จีน: 界橋之戰; พินอิน: Jièqiáo zhi zhàn) เป็นหนึ่งในศึกสงครามในสามก๊ก เป็นสงครามครั้ง ยิ่งใหญ่และเป็นศึกครั้งแรกที่เจ้าเมืองที่มีอำนาจสองแคว้นเข้าต่อสู้ทำศึกสงคราม เพื่อแย่งชิงพื้นที่จุดยุทธศาสตร์สำคัญทางภาคเหนือในแถบมณฑลกิจิ๋วและมณฑลเฉงจิ๋ว และกลายเป็นชนวนสำคัญในการนำไปสู่จุดจบการปกครองของราชวงศ์ฮั่น

ยุทธการที่เจี้ยเฉียว
ส่วนหนึ่งของ สงครามในยุคปลายราชวงศ์ฮั่น
วันที่ฤดูหนาว ค.ศ. 191
สถานที่36°58′51″N 115°16′29″E / 36.98083°N 115.27472°E / 36.98083; 115.27472
ผล อ้วนเสี้ยวได้รับชัยชนะเล็กน้อย
คู่สงคราม
อ้วนเสี้ยว กองซุนจ้าน
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
อ้วนเสี้ยว
จ๊กยี่
เตียนห้อง
กองซุนจ้าน
ยำก๋ง 
กำลัง
น้อยกว่ากองซุนจ้าน[ต้องการอ้างอิง] ทหารราบ 30,000 นาย, ทหารม้า 10,000 นาย[ต้องการอ้างอิง]
ความสูญเสีย
ไม่ทราบ ไม่ทราบ อย่างน้อย 1,000 นาย[ต้องการอ้างอิง]
ยุทธการที่เจี้ยเฉียวตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย์
ยุทธการที่เจี้ยเฉียว
ที่ตั้งในมณฑลเหอเป่ย์
ยุทธการที่เจี้ยเฉียวตั้งอยู่ในประเทศจีน
ยุทธการที่เจี้ยเฉียว
ยุทธการที่เจี้ยเฉียว (ประเทศจีน)
ยุทธการที่เจี้ยเฉียว
อักษรจีนตัวเต็ม界橋之戰
อักษรจีนตัวย่อ界桥之战

ศึก เจี้ยเฉียว หรือ ศึกสะพานเจี้ยเฉียว (Battle of Jie Bridge) หรือสะพานศิลา เป็นการศึกระหว่างอ้วนเสี้ยวและกองซุนจ้านในปี 192 AD ในตอนต้นของสมัยที่เกิดสงครามระหว่างเจ้าเมืองด้วยกันหรือก่อนช่วงสามก๊ก ซึ่งสงครามระหว่างเจ้าเมืองด้วยกันนี้นำไปสู่จุดจบของราชสำนักฮั่น

ศึกครั้งนี้เป็นศึกครั้งใหญ่ครั้งแรกที่เจ้าเมืองที่มีอำนาจสองคนต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงดินแดนภาคเหนือ ในแถบมณฑลกิจิ๋วและเฉงจิ๋ว สมรภูมิของการรบครั้งนี้อยู่ที่ทางตะวันออกของตำบลกงจ๋ง เมืองกิลกกุ๋น (ปัจจุบันคือ Weixian เมือง Hebei)

ปี 191 โจรผ้าเหลืองแห่งมณฑล เฉงจิ๋ว ออกปล้นเมืองปุดไฮ ด้วยจำนวนกว่า สามแสนคน พวกเขาวางแผนเข้าร่วมกับโจรภูเขาดำ กองซุนจ้านนำทัพกว่าสองหมื่นเข้าต่อสู้เหล่าโจร ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันที่ตอนใต้ของ Dongguang กองซุนจ้านเอาชนะกองโจร สามารถตัดหัวพวกโจรได้กว่าสามหมื่นคน เหล่ากบฏพากันหลบหนีไปทางแม่น้ำแยงซี กองซุนจ้านนำทัพตามพวกเขาไปทันที่ระหว่างทาง พวกกบฏพ่ายแพ้ มีคนตายหลายหมื่นคน เลือดจากการรบเปลี่ยนแม่น้ำเป็นสีแดง กองซุนจ้านจับเชลยศึกได้กว่าเจ็ดหมื่นคน ชุดเกราะ เกวียนและสมบัตินับไม่ถ้วน ชื่อเสียงของกองซุนจ้านเป็นที่รู้จักไปทั่ว อาศัยความได้เปรียบจากชัยชนะนี้ กองซุนจ้านอ้างการตายของกองซุนอวด ลูกพี่ลูกน้องของเขาประกาศสงครามกับอ้วนเสี้ยว

เขานำทัพมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้มาระหว่างมณฑลเฉงจิ๋วและแม่น้ำเหลือง เคลื่อนพลเข้าสู่มณฑลกิจิ๋ว แล้วไปตั้งค่ายที่ริมแม่น้ำพวนโห้ เขาส่งบันทึกความผิดและความประพฤติมิชอบของอ้วนเสี้ยวไปที่ศาล และนำกองทัพเข้าโจมตีอ้วนเสี้ยว

หลายหัวเมืองของมณฑล กิจิ๋ว ก่อกบฏต่อต้านอ้วนเสี้ยวเพื่อสนับสนุนกองซุนจ้าน อ้วนเสี้ยวกลัวมาก เขามีตราตั้งเจ้าเมืองปุดไฮ เขาจึงส่งตราประจำตำแหน่งนั้นให้แก่ Gongsun Fan ลูกพี่ลูกน้องอีกคนของกองซุนจ้าน ส่งเขาไปประจำการที่นั้น แต่ Gongsun Fan ได้ต่อต้านอ้วนเสี้ยว นำทหารเมืองปุดไฮ เข้าช่วยเหลือกองซุนจ้าน

ในที่สุด อ้วนเสี้ยวก็นำทัพด้วยตัวเองมาเผชิญหน้ากับทัพกองซุนจ้านทางตอนใต้ของสะพานจีห่างไปยี่สิบลี้ ทัพของกองซุนจ้านนั้นน่าจะมีกำลังพลสี่หมื่นคน แบ่งเป็นพลเดินเท้า สามหมื่นคนและทหารม้าหนึ่งหมื่นคน กองซุนจ้านจัดทัพพลเดินเท้าของเขาเป็นรูปสี่เหลี่ยม แล้วแบ่งทหารม้าออกเป็นสองกองเป็นปีกซ้ายและขวาของกองทัพ ส่วนตรงกึ่งกลางทัพนั้น เขาจัดกองกำลังม้าขาว (白馬義從) ซึ่งเป็นกองกำลังส่วนตัวของเขา ซึ่งเป็นทหารม้าที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และมีชุดเกราะและธงศึกที่น่าเกรงขาม แม้ว่ากองทัพของอ้วนเสี้ยวจะมีขนาดพอ ๆ กัน แต่ทัพของอ้วนเสี้ยวเกือบทั้งหมดเป็นพลเดินเท้า อ้วนเสี้ยวให้ แม่ทัพจ๊กยี่นำทหารแปดพันคน และพลธนูหนึ่งพันคนเป็นทัพหน้า และหลังทัพหน้านั้นเป็นกองทหารจำนวนหลายหมื่น ซึ่งอ้วนเสี้ยวบัญชาการด้วยตัวเอง

เมื่อกองซุนจ้านสังเกตว่า ทัพหน้าของอ้วนเสี้ยวนั้นกระจายกำลังออกไป มีจำนวนไม่มาก เขาจึงสั่งทหารม้าให้พุ่งเข้าโจมตี มีจุดประสงค์เพื่อทำลายแนวทัพของข้าศึก เพื่อให้ทัพจ๊กยี่แตกพ่ายไป จ๊กยี่จัดทหารให้ตั้งแนวป้องกัน เตรียมพร้อมรอคอยการโจมตี ทหารของจ๊กยี่หลบอยู่หลังโล่พวกเขาไม่เคลื่อนที่ จนทหารกองซุนจ้านเข้าใกล้มาในระยะราวสิบก้าว จ๊กยี่สั่งพลธนูให้ระดมยิง ทหารให้กระโดดขึ้นแล้วตะโกนเสียงดังกึกก้องแล้วหยิบหอกขึ้นมาต่อสู้ ทำให้ทัพม้าของกองซุนจ้านตกใจ และจ๊กยี่สามารถเอาชนะทัพกองซุนจ้านได้ในที่สุด

จ๊กยี่ตัดหัว ยำก๋ง ที่กองซุนจ้านแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการมณฑลกิจิ๋ว และฆ่าทหารกองซุนจ้านกว่าพันคน กองซุนจ้านรวบรวมทัพที่พ่ายแพ้แตกกระจายไปเข้าสู้อีกครั้ง นำหน้าโดยทหารม้าและตามด้วยพลเดินเท้า เขาพยายามที่จะรวบรวมพลและตรึงกำลังที่แนวของแม่น้ำเฉง แต่ทัพหลังของเขา ถูกทหารของจ๊กยี่โจมตีที่สะพานศิลา และพ่ายแพ้จนต้องหนีไป ทัพจ๊กยี่บุกมาถึงค่ายของกองซุนจ้าน ยึดธงประจำตัวของกองซุนจ้าน จนทัพที่เหลือของกองซุนจ้านต้องหลบหนีไป

เมื่อเห็นทัพกองซุนจ้านพ่ายแพ้หลบหนีไป อ้วนเสี้ยวจึงมุ่งหน้าไปดูสถานการณ์พร้อมกับพลธนูองครักษ์เพียงสิบคน และทหารอีกหนึ่งร้อยคน เขาไปพบกับทหารม้าสองพันคนของกองซุนจ้านโดยบังเอิญ เตียนห้องนายทหารคนสนิทของอ้วนเสี้ยว ได้แนะนำให้อ้วนเสี้ยวอาศัยกำแพงเล็ก ๆ เพื่อหลบภัย แต่อ้วนเสี้ยวกลับโยนหมวกศึกของเขาทิ้งลงกับพื้นแล้วพูดว่า ลูกผู้ชายที่แท้จริงนั้นควรที่จะยอมตายในสนามรบ การหลบไปอยู่หลังกำแพงหาใช่วิธีของลูกผู้ชายไม่ แต่ทหารม้าของกองซุนจ้านนั้นจำอ้วนเสี้ยวไม่ได้ และพวกเขาก็ถอยทัพในทันทีที่จ๊กยี่นำทัพมาถึงที่นั่น

อ้างอิง

แก้